บทที่193 เป็นผู้ชายของเขา
“เวินจิ้งก็อยู่หรอ” ฉินเฟยยิ้มเกร็งๆ
“พวกเธอรู้จักกัน?” หลินเวยถามอย่างคาดไม่ถึง
“แต่ก่อนพวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน” ฉินเฟยลงไปนั่งข้างๆ ฉีเซิน มองเขาด้วยสายตาค่อนข้าง
เศร้าโศก “ทำไมถึงไม่เรียกฉันมาเช้ากว่านี้ล่ะคะ”
“คุณมาแล้ว ก็ไม่บอกผม” ฉีเซินเลิกคิ้ว พูดเสียงเย็นชา
“ฉันแค่อยากให้คุณเซอร์ไพรส์ แต่ฉันออกเดินทางช่วงไม่กี่วันนี้ คุณก็รู้นี่” เสียงของฉินเฟยไม่
ค่อยพอใจ
เห็นชัดว่าฉีเซินไม่ได้ใส่ใจเรื่องของเขาเลย
“โอเค ไม่ต้องพูดแล้ว เฟยเฟยคืนนี้ก็พักอยู่ที่นี่เลย ฉีเซินเธอควรอยู่เป็นเพื่อนคู่หมั้นตัวเองเยอะๆ
นะ” หลินเวยหยุดไม่ได้ที่จะขุ่นเคืองเล็กน้อย
ฉีเซินขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบโต้
โต๊ะกินข้าวเพิ่มมาอีกคน ฉินเฟยหยุดไม่ได้ที่จะมองเวินจิ้ง “เวินจิ้งก็ออกมาทำงานหรอ?”
” อืม” เวินจิ้งตอบแบบนิ่งๆ
“ช่วงนี้เธอกับฉีเซินดูสนิทกันนะ” ฉินเฟยถามแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็แสดงความไม่พอใจ
ออกมาด้วย
“ฉันเป็นคนเชิญเวินจิ้งมาเอง” หลินเวยทำหน้านิ่ง สายตาที่ขุ่นเคืองมองไปที่ฉินเฟย
ฉินเฟยก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าออกเสียงทันที
เขาคีบสเต็กชิ้นเล็กให้ฉีเซิน “ที่คุณชอบกิน”
แต่ฉีเซินคีบไปใส่ไว้อีกถ้วย โดยที่ไม่กินมันเลย
หลินเวยหน้านิ่วคิ้วขมวด บนโต๊ะกินข้าวต่างฝ่ายต่างมีความในใจ
กินมื้อค่ำเสร็จ เวินจิ้งไม่ได้อยู่ต่อ ฉีเซินจะไปส่งเขา แต่ฉินเฟยมาขวางเอาไว้
“ตระกูลฉีมีคนขับรถไปส่ง คุณยังจะไปส่งเวินจิ้งถึงห้องอีกหรอ?” ฉินเฟยยิ้มอย่างเยือกเย็น
ถึงแม้เขากับฉีเซินไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นคู่หมั้นเธอ เป็นผู้ชายของเธอ
“ฉันไม่ไว้ใจ” ฉีเซินค่อยๆผลักเขาออกไป
แต่เวินจิ้งเรียกรถเองแล้ว “รถของฉันมาถึงละ ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
พูดจบ เธอก็รีบขึ้นรถอย่างเร็ว
ฉีเซินอยากจะตามเขาไป แต่ฉินเฟยดึงมือเขาไว้ตลอด
“ไม่เห็นหรอแม้แต่มองเขายังไม่มองคุณเลย อย่างไรก็ตาม คุณก็คือกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ
บริษัทฉีชื่อกรุ๊ปนะ ไปชอบผู้หญิงที่เขาไม่ชอบคุณ เสียฟอร์มจริงๆ”
เวินจิ้งมีเสน่ห์ตรงไหนกัน คิดไม่ถึงว่าหลินเวยก็ยังต้อนรับเขาด้วยตัวเอง
เขารู้ว่าหลินเวยเป็นคนที่เก็บตัว หลายปีมานี้ก็เข้าสังคมน้อยลงเยอะ แต่ดันมาเมตตาเวินจิ้งซะงั้น
” เกินไปมั้ย? ฉินเฟย คุณคู่ควรที่จะพูดถึงผมหรอ? ผมว่าคุณลืมสถานะตัวเองแล้ว ขอเพียงแค่ผม
พูดออกมาคำเดียว คุณก็ไม่ใช่คู่หมั้นผมอีกต่อไป” ฉีเซินจับคางฉินเฟยอย่างเยือกเย็น ดันเธอเข้า
กำแพง ทันใดนั้นความโหดของเขาทำให้ฉินเฟยสั่นไปทั้งตัว
“ฉีเซิน ฉันแค่อยากเตือนคุณเท่านั้นเอง เวินจิ้งเขาแต่งงานแล้วนะ” ฉินเฟยขมวดคิ้ว
เขาก็ไม่สามารถให้ใจเวินจิ้งไปมากกว่านี้ได้
เธอไม่รู้สึกเลยว่า ตัวเองสู้เวินจิ้งไม่ได้
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะสนใจ กลับไปซะ” ฉีเซินหรี่ตา แล้วออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น
ฉินเฟยรั้งแขนของเขาไว้อย่างแน่น มองดูเวินจิ้งนั่งรถออกไป ในตาของเธอสมหวังเล็กน้อย
“ตอนนี้คุณก็ตามเขาไม่ทันแล้ว”
“ปล่อยมือ!” ฉีเซินหรี่ตามองอย่างดุร้าย
ฉินเฟยชะงัก ปล่อยมืออย่างช้าๆ
ฉีเซินเดินออกไป ที่ไหนได้ยังมองเห็นรถที่เวินจิ้งนั่งออกไปคันนั้น
ณ เวลานี้เอง มีรถเก๋งออกไปจากบ้านพักตากอากาศ โรงแรมที่เวินจิ้งเรียกไว้อยู่ในเมือง แต่ดู
เหมือนรถคันนี้ขับออกไปชานเมืองที่เปลี่ยวๆ
เธอชักสีหน้าลง แล้วพูดกับคนขับรถว่า “คุณไปผิดทางแล้ว”
เธอดูเครื่องนําทาง ยิ่งมายิ่งไกลออกจากจุดหมาย
คนขับรถไม่ตอบอะไร พอเหยียบคันเร่ง รถเก๋งก็แล่นไปด้วยความเร็วสูง
เวินจิ้งวิตกกังวลไปหมด รีบค้นหามือถือทันที แต่ว่าไม่เจอมือถือในกระเป๋า
หรือว่าทำหล่นไว้ที่บ้านตระกูลฉี?
“คุณเป็นใคร? ใครใช้คุณมา?” เวินจิ้งถามด้วยความโมโห
แต่ยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา
มองไปรอบๆ ยิ่งมายิ่งเวิ้งว้าง ไหล่ทั้งสองข้างของเธอหยุดสั่นไม่ได้
“มู่วี่สิง” เธอพูดเสียงพึมพำ ควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่อนี้ออกมา
มองเห็นแต่กลางป่ากลางเขา หรือว่าจะถูกโยนทิ้งแล้ว?
เธอได้ทำผิดกับใครไว้รึเปล่า?
เวินจิ้งพยายามคิด แต่หลายปีที่มานี้เป็นแค่พนักงานออฟฟิศเล็กๆน้อยๆ ที่ทํางานก็ไม่ได้เป็นศัตรู
กับใครเลย หรือว่าจะเป็น….ฉืออี้เหิง?
ลึกๆแล้วเขาเกลียดเธอมาตลอด คิดถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็เงยหัวขึ้นมา “ฉืออี้เหิงใช้คุณมาใช่มั้ย?”
คนขับรถคงยังไม่ตอบอะไร รถขับขึ้นไปบนภูเขา ไม่มีไฟทางเลย ทุกที่ล้วนเป็นที่รกร้าง
ณ ชานเมืองเมืองB。
เกาเชียนกำลังขับรถ มู่วี่สิงมองตำแหน่งในมือถือ เขาติดตั้งระบบตำแหน่งไว้ในมือถือเวินจิ้งนาน
แล้ว เขาเช็คได้ทุกเมื่อ
แต่ตอนนี้ตำแหน่งนั้นหยุดอยู่ที่บ้านตระกูลฉีนานแล้ว แต่ครึ่งชั่วโมงก่อนเวินจิ้งเรียกรถออกมา
จากบ้านตระกูลฉีแล้ว “ประธานมู่พบรถที่น่าสงสัยขับขึ้นไปบนเขาครับ” เกาเชียนตอบอย่างหนัก
แน่น
มู่วี่สิงรีบหาวิดีโอนำทางไปภูเขาเปยต้ายนัยน์ตาสีดำที่เยือกเย็นหรี่ตาลง เขารีบโทรศัพท์หาเวินจิ้ง
ขณะนั้นเอง ฉินเฟยเห็นไฟกะพริบสายเรียกเข้า เธอตกใจ รีบปิดเครื่องแล้วเอาไปซ่อนไว้ทันที
ฉีเซินออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็เห็นท่าทีของฉินเฟยนานแล้ว เขาเดินไปอย่างเร็ว อยากจะไป
พลิกมือถือ ฉินเฟยรีบวิ่งไปขวางไว้ เขาพูดอย่างเย็นชา “ทางที่ดีคุณควรพูดมาตรงๆเลยดีกว่า
มือถือของเวินจิ้งทำไมถึงอยู่ที่มือคุณ?” ฉินเฟยกัดริมฝีปาก ตอบอย่างใจเย็นว่า “เธอเผลอทำ
หล่นไว้ ฉันคิดไว้ว่าจะคืนให้เขาพรุ่งนี้”
“คุณคืนเขาเป็นด้วย?” ฉีเซินยิ้มอย่างดูแคลน แสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อ
ฉินเฟยขมวดคิ้ว เอาตัวมาขวางหน้าฉีเซิน แต่ยังไงก็ไม่ยอมส่งมือถือมา
โดนดันมาถึงระเบียงแล้ว เธอยกมือขึ้น “ถ้าคุณเข้ามาอีกล่ะก็ ฉันจะโยนมือถือทิ้ง!”
ฉีเซินสีหน้าเย็นชา “ฉินเฟย คุณกล้าหรอ?”
“ฉันมีอะไรที่ไม่กล้า” พูดจบ ก็โยนลงไปตรงสระว่ายน้ำ เสียง“ตุ๋ม” ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
ฉีเซินจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น สายตาที่มองลงไปเหมือนกับจะเชือดฉินเฟยเป็นชิ้นๆ
เธอกัดปากแน่น สีหน้าขาวซีด
“ทำแบบนี้ทำไม? เอามือถือเวินจิ้งมาทำไม? ” ฉีเซินเข้าใกล้ ถามอย่างเคร่งขรึม
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยิบมือถือเขามา” ฉินเฟยปฏิเสธ
ฉีเซินเชยคางเขาขึ้น และบีบคอฉินเฟยทันที เธอเจ็บจนแม้แต่เสียงก็ร้องออกมาไม่ได้
ฉินเฟยไม่พูดสักคำ
เขาก้มหน้า มองไปไม่ไกล มีอะไรบางอย่างแวบผ่านสมอง รีบปล่อยฉินเฟยทันที “ถ้าหากเกิด
เรื่องอะไรกับเขาขึ้นมา ผมจะฝังคุณไปกับเขา!” น้ำเสียงที่เย็นชาชัดเจนเด็ดขาด ฉินเฟยไม่สงสัย
เลยสักนิด ฉีเซินพูดแล้วทำจริงแน่นอน!
เขาหันกลับอย่างดุร้าย เดินไปโทรไป “ผมจะตามรถคันนั้น”
ยอดเขาเปยต้ายลมที่หนาวเย็นพัดมาเบาๆ
พอรถจอด เวินจิ้งก็ไปผลักประตูรถออกทันที คนขับรถหันกลับมา เผยหน้าที่มีแผลเป็นน่ากลัว
หนึ่งเส้น เวินจิ้งตกใจทันที เขามองตาเธอ มุทะลุดุดันที่จะฆ่า