บทที่ 226 ทางเลือกที่ดี
“คุณมีอันตราย คุณคิดว่าฉันจะอยู่เฉยๆได้เหรอ” ปลายนิ้วเรียวยาวจับที่คางของเวินจิ้ง มู่วี่สิงน้ำเสียงหนัก
“แต่ว่า คุณจะตกอยู่ในอันตรายนะ” เวินจิ้งสั่นพึมพำ
“ความปลอดภัยของคุณต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ก้นบึ้งของหัวใจสั่นเล็กน้อย
ความหมายคือ มู่วี่สิงให้เธอเป็นที่หนึ่งในใจเขาหรือ
“ขอบคุณนะ” เวินจิ้งกล่าวเสียงเบา
“คุณเป็นคุณนายมู่ ฉันไม่ปกป้องคุณแล้วจะให้ปกป้องใคร” มู่วี่สิงมองเธอ
“แต่ว่า ก็แค่เป็นคุณนายมู่เท่านั้นเอง” ระหว่างพวกเขา ไม่ได้มีความผูกพันกัน
มู่วี่สิงมองผ่านด้วยสายตาเย็นชา ยักคิ้วแล้วถาม “ไม่พอใจเหรอ”
“ไม่นี่” เวินจิ้งหลบสายตาของเขา
เป็นแค่คุณนายมู่ ก็เพียงพอแล้ว
เธอไม่ต้องการให้พวกเขามีความเกี่ยวข้องกันมากกว่านี้
ตอนเย็น เกาเชียนมารายงาน ฉืออี้เหิงกับฉินเฟยถูกจับแล้ว แค่เรื่องติดสินบนก็เพียงพอสำหรับทำให้พวกเขาเข้าคุกแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินโทษ สัปดาห์หน้าเป็นวันที่ศาลจะทำการพิจารณาคดี ต้องการให้เวินจิ้งเป็นพยาน
ในเวลาเดียวกัน ฉีเซินกับฉินเฟยก็ยกเลิกงานแต่งงานแล้ว ตระกูลฉินอยู่ในสถานการณ์ดิ่งลง
อารมณ์ของเวินจิ้งก็ยังเฉยๆ เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เธอไม่มีความหวังมากสำหรับการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ตอนนี้ความคืบหน้าทั้งหมดเกินความคาดหมายของเธอ
มู่วี่สิงอยู่โรงพยาบาลสามวัน เวินจิ้งก็ลางานเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขา
ลี่หนานเฉิงและซูยีนจะมาเยี่ยมทุกวัน แต่สีหน้าของลี่หนานเฉิงไม่ค่อยดี ต้องเห็นมู่วี่สิงกับเวินจิ้งดูสนิทสนมกัน รู้สึกหงุดหงิด
ซูยีนและเวินจิ้งคุยกัน ลี่หนานเฉิงนั่งข้างเตียงคนป่วย พูดแซว “ช่วงนี้ชีวิตช่างดีจริงๆ”
“ไม่พอใจเหรอ” มู่วี่สิงยักคิ้วอย่างเฉื่อยชา
“ไม่กล้าหรอก” คุณเป็นเจ้านายของฉันนะ”
“คุณวางแผนจะกลับไปที่ตระกุลลี่เมื่อไหร่”
“ชาตินี้คงไม่กลับไปแล้ว คุณว่าเป็นไปได้ไหม” ลี่หนานเฉินหรี่ตา
สำหรับตระกุลลี่ เขาไม่คิดจะกลับไปตั้งนานแล้ว
แต่ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับได้
เขาไม่เข้มแข็งพอ
“ต้องดูท่าทีของซูยีน แต่ว่า ฉันยังคงแนะนำคุณ รีบกลับไปซะ” มู่วี่สิงกล่าว
“ไม่มีฉัน บริษัทการผลิตยาเทียนอีในตอนนี้คุณว่างแผนอย่างไรบ้าง คนอย่างเสี้ยวหงฉันคิดว่าเขาก็เจ็บกับความรัก คงไม่กลับมาเร็วนี้แน่นอน”
“เวลานี้บริษัทการผลิตยาเทียนอีสถานการณ์ก็ค่อยๆเป็นปกติแล้ว ฉันไม่กังวล”
“ไม่ใช่เพราะฉันเหรอ แต่ช่วงนี้บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปเงียบมาก คงไม่ใช่เพราะวางแผนใหญ่อยู่นะ” ลี่หนานเฉิงลูบคาง พูดเสียงเย็นลง
“ฉันจะเช็คดู”
“ช่างเหอะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จแน่”
วันที่มู่วี่สิงออกจากโรงพยาบาลก็กลับไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งห้ามไม่อยู่ หลังจากส่งเขาไปแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะตามขึ้นไปที่ทำงานเพื่อเฝ้าดู
ถึงแม้เขาจะเอาผ้าพันแผลออกไปแล้ว แต่แผลที่แขนก็ยังไม่หายดี
พอไปถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งได้รับคำสั่งให้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้การ เธอรีบไปทันที
เวินจิ้งขอเจอฉินเฟย แต่เนื่องจากฉินเฟยถูกควบคุมตัวชั่วคราว ไม่สามารถเจอได้
เวินจิ้งหลบตา ในเวลานั้นฉินเฟยใจร้ายกับเธอมาก ทำลายอนาคตของเธอ ความเกลียดชังเช่นนั้น เพียงเพราะฉืออี้เหิงเหรอ
เธอแค่ต้องการคำตอบ
เมื่อออกจากสถานีตำรวจ ฉีเซินก็มาพอดี
เขาตั้งใจรอเวินจิ้ง
“มีธุระ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“จะเชิญคุณไปทานข้าว” ฉีเซินไม่อ้อมค้อม
“ฉันไม่ได้ติดค้างอะไรคุณนะ” เวินจิ้งถอยไปครึ่งก้าว
“เป็นเพียงแค่งานในครอบครัว แม่ของฉันก็อยู่ คุณคิดว่าฉันจะทำอะไรคุณเหรอ”
เวินจิ้งลังเล แต่เธอไม่ได้เจอคุณนายฉีมานานแล้ว
“คุณน้าเจี่ยนก็ไป ถ้าคุณไม่ไป คงจะไม่ดี” ฉีเซินหรี่ตา
เวินจิ้งนิ่งไปสักครู่ ไม่ลังเลแล้วขึ้นรถไป
เปิดโทรศัพท์ มีข้อความส่งมาจากเจี่ยนอีจริงๆ เมื่อครู่อยู่สถานีตำรวจก็เลยไม่เห็น
“เวินจิ้ง ทำไมคุณถึงไม่เชื่อใจฉัน” ฉีเซินสีหน้าผิดหวัง
“คุณไม่น่าเชื่อถือ” เวินจิ้งสีหน้าดูเฉย
“ฉันไม่เคยทำร้ายคุณ คงจะไม่ใช่ มู่วี่สิงพูดใส่ร้ายฉันนะ” ฉีเซินยักคิ้ว
“คุณคิดมากไปแล้ว พวกเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนี่”
“ไม่ๆ ฉันยินดีที่จะเป็นเพื่อนของคุณ”
“ฉันไม่ยินดี” เวินจิ้งปฏิเสธโดยไม่คิด
แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนเพื่อนน้อยอยู่แล้ว ไม่มีเพื่อนผู้ชายเลย
“ตอนนี้ฉันโสด จีบได้เลย” ฉีเซินทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ฉีเซิน ถ้าคุณเป็นเช่นนี้ ฉันจะไม่ไปจริงๆแล้ว”
ฉีเซินเงียบ ในตาแสดงถึงความผิดหวังเล็กน้อย
จับพวงมาลัย เขากำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
หลังจากครึ่งชั่วโมง รถขับเข้าไปในตระกูลฉี
เห็นเวินจิ้งเดินมา หลินเวยยิ้มรับด้วยใบหน้าที่เมตตา “ มาแล้วเหรอเสี่ยวจิ้ง”
“สาวน้อย หมอมู่ไม่อยู่ข้างๆ” เจี่ยนอีเป็นเอ็นดูทั้งเธอและมู่วี่สิง
“เขาต้องทำงาน” เวินจิ้งยิ้ม เรื่องมู่วี่สิงได้รับบาดเจ็บไม่ได้บอกใคร
“เฮ้ เธอสองคนก็ไม่ได้มาเยี่ยมฉันตั้งนานแล้ว” เจี่ยนอีรู้สึกลึกๆ “จะมีหลานชายให้ฉันเมื่อไหร่ ฉันจะได้ไม่ว่างมากขนาดนี้”
“แม่ เรื่องนี้ยังเร็วไป” รอยยิ้มบนหน้าเวินจิ้งดูฝืดๆ
“ไม่เร็วนะ พวกเธอแต่งงานไปหนึ่งปีแล้วนะ ลูกเกิดเร็วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“เรื่องนี้ จักรพรรดิไม่รีบขันทีรีบนะ เจี่ยอี แล้วแต่เด็กๆเขาเถอะเ” หลินเวยยิ้ม
มื้อเย็นจะปิ้งย่างในสวน ฉีเซินลงมือทำเอง เวินจิ้งไปช่วย
“ไปรอทางโน้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” ฉีเซินขวางเธอไว้
“คุณทำได้เหรอ” เวินจิ้งเฝ้าดูอย่างไม่มั่นใจเขา
“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ” ฉีเซินแกล้งทำเป็นโกรธ
“ไม่กล้าหรอกคุณชายฉี เช่นนั้นคุณก็เหนื่อยหน่อยนะ”
เวินจิ้งเจอโทรศัพท์ โทรหามู่วี่สิง บอกเขาว่าวันนี้จะทานข้าวเย็นที่ตระกูลฉี
“แม่ฉันก็อยู่ ทานเสร็จก็จะกลับทันที”
“อืม เย็นนี้ฉันมีประชุม เดี๋ยวจะไปรับคุณ”
“ระวังสุขภาพด้วย อย่าเหนื่อยเกินไป” เวินจิ้งทักเตือน
อาการบาดเจ็บของมู่วี่สิงยังไม่หายดีก็ทำงานหนักแล้ว เธอไม่สามารถห้ามได้
วางสายโทรศัพท์ หลินเวยเรียกเธอไปข้างๆ “เสี่ยวจิ้ง สอบปริญญาโทเตรียมตัวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ สมัครเรียบร้อยแล้ว”
“ต้องการให้ฉันช่วยไหม ฉันพอมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศอยู่ เขียนจดหมายแนะนำตัวให้คุณ”
“คุณนายฉี ขอบคุณท่านมาก แต่ฉันไม่ได้คิดที่จะไปต่างประเทศ”
“เรียนในประเทศก็ดี ฉันสามารถช่วยอะไรได้บ้าง” หลินเวยถามด้วยความเป็นห่วง
“ณ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นค่ะ”เวินจิ้งยิ้ม สำหรับความห่วงใยของหลินเวยที่มีให้เธอ เธอรู้สึกขอบคุณมาก
หลังทานข้าวเย็น เวินจิ้งตั้งใจจะไปส่งเจี่ยนอีกลับบ้านก่อน
เรียกคนขับรถมา เวินจิ้งปฏิเสธการรับส่งของฉีเซิน
“เวินจิ้ง ถ้ามีเวลาว่างมาเยี่ยมคุณน้าบ่อยๆนะ”
เวินจิ้งพยักหน้า แล้วขึ้นรถ เจี่ยนอีใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งคืน มันไม่เหมือนนิสัยของเธอ
“แม่ มีเรื่องที่ต้องกังวลหรือเปล่า” เวินจิ้งถาม
เจี่ยนอีมองดูสิ่งก่อสร้างที่ค่อยๆห่างออกไป ดวงตาดูเศร้า
“หลินเวยอยากได้เธอเป็นลูกบุญธรรม แม่ไม่ได้ปฏิเสธ”
“ในใจหนู คุณคือแม่คนเดียวของฉัน” เวินจิ้งพิงไหล่ของเจี่ยนอี ถึงแม้คุณนายฉีจะดีกับเธอ แต่เธอไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้
เจี่ยนอีมองลูกสาว ค่อยๆขมวดคิ้ว
“หากเธอสามารถพึ่งพาตระกูลฉีได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี”