บทที่ 140 รำคาญผมแล้วเหรอ
“ฉากเด็ดเหรอ” เวินจิ้งเลิกคิ้ว และกลับรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “ฉากเด็ดอะไรเหรอ”
“สัปดาห์หน้าไปกับผม เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง” มู่วี่สิงลูบศีรษะของเธอ
เวินจิ้งโค้งไปตามจังหวะมือ และค่อนข้างให้ความร่วมมือ
“(เชื่อฟัง)ดีมาก” มู่วี่สิงจูบหน้าผากของเธอ
เวินจิ้งรู้สึกละอายใจ ดูเหมือนว่าเธอจะยิ่งชอบท่าทีตามใจของมู่วี่สิงมากขึ้นทุกที
ตอนนี้มู่วี่สิงลาออกจากโรงพยาบาลเหรินหมินอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะอยู่แต่ที่บ้าน เกาเชียนจะมาคุยกับเขาที่ห้องทำงานทุกวัน มีบางครั้งก็ต้องอยู่คุยกันจนถึงดึก
เวินจิ้งยังคงไปทำงานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอีเหมือนเดิมทุกวัน มู่วี่สิงจะไปส่งเธอทุกครั้งเวลาเข้าและเลิกงาน ถึงแม้ว่าเธอจะลงจากรถตรงบริเวณถนนใกล้ ๆ แต่เวินจิ้งเองก็ยังคงรู้สึกกังวลเหมือนเช่นเดิม
“มู่วี่สิง คุณให้คนขับรถมาส่งฉันก็ได้ค่ะ” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกไป
“คุณนายมู่รำคาญผมแล้วเหรอ” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว ใบหน้าของเขาปรากฏความโกรธออกมาเล็กน้อย
“ใครจะกล้าล่ะ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณลำบาก” เวินจิ้งนั่งอยู่ภายในรถ
“แต่ผมอยากให้คุณทำให้ผมลำบากนะ คุณนายมู่ ตอนที่คุณไม่ต้องการผม มันทำให้ผมรู้สึกหลงทางมากเลยนะ” ใบหน้าอันหล่อเหลามาดเข้มของมู่วี่สิงยื่นเข้ามาใกล้ และกระซิบด้วยเสียงเข้ม
แก้มทั้งสองข้างของเวินจิ้งแดงเรื่อ เมื่อถูกเขาจับใบหน้าอันเรียวเล็ก แววตาของเขากลับตราตรึงไปด้วยภาพแก้มอันแดงก่ำที่แสนประณีตของเธอ
ในตอนนั้น โทรศัพท์มือถือของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เวินจิ้งถึงจะตั้งสติกลับมาได้
เธอรีบผลักมู่วี่สิงออกไปทันที มือของเขากลับโอบกอดเธอไว้อย่างร้ายกาจ
“ไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” หลังจากวางสาย มู่วี่สิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับบ้านเองก็ได้ค่ะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็กำลังจะผลักประตูและลงจากรถ
แต่มู่วี่สิงกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “ผมมีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการ คุณช่วยรอผมอยู่ที่นั่นได้ไหม หืม”
เวินจิ้งไม่อาจปฏิเสธได้ลง
นานวันเข้า เธอกลับไม่มีทางที่จะต้านทานมู่วี่สิงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถลีมูซีนค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาจอดสนิทอยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าของตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่ง
เวินจิ้งเองก็เคยมาที่นี่เมื่อก่อนหน้านี้ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่า ที่นี่จะเป็นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
พื้นที่ส่วนนี้ยังคงเป็นพื้นที่หลักของ CDC เหมือนเช่นเดิม สภาพแวดล้อมล้อมรอบไปด้วยสวนกึ่งเปิด บริเวณใจกลางที่เหยียดกายออกไปหลายกว่าเมตรนั้น มีเพียงอาคารที่ถูกออกแบบมาได้อย่างประณีตและเป็นเอกลักษณ์หลังนี้เกิดขึ้นตั้งตระหง่านอยู่เพียงหลังเดียวเท่านั้น
ตัวอักษร M ที่กำลังกะพริบอยู่บนยอดสูงสุดของตึกนั้น สะดุดตาของผู้คนที่ผ่านไปมาเป็นที่สุด
มู่วี่สิงพาเวินจิ้งเข้าไปด้านใน ทุกครั้งที่ผ่านประตูเข้าไปแต่ละบานนั้นจำเป็นต้องมีการจำแนกใบหน้า เวินจิ้งเดินตามมู่วี่สิงไปตามเส้นทางและขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคาร
เวินจิ้งรู้สึกตกใจมาได้สักพักหนึ่งแล้ว การออกแบบในทุกพื้นที่ของที่นี่ต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นอย่างมาก สิ่งก่อสร้างสีขาวบริสุทธิ์เหยียดกิ่งก้านสาขาแผ่ไปทั่วทั้งอาคารหลังใหญ่แห่งนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน แต่มันก็เผยให้เห็นถึงความหรูหราประณีตแทรกซึมอยู่ในทุก ๆ ที่
เมื่อเดินเข้าไปข้างใน ความรู้สึกเยี่ยงชนชั้นสูงแล่นวาบขึ้นมาในทันที
ภายในห้องทำงาน เกาเชียนและผู้บริหารจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ระบบของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเพิ่งถูกคนนอกบุกรุกเข้ามาได้เมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้จึงยังไม่ได้รับการซ่อมแซมดีนัก
ถ้าหากยังคงดำเนินงานเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าข้อมูลของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะถูกขโมยออกไป
เวินจิ้งนั่งลงบนโซฟา และมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางและถูกล้อมรอบด้วยผู้คนจากระยะไกล วันนี้เขาสวมเสื้อค่อนข้างลำลองมากทีเดียว ท่ามกลางบรรดาผู้ชายที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังมันวับ เขาดูเกียจคร้านเป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับดูเปล่งประกายจนทำให้แสบตามากที่สุด
ในโลกธุรกิจ เขาเองก็มีพลังอำนาจในการวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ มากพอเช่นกัน
หัวใจของเวินจิ้งเริ่มแผ่ซ่านไปด้วยความรู้สึกสูญเสียที่ทำให้เธอชาไปทั้งตัว เขากับเธอนั้น ดูราวกับอยู่กันคนละโลกอย่างสิ้นเชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท้องฟ้ามืดมัวลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่บรรดาผู้คนภายในห้องทำงานต่างเดินออกไปทั้งหมดแล้ว มู่วี่สิงนั่งลงที่ด้านหน้าคอมพิวเตอร์ ภาพเบื้องหลังของเขาคือภาพดวงดาราระยิบระยับที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดของหนานเฉิง ท่าทางอันแน่วแน่ของเขาทำให้คนอื่นรู้สึกทึ่งเหลือเกิน
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นและเข้าทำลายความเงียบในบรรยากาศ มู่วี่สิงกดรับสายโทรศัพท์นั้น
“คุณปู่”
“วี่สิง ปู่จะกลับมาตั้งต้นที่นี่ในเดือนหน้า ในเมื่อแกรับช่วงต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ปู่ก็ควรจะประกาศให้ข้างนอกได้รับรู้ถึงสถานะของแกอย่างเป็นทางการซะ”