บทที่ 158 เราหย่ากันเถอะ
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
มู่วี่สิงออกจากห้องทำงาน ด้านนอก ลู่หวั่นยังมากลับ
เห็นมู่วี่สิงเดินออกมา เธอเดินเข้าไปหา “ท่านประธาน ข้างนอกฝนตกหนัก คุณจะรอให้ฝนหยุดก่อนไปค่อยออกไป เมื่อสักครู่ฉันสั่งอาหารรอบดึกให้คุณแล้ว”
เอ่ยจบ เคาท์เตอร์ก็เอาข้าวยกเข้ามา
มู่วี่สิงหยุดเท้าลง เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ส่ายหัว “ไม่ล่ะ ผมจะกลับบ้าน คุณก็รีบกลับไปเถอะ”
ความผิดหวังผ่านเข้ามาในสายตาของลู่หวั่น ไม่นาน เธอจึงเอ่ยเบาๆ “วันนี้ฉันไม่ได้เอาร่มมา ไม่ได้เอารถมาด้วย คงยังกลับไม่ได้”
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน” มู่วี่สิงบอกเสียงเรียบ
ลู่หวั่นรีบเดินตามไป กำลังจะเข้าไปนั่งข้างคนขับ ทว่าโดนมู่วี่สิงปฏิเสธ
“ตรงนี้เป็นที่ของคุณนายมู่”
“วี่สิง คุณนับวันยิ่งแบ่งแยกฐานะกับฉันแล้วหรอ” ลู่หวั่นอารมณ์ขุ่นมัว
เธอรู้จักมู่วี่สิงมานานหลายปี แม้ว่าแต่ก่อนจะไม่ได้สนิทสนมกับเขา แต่ก็ไม่มีระยะห่างแบบนี้
“ลู่หวั่น คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม และเป็นคนที่ผมชื่นชม แต่มัน ก็เพียงเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาเย็นชา
ลู่หวั่นมองออกไปนอกหน้าต่าง ม่านหมอกในตาหนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน เธอก็มองเห็นบริษัทการผลิตยาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เวินจิ้งพึ่งจะเดินออกมา กำลังจะเรียกรถกลับไป แต่รถในวันที่ฝนตกนั้นน้อยมาก เธอยืนตัวเปียกอยู่ริมถนน ก็ยังไม่ได้ขึ้นรถ
รถยนต์ไมบัคสีดำจอดลงด้านข้างช้าๆ เวินจิ้งตกใจ มองออกทันใดว่าเป็นรถของมู่วี่สิง
เขามาได้ยังไง?
เธอนึกว่าเขากลับบ้านไปนานแล้ว
เวินจิ้งยืนอยู่ข้างถนน ก้าวถอยหลังไปกี่ก้าวไม่ได้ขึ้นรถ
กั้นไว้เพียงหน้าต่างรถ ดวงตาคมเย็นเยือก บีบแตรรถ
เวินจิ้งยังคงไม่ขยับ มองไปยังด้านหลังว่ามีรถมาหรือไม่
แต่เสียงแตรรถดังขึ้นข้างหู เวินจิ้งจ้องเขม็งไปที่มู่วี่สิงอย่างโกรธจัด เขากดกระจกลง น้ำเสียงเย็นชา “ขึ้นรถ”
น้ำเสียงเย็นชาออกคำสั่งทำให้เวินจิ้งไม่พอใจ แต่ร่างกายที่เปียกปอนก็ไม่สบายตัว เธอไม่ทำให้ตัวเองลำบากจะดีกว่า
เธอไม่ได้นั่งข้างคนขับแต่กลับเปิดประตูด้านหลัง
มองเห็นลู่หวั่น ชะงักนิ่งอีกครั้ง
เธอไม่แสดงท่าทีใดๆ เพียงนั่งลงไปมู่วี่สิงก็โยนผ้ามาให้เธอหนึ่งผืน “เช็ดให้แห้ง”
เวินจิ้งตีหน้าขรึม มองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ
ลู่หวั่นเห็นทั้งคู่ไม่คุยกันแม้แต่ประโยคเดียว มุมปากค่อยๆยกยิ้ม เธอเอ่ยถามเวินจิ้ง “คุณนายมู่ปกติงานยุ่งหรอคะ?”
เวินจิ้งค่อยหันหน้ากลับมา “ไม่เท่าไหร่ ไม่ค่อยทำงานล่วงเวลา”
“งั้นก็ดีค่ะ ช่วงนี้วี่สิงงานเยอะ คุณต้องดูแลเขามากๆ” ลู่หวั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเผด็จการ
เวินจิ้งนั้นฟังออก มองใบหน้าสวยของลู่หวั่น เธอแต่งหน้าเก่ง มีเสน่ห์ ดูมีสกุล
คงจะเติบโตจากตระกูลร่ำรวยสินะ
เธอขมวดคิ้ว “ฉันคิดว่าข้างกายท่านประธานคงไม่ขาดคนดูแล”
ได้ยินดังนั้น รถยนต์คันหรูพลันต้องเบรคกระทันหัน หญิงสาวสองคนด้านหลังไม่ทันระวังตัวจึงตกใจ มู่วี่สิงจึงเอ่ยบอกเสียงเรียบ “ขอโทษด้วย พอดีไม่ทันมองไฟแดง”
เวินจิ้ง………
เธอจ้องมู่วี่สิงเขม็ง ผู้ชายคนนี้ตั้งใจใช่ไหม
ลู่หวั่นก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว ขยับพิงประตู ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก
ไม่นานลู่หวั่นก็ลงรถ แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเธอยังกระจายทั่วรถ เวิ้นจิ้งขมวดคิ้วไม่พอใจ จนกระทั่งกลับไปถึงการ์เด้นมู่เจียวานก็ตีหน้านิ่งมาตลอดทาง
ลงจากรถ ความเงียบครอบคลุม เวินจิ้งอดไม่ได้จามออกมา
เสื้อผ้าบนตัวเปียกชื้น แถมยังใส่เสื้อสีขาว ตอนนี้สามารถมองเห็นสีดำด้านในอย่างชัดเจน ยั่วยวนได้เป็นอย่างดี
เวินจิ้งตั้งใจยกสองแขนขึ้นมาปิดบัง แต่ตอนที่มู่วี่สิงเดินเข้ามา อยู่ในมุมที่สูง ไม่มีอะไรชัดได้มากกว่านี้แล้ว
เขาหรี่ตาลง มุมปากยกยิ้มขึ้น “อยากปกปิดแต่ยิ่งเปิดเผย?”
เวินจิ้งหน้าแดงก่ำ เขาเห็นหน้าอกเธอตลอด
เธอโกรธเดินนำหน้าเขา แต่มู่วี่สิงขายาว ไม่นานก็ตามมาทัน
แขนยาวโอบมา พาร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ไม่นานก็อุ่นขึ้นมาเยอะทีเดียว
นึกถึงเมื่อสักครู่ที่ลู่หวั่นนั่งอยู่ในรถ เธออดไม่ได้เอ่ยถาม “เมื่อตอนเย็นคุณอยู่กับคุณลู่หรอ?”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “คุณสนใจด้วยหรอ?”
สนใจไหม?
เวินจิ้งไม่ตอบ แน่นอนว่าสนใจ สนใจตายเลย!
แต่เธอไม่มีทางยอมรับต่อหน้ามู่วี่สิงแน่นอน “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
เธอเอ่ยจบ ปลายคางก้ถูกมู่วี่สิงจับยึดไว้แน่น เขาเกือบจะบังคับขู่เข็ญเวินจิ้งเข้ากับลิฟท์ ดวงตาคมอันตราย “คุณนายมู่ สนใจไหม?”
เขาถามใหม่อีกครั้ง คล้ายกับถ้าไม่ได้คำตอบที่ต้องการเขาจะไม่ยอมปล่อย
เวินจิ้งถูกความเยือกเย็นของเขาทำให้ตกใจกลัว เธอสั่นระริก ยังคงส่ายหน้า
มู่วี่สิงจูบเธอด้วยแรงอารมณ์ เวินจิ้งเบิกตากว้าง ไม่มีทางหลบเลี่ยง
เธอทุบแผ่นอกหนาของมู่วี่สิง ไม่ก็ไร้ประโยชน์ จูบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอเบิกตากว้างขึ้นทันที กัดเขาแรงๆ
เลือดกระจายไปทั่ว มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ บีบหน้าเล็กของเธอ สายตาต่อต้านของเธอชัดเจน
หายใจเข้าลึก เขากดอารมณ์โกรธของตัวเอง
เวินจิ้งผลักเขาออกทันใด ในตอนที่ประตูลิฟท์เปิดออก จึงรับวิ่งออกไป
เมื่อสักครู่ เธอตัดสินใจชัดเจนแล้วหนึ่งเรื่อง
มู่วี่สิงเดินเข้าประตูมาก็เห็นเธอกำลังถอดแหวนแต่งงานออก เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา สูดหายใจเข้าลึก “มู่วี่สิง เราหย่ากันเถอะเ”
เราหย่ากันเถอะ
เดิมทีใบหน้าของมู่วี่สิงก็เยือกเย็นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับทะมึนทึงขึ้น แผ่กระจายไอร้ายกาจออกมาทั่วตัว เวินจิ้งรีบก้าวถอยหลัง
ใบหน้าของเขาน่ากลัว ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความโกรธ ก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ สุดท้าย ร่างของเวินจิ้งก็ต้องล้มลงบนโซฟา
มู่วี่สิงขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ ลำตัวแนบชิด
“เวินจิ้ง คุณอยากหย่าหรอ? หืม?” น้ำเสียงของเขาสงบอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับแทงลึกเข้ากระดูก
เวินจิ้งถูกมู่วี่สิงในโมดนี้ทำให้ตกใจกลัว แม้บางครั้งเวลาเขาโกรธเขาจะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่เคยน่ากลัวมากเท่าครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าอีกสักพักเขาคงจะฆ่าเธอให้ตาย
เธอกลัวมู่วี่สิงที่เป็นแบบนี้ แต่เธอตัดสินใจแล้ว เธอไม่อยากถลำลึกไปมากกว่านี้
“ใช่ มู่วี่สิง ตอนแรกเราก็คุยกันแล้ว การแต่งงานครั้งนี้จะยกเลิกเมื่อไม่ต้องการแล้ว ตอนนี้ ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว” เวินจิ้งน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
เอ่ยจบประโยค หัวใจเธอก็แตกละเอียด
ดวงตาปิดไม่มิดถึงหมอกขาวปกคลุม เธอสูดหายใจเข้าลึก หักห้ามน้ำตาต่อหน้ามู่วี่สิง
เธอไม่กล้ามองเขา
ทว่ามู่วี่สิงไม่ยอมปล่อยสายตาจากใบหน้าสวย มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน “คุณอยากหย่า คุณมั่นใจว่าคุณจะรับผลที่ตามได้? หืม?”
เวินจิ้งนิ่ง ผลลัพธ์?
เธออดไม่ได้เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของมู่วี่สิงเยือกเย็น ไร้ความรู้สึก
ต่อหน้าเธอเขาอบอุ่นอ่อนโยนมาตลอด เขาตอนนี้ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกกลัว