บทที่ 153 ผมทำไม่ได้
“หยุดหรอ ไม่ทันแล้วล่ะ” ฉืออี้เหิงขาดสติไปแล้ว มือออกแรงมากขึ้น เวินจิ้งแม้แต่เสียงก็เปล่งออกมาไม่ได้แล้ว
ฉีเซินกำหมัดแน่น มองฉืออี้เหิงสีหน้าเรียบนิ่ง
“ข้อเสนอ? คุณมีสิทธิ์อะไรมายื่นข้อเสนอให้ผม”
“คุณไม่ได้ชอบเธอไม่ใช่หรอ? แล้วถ้าผมฆ่าเธอล่ะ!” ดวงตาของฉีเซินเข้มขึ้น
เวินจิ้งกัดริมฝีปากแน่น ตอนนี้ร่างกายเธอไร้เรี่ยวแรง แม้จะยืนยังยืนจะไม่อยู่
“คุณจะให้ผมทำอะไร?” ฉีเซินถาม
“ผมรู้ว่าตระกูลฉีของคุณเล่นการเมืองมานาน ตอนนี้บริษัทเหิงอวี่ถูกสั่งย้ายไปอยู่แอฟริกาทั้งหมด คุณแค่ช่วยพูดกับด้านบนให้ ยกเลิกคำสั่งนี้ ผมก็จะปล่อยเวินจิ้ง”
ฉีเซินหรี่ตาแคบ ฉืออี้เหิงสืบเรื่องตระกูลฉีมามากจริงๆ
แม้ว่าภายนอกตระกูลฉีดูเป็นตระกูลนักธุรกิจ แต่เบื้องหลังนั้นมีอิทธิพลยิ่งใหญ่
เวินจิ้งพยายามเปิดตาขึ้น ส่ายหน้าให้ฉีเซิน เขาจะยอมตกลงไม่ได้ จะให้แผนชั่วของฉืออี้เหิงสำเร็จไม่ได้……….
แต่ตอนนี้ ฉีเซินคล้ายกับเริ่มลังเล มองใบหน้าซีดขาวของเวินจิ้ง เขากัดปากแน่น เอ่ยอย่างหนักแน่น “ผมช่วยคุณได้”
ฉืออี้เหิงแปลกใจ ไม่คิดว่าจะมาถูกทาง เพียงแค่ยืนยันอีกนิด “คุณคงไม่ได้กำลังโกหกใช่ไหม?”
“คุณปล่อยเวินจิ้งก่อน ผมจะโทรคุยให้ตอนนี้” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้วสงสัย ค่อยๆลดแรงลง
เวินจิ้งสำลักทันที เกือบจะล้มลงไปแล้ว เธอจ้องฉืออี้เหิงอย่างโกรธเกรี้ยว “คุณมันเลว นอกจากหลอกใช้ผู้หญิงแล้วคุณก็ทำอะไรไม่เป็นแล้ว”
นึกถึงเธอถูกเขาลักพาตัวตั้งสามครั้ง ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
อาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว เธอกระทืบลงที่เท้าของเขาอย่างแรง มือออกแรงผลัก ตอนวิ่งออกไป ฉีเซินรวบเธอเข้ามาในอ้อมแขน
ความกลัวปรากฏขึ้นในแววตาของฉืออี้เหิงชั่วขณะ อยากจะจับเวินจิ้งอีกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว ฉีเซินถีบเขาออกในคราวเดียว นำเวินจิ้งซ่อนไว้ด้านหลัง
“ฉีเซิน คุณโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ คุณตกลงกับผมแล้วนะ” ฉืออี้เหิงรีบร้อน
ฉีเซินยิ้มเย็น “ใช่หรอ? เมื่อสักครู่ผมพูดอะไร?ผมลืมไปแล้ว”
“แก….ฉีเซิน แกมันกลับกลอก แกเชื่อไหมว่าฉันจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของแกกับเวินจิ้ง” ฉืออี้เหิงชี้หน้าฉีเซินตัวสั่น
“ความสัมพันธ์ของผมกับเวินจิ้ง? คุณก็ไปเปิดเผยสิ” ฉีเซินไม่สนใจเขา โอบประคองเวินจิ้งเดินออกไป
เวินจิ้งอยากผลักเขาออก แต่แรงของฉีเซินเยอะเหลือเกิน เธอต่อต้านไม่ไหว
ด้านนอก นอกจากการ์ดของฉีเซินแล้วยังมีฉินเฟย
มองความใกล้ชิดของฉีเซินกับเวินจิ้ง เธอแอบกำมือแน่น ใบหน้ากลับมาเรียบนิ่ง เดินเข้ามาคง้าแขนของฉีเซินเอาไว้ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉีเซินส่ายหน้า สั่งการ์ดจับฉืออี้เหิงเอาไว้
“เซิน คุณปล่อยเถอะ” เวินจิ้งยู่หัวคิ้ว
ฉีเซินยกยิ้ม คล้ายกับไม่สนใจฉินเฟยที่อยู่ด้านข้าง ตรงกันข้ามยิ่งขยับเข้าใกล้ใบหน้าสวยของเวินจิ้ง “เวินจิ้ง ผมช่วยคุณอีกแล้วนะ คุณว่า คุณจะตอบแทนผมยังไงดี?”
เวินจิ้งกระตุกมุมปาก เอ่ยเสียงต่ำ “จริงๆคุณไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วยก็ได้”
สิ่งที่เธอไม่ต้องการที่สุดคือเป็นหนี้บุญคุณฉีเซิน เมื่อสักครู่จึงไม่ต้องการให้เขาเข้ามายุ่ง
“ผมทำไม่ได้” ฉีเซินเชยปลายคางเธอขึ้น น้ำเสียงอบอุ่น
สายตาหนาวเหน็บของฉินเฟยถูกส่งมา เวินจิ้งตีหน้าขรึม ยกเข่าขึ้น ทำให้ฉีเซินจำเป็นต้องปล่อยมือ
“ฉีเซิน วันนี้เป็นวันนี้เป็นพิธีหมั้นของเรา” ฉินเฟยเอ่ยเตือน ควงแขนฉีเซิน น้ำเสียงนุ่มนวล
“อืม” ความรำคาญแวบผ่านเข้ามาในดวงตา ก่อนจะหมุนตัวกลับ สายตาจับจ้องที่ร่างเล็กของเวินจิ้ง
ใบหน้าเธอเรียบนิ่ง ไม่หันกลับไปมองเขาอีก
เดินออกมาจากตึก เวินจิ้งเจอคุณนายฉีหลินเวย ผมของเธอเกล้าม้วนงดงาม ชุดกี่เพ้าสีขาวขับให้เธอดูสง่างามยิ่งขึ้น แม้อายุจะเกินวัยกลางคนแต่ยังดูสุขภาพดี ท่าทางคล่องแคล่ว
“คุณนายฉี สวัสดีค่ะ ฉันคือเวินจิ้ง” เวินจิ้งเดินเข้าไปทัก
หลินเวยหันกลับมา มองเห็นเวินจิ้ง ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ “เธอเป็นลูกสาวของอีอีใช่ไหม? รีบมานั่งข้างๆฉันเร็ว วันนี้ดูแลบกพร่องแล้ว”
“คุณนายคะ นี่เป็นของขวัญงานหมั้นของคุณชายที่แม่ฝากมาให้ค่ะ คุณได้โปรดรับไว้” เวินจิ้งยื่นกล่องของขวัญให้
หลินเวยยื่นส่งให้สาวใช้ ถามไถ่เวินจิ้ง “ผ่านไปแป๊บเดียวเธอก็โตขนาดนี้แล้ว ฉันยังจำได้ตอนเด็กยังไม่เต็มเดือนด้วยซ้ำ ตอนนั้นแม่เธอร้อนใจเชียว”
เวินจิ้งชะงัก ไม่คิดว่าเรื่องตอนนั้นหลินเวยจะรู้ ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับแม่มากทีเดียว
“ตอนแรกฉันกับอีอีอยากแนะนำเธอกับฉีเซินเจ้าเด็กคนนั้นให้รู้จัก ไม่คิดว่าเธอจะแต่งงานแล้ว เฮ้อ ฉันช้าไปแล้ว” จะว่าไป หลินเวยก็ชอบเวินจิ้งมาก
เวินจิ้งยิ้ม “คุณชายฉีก็มีความสุขของเขาเหมือนกันค่ะ”
หลินเวยถอนหายใจอย่างเสียดาย “เขากับฉินเฟยผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ ฉันดูออกว่าเขาไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ยอมตอบตกลง ขนาดฉันยังแปลกใจ”
ตระกูลฉีไม่จำเป็นต้องใช้การสมรสมาเพิ่มอิทธิพลให้ตระกูลด้วยซ้ำ เพียงแต่อยากซื้อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ตระกูลฉินจึงหยิบยกเรื่องการสมรสขึ้นมา ฉีเซินยังไม่แต่งงาน จึงยอมตอบตกลง
เวินจิ้งแปลกใจ นึกถึงคำพูดคลุมเครือของฉีเซินเมื่อสักครู่ ใบหน้าเคร่งขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
งานหมั้นใกล้จะเริ่มแล้ว ฉีเซินและฉินเฟยกำลังแลกแหวนหมั้น ประกาศวันแต่งจริงในปีหน้า
ฉินเฟยใบหน้าเอียงอายอยู่ในอ้อมกอดของฉีเซิน เขย่งปลายเท้า แต่ฉีเซินไม่ได้จูบเธอ พอจบงานเขาก็รีบออกไป
หลินเวยรีบเข้ามายี้ฉีเซินไว้ เธอโมโหเล็กน้อย “เดี๋ยวมีพิธียกเหล้า แกจะไปไหน”
“ยังมีเรื่องต้องจัดการ แม่ แม่ช่วยดูแลเวินจิ้งแทนผมหน่อย” สายตาฉีเซินมองไปยังเวินจิ้ง
เวินจิ้งหลบสายตา ใบหน้าเย็นชา
หลินเวยมองทั้งคู่สลับไปมา รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น…ไม่ธรรมดา
นิสัยของฉีเซินเธอรู้ดีที่สุด แม้ภายนอกจะดูเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ความจริงยากนักที่เขาจะมองผู้หญิงคนอื่น แต่ตอนนี้เขาคอยจ้องมองเวินจิ้งตลอด
แม้กระทั่งระหว่างพิธีหมั้น ฉีเซินก็เอาแต่มองมาทางเธอ และด้านข้างของเธอก็คือเวินจิ้ง
“เวินจิ้ง หลังจากที่รู้จักฉีเซินแล้ว ได้ติดต่อกันบ้างไหม?” หลินเวยอดไม่ได้เอ่ยถาม
เวินจิ้งชะงัก สารภาพ “คุณฉีช่วยฉันจากอันตรายอยู่สองครั้งค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณเขามาก เท่านั้นเอง”
หลินเวยยิ้ม น้ำเสียงยังมีความสงสัยอยู่บ้าง “เด็กคนนี้ช่างมีน้ำใจจริงๆ”
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกคฤหาสน์ รถยนต์สีดำคันใหญ่ค่อยๆหยุดลง
มู่วี่สิงนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง เกาเชียนนั่งอยู่ด้านหนังกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ฉืออี้เหิงตอนนี้อยู่ในมือฉีเซินครับ”
มู่วี่สิ่งหรี่ตาลงอย่างมาดร้าย บรรยากาศรอบข้างเย็นยะเยือก
“เขาต้องการความช่วยเหลือจากฉีเซิน นอกจากว่าในมือจะมีแต้มต่อ แต่ว่า ฉีเซินแต่ไหนแต่ไรเป็นศัตรูผมมาตลอด แต่เขาไม่น่าพลาดที่จะยื่นมีเข้ามาช่วยฉืออี้เหิง”
“คุณมู่ครับ ในนี้มีประกาศใหม่ บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปย้ายไปแอฟริกาจะสำเร็จแล้ว แต่หากตระกูลฉียื่นมือเข้ามาช่วย เกรงว่า…………”
โลกการเมือง สุดท้ายก็อยู่ภายใต้ตระกูลฉี
“หากฉีเซินทำไปโดยพลการ ผมไม่ถือสาให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดในคราวนั้น” มู่วี่สิงมุมปากยกขึ้น เพียงแค่เหน็บหนาวเป็นที่สุด