บทที่196 ไม่มีใครกล้าโทษเขา
สองวันก่อน เวินจิ้งมาที่บริษัทโป๋ทงกรุ๊ป
ต้อนรับเลขาของเธอ พาเธอไปยังที่ห้องประชุม ส่วนฉืออี้เหิงมาถึงก่อนแล้ว
“ตอนนี้ควรเรียกคุณว่า ประธานเวินแล้วสิ?” ฉืออี้เหิงเผยรอยยิ้มแบบทีเล่นทีจริง
ตอนนี้การจัดการด้านการขายทั้งหมดให้เวินจิ้งเป็นคนรับผิดชอบแล้ว ฉืออี้เหิงตัดสินใจไม่ยากที่
จะให้เวินจิ้งเลื่อนขั้น
“คุณเฉิงเรียกฉันว่านางสาวเวินดีกว่าค่ะ” ใบหน้าของเวินจิ้งไร้ความรู้สึกใดๆ
หลักฐานที่เซ็นสัญญากันไว้ก่อนหน้า ต่อไปเวินจิ้งจะต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
เกี่ยวกับการขายยาเหม่ยทงตัวนี้ของโป๋ทง จริงๆ แล้วให้เพื่อนร่วมงานฝ่ายการขายของ博
通ติดตามผลก็ได้แล้ว
ดังนั้นการที่ได้เจอเฉินอี้เหิง เวินจิ้งรู้สึกคาดไม่ถึงมาก่อน
“การจัดการด้านการขายคุณฉือเป็นคนติดตามผลด้วยตัวเองหรอคะ? เวินจิ้งถามอย่างนิ่งๆ
“อีกสักพักจะมีเพื่อนร่วมงานอีกคนมาด้วย ตอนนี้ พวกเรามาคุยเรื่องเก่าๆกันก่อนได้นะ” ฉืออี้
เหิงเหล่ตามอง และพิงไปที่เก้าอี้อย่างขี้เกียจ รู้สึกว่าสบายยิ่งนัก
เวินจิ้งขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ เธอและฉืออี้เหิงมีเรื่องเก่าๆ อะไรที่ต้องคุย?
ที่สำคัญเรื่องที่โดนจับตัวเรียกค่าไถ่ยังตรวจสอบไม่ชัดเจนเลย เขายังคงเป็นเป้าหมายคนแรกที่
เธอสงสัย
“ทำไม นางสาวเวินดูเหมือนไม่ค่อยอยากสนใจผมเลยล่ะ” เฉิงอี้เหิงเหล่ตามอง
เวินจิ้งเงยหน้ามองเขา “กับคนที่เกลียดฉัน คุณคิดว่าฉันอยากจะสนใจเขามั้ย?”
“ผมเกลียดคุณจริงๆ แต่ถ้าไม่มีคุณ ก็คงไม่มีผมในตอนนี้” ฉืออี้เหิงเผยรอยยิ้มที่เย็นชา
เขามีวันนี้ได้ ทั้งหมดก็เพราะถูกเวินจิ้งบีบบังคับ
ช่วงเวลานี้ เขาสูญเสียไปเยอะมาก
“ฉืออี้เหิง โรคเพ้อเจ้อของคุณพอเถอะ ฉันเคยพูดแล้วนะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณไม่เกี่ยวข้องกับ
ฉันเลยสักนิด”
“ใช่หรอ? เวินจิ้ง ผมไม่เชื่อคุณหรอก” ฉืออี้เหิงยิ้ม และมองลงอย่างดูถูก
“ฉันว่าเรามาคุยเรื่องงานกันจะดีกว่า” เวินจิ้งไม่อยากคุยเรื่องอื่นกับเขาอีก
“เวินจิ้ง คุณกำลังกลัว” ฉืออี้เหิงเหล่มองเวินจิ้งอย่างไม่กระพริบตา
“ฉันกลัวอะไรคะ?”
“คุณกลัวว่าผมจะแก้แค้นคุณไง” ฉืออี้เหิงยิ้มอย่างเย็นชา
“ฉันกลัวหรือไม่ คุณฉือก็มาแก้แค้นฉันอยู่ดี ฉืออี้เหิง ฉันรู้สึกว่าคุณควรไปพบจิตแพทย์นะ จิตใจ
ที่บิดเบี้ยวของคุณมันเกินไปแล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างจริงจัง
ถ้าหากว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนวางแผนผลักเธอตกหน้าผาล่ะก็ แสดงว่าเสียสติไปแล้วจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเวินจิ้งก็เย็นลงแล้ว
“คุณฉือให้เพื่อนร่วมงานที่รับผิดชอบเข้ามาเลยดีมั้ยคะ?” เวินจิ้งถามอย่างมีมารยาท
ฉืออี้เหิงยังคงเหล่ตามองเวินจิ้งเช่นเคย เวินจิ้งในตอนนี้ ทำให้เขานับวันยิ่งดูไม่ออกเลย
ทำไมเธอถึงยังมีเหตุมีผลได้เช่นนี้? เขากลับดูเป็นคนเลวไปเลย
ฉืออี้เหิงมองด้วยสายตาหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินผลักประตูออกไป เวินจิ้งรอไปแล้วหนึ่ง
ชั่วโมงเต็มๆ เพื่อนร่วมงานพึ่งจะเข้ามา ด้วยกิริยาที่หยิ่งยโส แต่ไหนแต่ไรเวินจิ้งเป็นคนนิสัยดี
มาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย
“คำขวัญนี้กำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงที่พวกเราผลิตยาขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนะคะ” เวินจิ้งพูดอย่างจริงจัง
“การขายยาของ โป๋ทงแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีคำขวัญแย่ขนาดนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนนะ”
เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันต้องกลับไปรายงานก่อนค่ะ”
“ตามใจ”
ห้องทำงานผู้จัดการ ฉืออี้เหิงมองดูห้องประชุมผ่านกล้องวงจรปิดตลอด ขมวดคิ้วที่เรียวยาวอยู่
ตลอดเวลา เวินจิ้งในสายตาเขาทำให้เขาอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ทำให้เขาเกลียดอีกเช่นกัน
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินเฟยเดินเข้ามา เฉิงอี้เหิงละสายตากลับมา และรีบปิดหน้าจอ
ลงทันที
“เฟยเฟย ผมบอกกี่ครั้งแล้ว อย่าขึ้นมาหาผมโดยตรง” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ฉีเซินไม่ได้มานะ คุณขี้ขลาดมากไปรึเปล่า” ฉินเฟยนั่งลงแบบไม่แคร์
“ที่จริงคุณไม่ใช่คนของโป๋ทงนะ รู้มั้ย?” ฉืออี้เหิงพูดอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่สนหรอก โป๋ทงมีใครที่ไม่รู้ว่าฉันคือคุณนายในอนาคต” ฉินเฟยพูดอย่างหยิ่งยโส
“งั้นก็ยิ่งควรระวังสถานะของคุณนะ เดี๋ยวจะไปถึงหูของฉีเซินเอา”
“รู้ก็รู้สิ ยังไงใจของเขาก็อยู่ที่เวินจิ้ง ไม่ได้สนใจฉันอยู่แล้ว” พูดอย่างนี้แล้ว ฉินเฟยเองก็รู้สึกหด
หู่ใจเล็กน้อย
ตอนนี้เธอและฉีเซินก็ยังไม่ได้กำหนดวันแต่งงานกันสักที จะได้แต่งเข้าตระกูลฉีหรือเปล่า ก็ยัง
ไม่รู้เลยจริงๆ นอกซะจาก เวินจิ้งผู้หญิงคนนี้จะหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง
“ช่วงนี้มู่วี่สิงกำลังช่วยเวินจิ้งตรวจสอบวิทยานิพนธ์อยู่ เกรงว่าอีกไม่นานก็คงตรวจมาถึงพวกเรา
ได้” น้ำเสียงของฉินเฟยค่อยๆเย็นลง
“ปีก่อนผมช่วยคุณไว้นะเฟยเฟย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมนะ” ฉืออี้เหิงรีบแก้ตัวทันที
ฉินเฟยยิ้ม “แต่อย่างไรก็ตาม คนที่หักหลังเธอตั้งแต่แรกก็คือคุณนะ ฉืออี้เหิง พวกเราอยู่บนเรือ
ลำเดียวกันแล้ว ใครก็อย่าได้ผลักใครตกลงไปในน้ำเลยนะ”
“มู่วี่สิงตรวจสอบไม่ได้หรอก” ฉืออี้เหิงพูดอย่างมั่นใจ
“คุณรู้มั้ย? ตระกูลมู่บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยหนานเฉิงไม่น้อยเลย หลายปีก่อนมู่วี่สิงก็เป็นส่วน
หนึ่งที่ออกทุนนะ หากเขาอยากจะสืบ มันก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ อีกอย่างที่สำคัญกว่านี้ ไม่มี
ใครกล้าผิดใจกับเขาด้วย
“หมายความว่าไง?” ฉืออี้เหิงมองด้วยสายตาที่สับสนอยู่ครู่หนึ่ง
“หากว่าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา ฉันก็ยังมีตระกูลฉีบังหน้าไว้อยู่ แล้วคุณล่ะขอร้องฉันสิ?” ฉิน
เฟยเลิกคิ้ว บิดเอวอันบอบบางค่อยๆเดินไปหาฉืออี้เหิง นั่งลงบนตักของเขา ใช้นิ้วที่ขาวนวลของ
เธอเชยคางของเขาขึ้นมา ขยับเข้าใกล้ซะจนแก้มของเธอแทบจะแนบกับใบหน้าอันหล่อเหลา
ของเขา ฉืออี้เหิงค่อยๆ หรี่ตาลง แอบกำมืออย่างแน่น
“เฟยเฟย” สักพักน้ำเสียงของเขาค่อยๆ อุ่นลง
ฉินเฟยยิ้ม เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากบางๆของเขาแล้วพูดว่า วางใจเถิด ฉันไม่ยอมให้เกิดเรื่องกับคุณ
หรอก”
ฉืออี้เหิงกอดฉินเฟยไว้แน่น แล้วดันเธอนอนบนโต๊ะทำงานอย่างดุเดือด จูบปากของเธอ ค่อยๆ
ลูบไล้ลงไปข้างล่าง……
ในห้องทำงาน บ่อยครั้งที่มีเสียงหัวเราะ “ฮิๆ” แทรกเข้ามา ผสมผสานกับเสียงหายใจ……
เวินจิ้งออกจากโป๋ทง ก็ใกล้จะค่ำแล้ว มีรถโรลส์-รอยซ์สีขาวค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตู
ลดบานเลื่อนลง เผยใบหน้าที่หล่อเหลาของฉีเซิน
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ คิดไว้ว่าจะทำเป็นมองไม่เห็นเขา แต่ร่างที่สูงใหญ่ของฉีเซินมา
ขวางเธอไว้อย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนหรอครับ? ผมไปส่งคุณมั้ย?”
“คุณฉีคุณมาที่นี่ได้ไง?” เวินจิ้งถามเขาอย่างระวังตัว
ฉีเซินยิ้ม “มีแต่คุณที่มาได้ ผมก็มาไม่ได้หรอ?”
“ไม่รบกวนคุณฉีแล้วค่ะ” เวินจิ้งถอยหลังกลับไปครึ่งก้าว เพื่อออกห่างจากเขา
ฉีเซินมองด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง
“เวินจิ้ง ผมแค่อยากส่งคุณกลับบ้าน นี่ก็ดึกมากแล้วนะ มันอันตราย” ฉีเซินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“มีรถมารับฉันแล้ว” เวินจิ้งมองไปที่รถที่อยู่ไม่ไกล มู่วี่สิงเตรียมให้คนขับรถมารับเธอไว้แล้ว
ขึ้นรถของฉีเซิน น่าจะอันตรายกว่า?
เห็นเวินจิ้งยืนยันที่จะไป ฉีเซินล้วงมือเข้ากระเป๋า นัยน์ตาสีดำที่เหล่มองเธอ พร้อมพูดอย่างแผ่ว
เบาว่า “เวินจิ้ง คุณคิดว่าทำไมมู่วี่สิงถึงต้องแต่งกับคุณ? ทำไมต้องเป็นคุณ?
“เขาแค่หลอกใช้คุณ”
เวินจิ้งหยุดชะงัก แต่ไม่เชื่อคำพูดของฉีเซินเลย
คำถามนี้เธอเองก็เคยคิดมานานแล้ว แต่เธอยอมที่จะเชื่อ เพียงเพราะช่วงเวลานั้นมู่วี่สิงแค่
ต้องการภรรยาไว้สักคน