บทที่ 154 หาเรื่องใส่ตัว
ฉีเซินเดินไปที่ห้องเมื่อสักครู่ ถีบประตูเปิด ฉืออี้เหิงถูกมัดอยู่บนเกก้าอี้ สองฝั่งมีการ์ดเฝ้าอยู่
“จุ๊จุ๊ ฉืออี้เหิง คุณว่าทำไมคุณถึงได้มาอยู่จุดนี้ในวันนี้ ข่มขู่ผู้หญิงไปทั่วเพื่อมาช่วยตัวคุณเอง น่าดูถูกจริงๆ” ฉีเซินนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม กลิ่นไออันตรายลอยออกมาจากตัว
“ถ้าไม่ใช่เพราะเวินจิ้งกับมู่วี่สิงทำร้ายผม ผมไม่มีทางตกต่ำมาจนถึงจุดนี้หรอก” ฉืออี้เหิงกัดฟันพูด
“ถ้าคุณไปไม่หาเรื่องพวกเขาก่อน พวกเขาก็ไม่ทำกับคุณแบบนี้ ฉืออี้เหิง คุณนี่มันหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น”
ฉืออี้เหิงเม้นปากแน่น สีหน้าไม่ยอมแพ้
“ในเมื่อคุณไม่ช่วยผม ตอนนี้จะกักตัวผมไว้ทำไมอีก” ฉืออี้เหิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณทำร้ายว่าที่ภรรยาของผม คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปแบบนี้?” ฉีเซินขยับเข้าใกล้ คอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น
“คุณก็ไม่ได้ชอบฉินเฟยอยู่แล้ว คุณชอบเวินจิ้ง ไม่คิดว่าผู้หญิงมือสองที่ผมไม่เอาจะมีคนอยากได้เยอะขนาดนี้…..”
อยากพูดไม่ทันจบ เท้าของฉีเซินก็กระแทกไปที่ฉืออี้เหิงเต็มแรงจนล้มลงไปกองที่พื้น ความโกรธถูกส่งออกมาจากดวงตาคม
“ฉืออี้เหิง แกมันสมควรตาย” น้ำเสียงโกรธจัดของฉีเซินเอ่ยออกมา
“ตอนนี้ผมก็มีอยู่ชีวิตเดียว ผมกับคุณฉีเราไม่ได้มีความแค้นต่อกัน แต่ผมรู้ว่า คุณมีความแค้นต่อมู่วี่สิงมาก”
ฉีเซินหรี่ตาจ้องมองเขา อีกครั้งที่เท้าเตะลงไปด้วยความโกรธ “เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“แค่คุณช่วยผม ผมก็ช่วยคุณได้” ฉืออี้เหิงเอ่ยเสียงเรียบ
ฉีเซินขมวดคิ้ว หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างไม่เป็นสุข ควันสีขาวลอยคละคลุ้งบดบังสีหน้าของเขา
เขามองฉืออี้เหิง มุมปากค่อยๆยกสูง
…………
เวินจิ้งอยู่ต่ออีกไม่นานก็กลับไป หลิวเวยออกไปส่งเธอด้วยตัวเอง
“เวินจิ้ง ฝากถามข่าวคราวแม่เธอด้วยนะ กลับดีๆล่ะ”
เวินจิ้งยิ้มบางๆ “วันนี้ต้องขอบคุณการดูแลจากคุณนายฉีนะคะ คุณก็รักษาสุขถาพด้วย”
เพียงหมุนตัว เธอก็เห็นมู่วี่สิงยืนพิงประตูรถอยู่ วันนี้เขาสวมเชิ้ตขาวคู่กับกางเกงแบบตะวันตก ท่าทางสง่างาม แต่ก็น่าเกรงขาม
เวินจิ้งเดินเข้าไปหา มู่วี่สิงโอบเอวเล็กอย่างเป็นธรรมชาติ เปิดประตูรถให้เธอ
หลินเวยมองมู่วี่สิงอยู่ไกลๆ ใบหน้าค่อยๆเคร่งขรึม
“มู่วี่สิง คุณมานานแล้วหรอ?” เวินจิ้งเอ่ยถามเขา
ถ้าเขามาถึงแล้วโทรหาเธอ เธอคงจะออกมาเร็วกว่านี้
“สิบนาทีก่อน” มู่วี่สิงเอ่ยตอบ สายตามองลงไปยังลำคอของเวินจิ้ง มีรอยบางๆอยู่บนนั้น ชัดเจนว่าเป็นรอยมือคนบีบ
ดวงตาเขาเข้มขึ้นทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ไม่เอ่ยปากอยู่สักพัก
จริงๆเรื่องมันผ่านไปแล้ว เธอไม่คิดจะบอกมู่วี่สิง
เห็นเธอไม่พูด ใบหน้ามู่วี่สิงตึงขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “คุณไม่พูด ผมก็สืบเองได้”
“ไม่มีอะไร….” เวินจิ้งคว้ามือของเขาเอาไว้ “ไม่รู้ฉืออี้เหิงเข้ามาได้ยังไง ฉันถูกเขาจับเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
ยิ่งเธอตั้งใจไม่เอ่ยถึงฉีเซิน มู่วี่สิงก็ยิ่งโกรธ
“มู่วี่สิง” เห็นใบหน้าเคร่งขรึมของมู่วี่สิง ในใจของเวินจิ้งก็ไม่สงบ
“ต่อไปถ้าเกิดเรื่อง รีบบอกผม คุณนายมู่ต้องจำไว้ ผมเป็นสามีของคุณ” สายตาแวววาวของมู่วี่สิงมองมายังเธอ น้ำเสียงปิดบังความโกรธเอาไว้ไม่มิด
เวินจิ้งพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย ตลอดทาง มู่วี่สิงไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
พอมาถึงการ์เด้นมู่เจียวานก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาอีก
ถึงตอนเย็น แม่บ้านมาทำอาหารตรงเวลา เวินจิ้งให้เธอรีบกลับไป เธอลงมือทำอาหารเอง
ทำอาหารตะวันตกที่มู่วี่สิงชอบทั้งนั้น แต่ฝีมือทำอาหารของเธอนั้นธรรมดา ยิ่งเป็นอาหารตะวันตกด้วย ยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหม่
มองดูนาฬิกาสองทุ่มแล้ว ทำสเต๊กเนื้อมาหลายครั้งแล้วไม่เคยสำเร็จเลย เวินจิ้งถอนหายใจอย่างยอมแพ้ หรือว่าจะต้องสั่งซื้อ?
ไม่นานมู่วี่สิงก็ออกมา บนโต๊ะยกสปาเก็ตตี้ออกมาแล้ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอาหารอย่างอื่น
อีกทั้งในห้องครัวยังดูวุ่นวาย กลิ่นไหม้ลอยออกมาอยู่ตลอด
“มู่วี่สิง….คุณจะออกไปข้างนอกหรอ?” เวินจิ้งเชยตาขึ้น เห็นผู้ชายตรงหน้าแต่งตัวพิถีพิถัน เปลี่ยนชุดและรองเท้าแล้ว ราวกับจะออกไปข้างนอก
“อืม คืนนี้ไม่ต้องรอผม” น้ำเสียงเย็นชาของมู่วี่สิงเอ่ยตอบ แล้วรีบออกไป
เวินจิ้งยืนนิ่ง สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่มู่วี่สิงมีต่อเธอ ความผิดหวังในใจหลังไหลเข้ามาดั่งทะเล
เธอนั่งลงบนโต๊ะอาหาร เคี้ยวสาปาเก็ตตี้ที่ตัวเองทำอย่างไร้รสชาติ เทียบกับฝีมือทำอาหารของมู่วี่สิงแล้ว เธอห่างจากเขาลิบลิ้วเลย
เธอถอนหายใจอย่างพ่ายแพ้ คิดถึงใบหน้าเย็นชาของมู่วี่สิง ดังนั้น เธอต้องง้อเขาหรอ?
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอุบัติเหตุ เขาจะโกรธก็ไม่แปลกไปหน่อยหรอ
เวลานี้ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ตอนนี้ดึกแล้ว มู่วี่สิงเดินเข้ามาในห้องทำงาน นอกจากเกาเชียน ก็ยังมีลู่หวั่นที่อยู่ที่นี่
มู่วี่สิงมองเธออย่างแปลกใจ “ไม่ใช่พึ่งกลับมาหรอ? มาทำอะไรที่นี่?”
“เลขาเกาบอกว่าคืนนี้คุณจะมาประชุม ฉันไม่มีอะไรทำเลยแวะมาดู ทำไม ไม่ต้อนรับหรอ?” ลู่หวั่นขมวดคิ้ว
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” ใบหน้าเคร่งขรึมของมู่วี่สิงอ่อนโยนขึ้น
ลู่หวั่นเดินเข้ามา เอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมคุณถึงกลับมาทำงานที่บริษัทมู่ซื่อล่ะ? เป็นคุณหมอมู่ดีๆไม่เป็น หรือว่า คุณชอบเงินมากกว่า?”
“ลู่หวั่น” สายตาคมเข้มขึ้น
ลู่หวั่นรู้จักนิสัยเขาดี รีบสงบปากสงบคำ มู่วี่สิงไม่ชอบให้ใครถามเจาะลึกความคิดของเขา
“โอเค ฉันก็แค่แวะมาดูบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ยังไงต่อไป ฉันก็ต้องมาทำงานที่นี่”
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงจึงขมวดคิ้ว ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาทางประตู ดวงตาสวยมีแววหยอกล้อ
“เป็นไงบ้าง พึงพอใจกับการตัดสินใจของฉันไหม?” ลี่หนานเฉิงเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟา โบกมือทักทายลู่หวั่น
เพียงแต่สายตาของลู่หวั่นนั้นมองมู่วี่สิงมาโดยตลอด
“ลู่หวั่น คุณกลับไปก่อน” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงเรียบ
ห้องทำงานเหลือเพียงชายหนุ่มสองคน มู่วี่สิงนั่งลงตรงหน้าลี่หนานเฉิง ดวงตาทะมึน
“คุณจะทำอะไร?”
มู่หนานเฉิงยกยิ้มมุมปาก “คุณก็ทิ้งคนไว้มาหลายปีแล้ว วี่สิง พอเถอะ”
“ผมแต่งงานแล้ว” มู่วี่สิงบอกชัดเจน
“อะไรนะ?” ลี่หนานเฉิงรีบร้อนเด้งตัวขึ้นมา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่รู้?
แม้ว่าเขาจะไม่อยู่หนานเฉิงมานาน แต่เขากับมู่วี่สิงนั้นเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก เรื่องนี้มันเกินไปหน่อยไหม
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ลี่หนานเฉิงนั่งลงข้างมู่วี่สิง แววตาตัดพ้อ
“ครึ่งปีก่อน”
“นี่ พี่ชาย นี่มันเกินไปไหม แต่งงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่บอกผม ผมยังรีบร้อนแทนพี่อยู่เลย” ลี่หนานเฉิงโมโห
มู่วี่สิงยังคงนิ่ง น้ำเสียงคม “คุณรีบร้อนแทนผม? จะดีกว่าไปถ้าจะรีบร้อนแทนตัวเอง ยังอยากอยู่กับมู่ซื่อกร๊ปตลอดไป?”
ลี่หนานเฉิงใบหน่าเคร่งขรึม “หลายปีมานี้ผมช่วยคุณกำจัดสิ่งชั่วร้ายในมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ทำไม ผมขัดหูขัดตาหรอ?”