บทที่209 มีแค่เธอที่ทำได้
ช่วงบ่าย เวินจิ้งกลับไปบริษัทการผลิตยาเทียนอี เธอต้องการที่จะไปส่งใบลากับเสี้ยวหงด้วยตนเอง
เสี้ยวหงกำลังจะเซ็นชื่อ เมื่อเห็นบันทึกเหตุผลการลาของเวินจิ้ง ว่าไปร่วมงานแต่งของเพื่อน
“เพื่อนคนไหน” เขาถามอย่างพล่อยๆ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “อั้ยเถียน”
แน่นอนว่าใบหน้าของเสี้ยวหงดูเย็นชาขึ้นมา เซ็นชื่อเรียบร้อย แล้วพูดว่า “ยินดีกับเขาด้วย”
ใบหน้าของเวินจิ้งไม่มีการแสดงออกใดๆ หลังจากออกไปลี่หนานเฉิงก็ขึ้นมาพอดี
“เวินจิ้ง เธอไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกับฉันหน่อย” ลี่หนานเฉิงแสดงออกราวกับได้พบผู้ช่วยชีวิต เมื่อได้พบกับเวินจิ้ง
เวินจิ้งเงียบไปสักพัก ก็ถูกลี่หนานเฉิงลากขึ้นลิฟท์ไปเรียบร้อย
“คุณลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เวินจิ้งขมวดคิ้ว ลี่หนานเฉิงแม้ว่าจะเป็นพวกชอบเยาะเย้ยถากถางสังคม แต่ท่าทางเคร่งขรึมแบบนี้ ไม่ค่อยได้เห็นเขาแสดงออกมา
“คุณทะเลาะกับมู่วี่สิงใช่ไหม” ลี่หนานเฉิงไม่ตอบคำถาม มีแต่ถามย้อนกลับไป
เวินจิ้งหยุดนิ่งไปชั่วครู่ นึกขึ้นมาได้ถึงสีหน้าที่ไม่พอใจของมู่วี่สิงเมื่อเช้านี้ น่าจะเป็นเพราะเขาโกรธแน่ๆ ……
เมื่อเห็นสีหน้าของเวินจิ้ง ลี่หนานเฉิงก็เข้าใจทันที
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ ผู้หญิงคนเดียวมามีอิทธิพลต่ออารมณ์ของมู่วี่สิงตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ไม่น่าจะมีนะ” เวินจิ้งส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ไหนแต่ไรมามู่วี่สิงไม่มีทางจะทะเลาะกับเธอ
“ฉันไม่เชื่อ วันนี้เขามาที่บริษัทหน้าตาเยือกเย็นอย่างกับมัจจุราช ฉันก็ไม่เข้าใจเลย ทุกคนในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นกังวลกันทั้งนั้น”
“ขนาดคุณยังทำอะไรไม่ได้ ฉันนี่ก็ยิ่งแย่ไปอีก” เวินจิ้งย่นใบหน้าของเธอ
“ไม่ มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้” ลี่หนานเฉิงพูดอย่างหนักแน่น
“ฉันยังไม่เลิกงาน …….” เวินจิ้งไม่คิดจะไปพบมู่วี่สิง
ลี่หนานเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วลากเวินจิ้งเข้าไปยังออฟฟิศของซีอีโอ แล้วพูดกับเสี้ยวหงว่า “ ฉันขอยืมตัวเวินจิ้งครึ่งวัน!”
เสี้ยวหงไม่รู้จะเขียนว่าอะไร ได้แต่พยักหน้า
เธอถูกลี่หนานเฉิงผลักเข้าไปในรถ ความเร็วดั่งพายุไต้ฝุ่นทำให้เวินจิ้งหน้าซีด
“คุณลี่ ช้าหน่อยก็ได้ ……” เวินจิ้งพูดอย่างซีเรียส
ลี่หนานเฉิงหันมาสบตาเธอ “ช้าไม่ได้หรอก”
ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที ในที่สุดก็มาถึงประตูทางเข้าของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งรีบผลักประตูลงจากรถทันที แบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“มู่วี่สิงทำอะไรกับพวกคุณ” เวินจิ้งถามอย่างเคร่งขรึม
ลี่หนานเฉิงจำเป็นต้องรีบขนาดนี้เลยหรือ
“ผู้บริหารระดับสูงสองคนถูกไล่ออก วันทั้งวันเขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ ยิ่งไปกว่านั้นสัญญาอะไรเขาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เป็นแบบนี้ เธอคิดว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกำลังจะต้องพบหายนะไหมหละ”
เวินจิ้งขยับปาก “นี่มันเป็นเรื่องภายในของพวกคุณ”
“ไม่ วันนี้เขาดูไม่ปกติเลย” ลี่หนานเฉิงและมู่วี่สิงรู้จักกันมาหลายปี นิสัยของมู่วี่สิงนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดี
แม้ว่าเขาจะเป็นคนซีเรียสเรื่องงาน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงความรุนแรง
เว้นแต่เขาจะมีเรื่องไม่ดีในใจ
“คุณลี่ ฉันคิดว่าการที่คุณพาฉันมาที่นี่ น่าจะยิ่งเพิ่มความทุกข์ยากให้มู่วี่สิง” เวินจิ้งรู้สึกลำบากใจ
เธอกับมู่วี่สิงเพิ่งจะมีเรื่องไม่ค่อยดีกันเมื่อเช้านี้ ดังนั้นถ้ามู่วี่สิงเห็นเธอเข้าจะยิ่งเป็นการกระตุ้นเขามากขึ้นกว่าเก่า
“สถานการณ์แย่แล้วก็ต้องพลิกกลับมาได้ เข้าใจไหม” ลี่หนานเฉิงอดไม่ได้ที่ต้องพูดและพาเวินจิ้งขึ้นไป
เมื่ออยู่ข้างลี่หนานเฉิง ตลอดทางที่เดินไป เวินจิ้งกลายเป็นที่สนใจของคน
เธอเดินก้มศีรษะไป ในหัวก็เต็มไปด้วยเรื่องความเครียดของมู่วี่สิงเมื่อเช้านี้
เขาโกรธเพราะอะไรกันแน่
เพียงเพราะเธอไม่ได้ชวนเขาไปงานแต่งงานของอั้ยเถียนงั้นเหรอ
เวินจิ้งไม่เข้าใจเหตุผล
ตรงไปยังชั้นบนสุด ตรงข้ามของออฟฟิศผู้บริหาร มีผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งกำลังเดินคอตกออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่เล่นด้วย
เมื่อเขาได้พบกับคุณลี่ สีหน้าก็เกือบจะร้องไห้ออกมา “คุณลี่ วันนี่คุณอย่าเข้าไปพบคุณมู่เลย วันนี้เขา …….”
“ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว นี่งัยผมพาผู้ที่จะช่วยชีวิตพวกเรามาแล้ว” ลี่หนานเฉิงกล่าว
เวินจิ้งค่อยๆเดินทีละก้าวๆอย่างเงียบๆ มู่วี่สิงกำลังโกรธอยู่ เธอไม่กล้าที่จะไปรบกวนเขา
แต่ลี่หนานเฉิงผลักเธอเข้าไปในห้องแล้ว แล้วตะโกนเข้าไป “เฮ้พวก ภรรยานายมีเรื่องจะคุยกับนาย”
เวินจิ้ง ………
ประตูด้านหลังของเธอถูกปิดไปแล้ว ห่างไปแค่ไม่กี่เมตร มู่วี่สิงกำลังขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองเวินจิ้งอย่างไม่สนใจใยดี
เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ กางเกงสีดำ ดูแล้วเต็มไปด้วยออร่าที่เยือกเย็นมาก
เวินจิ้งมองเขาด้วยความใจเย็น และยังไม่พูดอะไรออกไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มู่วี่สิงวางเอกสารที่อยู่ในมือลง เดินเข้ามา “หนานเฉิงพาคุณมาที่นี่เหรอ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบอะไร แล้วถามเขากลับไป “คุณโกรธเรื่องเมื่อเช้านี้หรือเปล่า”
“เธอคิดว่าฉันจะโกรธมั้ยหละ” ความเยือกเย็นของมู่วี่สิงแผ่กระจายไปทั่ว
“ฉันจะไปรู้เหรอ” เวินจิ้งพึมพำ
เขาจับคางของเธอเงยหน้าขึ้นมา เธอต้องเห็นภาพของมู่วี่สิงที่ลึกล้ำและยากที่จะคาดเดา
“เป็นห่วงผมเหรอ” เขาถามเธอ
“ไม่สักหน่อย” เวินจิ้งหันกลับ
สีหน้าของมู่วี่สิงยิ่งดูเยือกเย็นขึ้น ทำให้ใครได้เห็นความเย็นชานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เธอไปได้แล้ว” มู่วี่สิงปล่อยเธอไป แล้วหันกลับไปอย่างเย็นชา
ปกติแล้วมู่วี่สิงไม่เคยปฏิบัติกับเธอแบบนี้เลย มันทำให้ใจที่เคยสงบของเธอไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
จะร้ายจะดีเธอก็มาที่นี่แล้ว อีกทั้งยังใกล้จะเลิกงานแล้วด้วย จะกินข้าวกันสองคนไม่ได้หรืออย่างไร
เธอคิดแบบนี้ตลอดทางที่เดินมา แต่ด้วยมู่วี่สิงอารมณ์ไม่ค่อยดี หากเธอเกลี้ยกล่อมเขาน่าจะทำได้
“ฉันไม่ไป” เวินจิ้งก็เริ่มจะมีอารมณ์โกรธ สีหน้าอันเยือกเย็นค่อยๆปรากฏออกมา
มู่วี่สิงไม่สนใจเธอ และจัดการอยู่กับงานอย่างแข็งขัน ราวกับว่าไม่มีเธออยู่ที่นั่น
เกาเชียนเข้าๆออกๆ รายงานเรื่องงานตลอด แต่น้ำเสียงของมู่วี่สิงนั้นอ่อนโยนไม่น้อย
ลี่หนานเฉิงได้ยินคำพูดของเกาเชียน เขาถามทันที “ไม่หัวร้อนแล้วเหรอ”
“น่าจะเป็นเพราะภรรยาท่านอยู่ด้วย ตอนนี้ปกติแล้ว” เกาเชียนถอนหายใจอย่าง
โล่งอก
ลี่หนานเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในมือของเขามีโครงการใหญ่ที่ต้องการให้มู่วี่สิงลงนาม แต่ถูกเขายั้งไว้เมื่อเช้านี้ ตอนนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาแล้วหรือเปล่า
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงรีบเดินไปยังออฟฟิศ “เพื่อน โครงการนี้กำลังจะเริ่มแล้ว ลงชื่อให้ฉันหน่อย”
มู่วี่สิงขมวดคิ้วแล้วกวาดสายตามา ตอบลี่หนานเฉิง “โครงการนี้ฉันไม่เห็นด้วย”
“อะไร มีปัญหาอะไรเหรอ” ลี่หนานเฉิงเริ่มก้มหน้า
โครงการนี้เขาเคยคุยกับมู่วี่สิงมาก่อนแล้ว เขาบอกว่าทำได้เหลือแต่เขาไปปฏิบัติเท่านั้น
“ช่วงนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาและเรื่องของการนำเข้ายา ปีหน้าค่อยมาคุยกันใหม่” สีหน้าของมู่วี่สิงตอนนี้ยากที่จะคัดค้านเขา
“ตอนนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้ขาดทุนอะไร ฉันคิดว่าไม่น่ามีปัญหา” ลี่หนานเฉิงยืนยันทัศนะของเขา
ยาเหล่านี้ล้วนแต่ได้รับการตอบรับอย่างดีในต่างประเทศ ตอนนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดในเมืองหนานเฉิงอยู่ไม่มาก เขาคิดว่าไม่สามารถจะดำเนินการแบบนี้ได้
“ตำแหน่งของฉันสูงกว่านาย นายทำได้แค่ฟังคำสั่งของฉันเท่านั้น”
ลี่หนานเฉิงสำลัก เม้มปากแน่น ถ้าไม่ได้อยู่ในบริษัทเขาคงจะระเบิดออกไปแล้ว
ขณะเดียวกันนั้นเวินจิ้งนิ่งสงบ ไม่ได้สนใจฟังเรื่องที่สองคนนี้คุยกัน เธอเพียงแต่เล่นโทรศัพท์และอ่านข้อมูลบนโทรศัพท์เธอเท่านั้น
“ปีหน้าก็ปีหน้า!” ลี่หนานเฉิงรีบเดินออกไป
แต่ก่อนจะออกไป ได้เดินไปหาเวินจิ้ง “หิวรึเปล่า”
เสียงจากด้านข้างที่ดังเข้ามานั้นทำให้เธอรู้สึกตัวและส่ายหน้ากลับไป
“หิวแล้วแหละ ฉันมีเรื่อจะคุยกับเธอ” ลี่หนานเฉิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงให้เวินจิ้งออกไปกับเขา
“คุณลี่…….” ตอนนี้เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทั้งๆที่เธออารมณ์ดี