บทที่ 131 ช่างโง่เขลาเสียจริง
ณ ประตูทางเข้า เวินจิ้งตัดสินใจเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม แต่รถยนต์ของฉีเซินกลับเคลื่อนตัวมาจอดข้างหน้า
“คุณต้องการจะไปไหน ผมจะไปส่งคุณ”
“ไม่ต้อง” เวินจิ้งหันศีรษะกลับไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย
ฉีเซินเองก็ไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด เขายังคงจอดรถอยู่ที่นั่น เมื่อเวินจิ้งเดินก้าวไปข้างหน้า เขาก็เคลื่อนรถไปข้างหน้า ทำให้เวินจิ้งไม่สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้เลย
เธอจ้องมองไปที่เขาด้วยความโกรธจัด ในที่สุด เธอก็ยอมขึ้นรถของเขา
ฉินเฟยมองดูแผ่นหลังของเวินจิ้งห่างออกไปไม่ไกลนัก สีหน้าของเธอตึงเครียดขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนที่ไหนก็ตามที่เธอชอบ เวินจิ้งจะต้องแย่งพวกเขาทุกคนมาให้ได้ใช่ไหม
เวินจิ้งบอกที่อยู่โรงแรมของเธอ แต่ฉีเซินกลับไม่ได้ไปส่งเธอที่นั่น เขาหันหัวรถและมุ่งหน้าตรงไปยังเขตชานเมืองทันที
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ความรู้สึกตื่นตัวแสดงออกมาผ่านแววตาของเธอในทันที
ฉีเซินยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ไปช่วยผมดูโครงการหน่อย ไม่ต้องห่วง ผมจะพาคุณกลับมาส่งก่อนฟ้ามืดแน่”
“ฉันไม่ได้ตกลงด้วยสักหน่อย” เวินจิ้งพูดอย่างไม่พอใจ
“คุณขึ้นรถของผมมาแล้ว ไม่ใช่เหรอไง” ฉีเซินหรี่ตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรักใคร่หลงใหลนั้นลง
เวินจิ้งหันศีรษะกลับไป และหยิบโทรศัพท์มือถือหมายจะต่อสายหามู่วี่สิง แต่เธอกลับพบว่าตั้งแต่วิ่งเข้าถนนเส้นนี้ โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่น้อย
“ฉีเซิน คุณหยุดรถเดี๋ยวนี้นะ!” เวินจิ้งเตรียมเปิดประตูรถออกไป
แต่ฉีเซินกลับกลับเหยียบคันเร่ง รถยนต์ซีดานขับไต่ขึ้นไปบนภูเขา ถนนบนภูเขาขรุขระ รถยนต์เหวี่ยงไปมาจนทำให้เวินจิ้งรู้สึกอยากอาเจียน
สีหน้าของเธอซีดเผือดขึ้นมา มือของเธอจับที่เปิดประตูรถเอาไว้อย่างแน่นหนา
รอยยิ้มภายในดวงตาของฉีเซินลึกซึ้งมากขึ้น เขาเอ่ยปากพูดว่า “อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว”
เวินจิ้งถลึงตาจ้องมองเขา เธอมองโทรศัพท์มือถือ มันยังคงไม่มีสัญญาณเหมือนเช่นเดิม
ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!
เมื่อรับรู้ได้ถึงความสงสัยใคร่รู้ของเวินจิ้ง ฉีเซินจึงกล่าวว่า “ที่นี่คือรีสอร์ตแห่งใหม่ที่กำลังพัฒนาของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป ยังไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ดังนั้น มันเลยดูรกร้างไปหน่อย สิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านยังสร้างไม่เสร็จดี”
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“มาเที่ยวไง” ฉีเซินยิ้มที่มุมปาก
“ฉันไม่ได้ว่างเหมือนคุณฉีนะ” สีหน้าของเวินจิ้งปรากฏความไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าเธอจะอยากออกไปเที่ยว แต่เธอก็ไม่ต้องการไปกับฉีเซิน
“ในเมื่อมู่วี่สิงปฏิบัติกับคุณอย่างเย็นชา คุณก็เลยปฏิบัติกับผมอย่างเย็นชาด้วยสินะ” ฉีเซินหยุดรถ น้ำเสียงของเขาฟังดูคลุมเครือเล็กน้อย
เวินจิ้งไม่สนใจเขา และรีบผลักประตูลงจากรถในทันที ในที่สุด อาการคลื่นไส้ก็บรรเทาลง
มีคนออกมาต้อนรับฉีเซินในไม่ช้า เขาก้าวเดินไปข้างหน้า แต่เวินจิ้งกลับยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับตัว
“เวินจิ้ง คุณไม่มีทางลงจากเขาไปด้วยตัวเองได้หรอก เข้ามาข้างในและพักผ่อนสักครู่ดีกว่านะ”
เวินจิ้งไม่สนใจเขา และเริ่มเดินลงจากเขาด้วยตัวเอง
ฉีเซินขมวดคิ้ว เขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่หัวรั้นเช่นนี้มาก่อนเลย
ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเขาต่างพากันยอมศิโรราบให้กับเขาเสมอ ถึงแม้ฉินเฟยจะดูหยิ่งยโสเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เธอก็ไม่กล้าทำตามอำเภอใจต่อหน้าเขาอยู่ดี
มีเพียงแต่เวินจิ้งเท่านั้น ที่ช่างโง่เขลาเสียจริง
“คุณฉี ทุกคนกำลังรอคุณอยู่ครับ” ผู้จัดการเอ่ยปากเร่ง
ขณะที่กำลังมองดูแผ่นหลังของเวินจิ้งนั้น ฉีเซินก็หรี่ตาลง และหันหลังเดินเข้าประตูไป
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อมั่นว่าเวินจิ้งไม่มีทางหนีไปจากที่นี่ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว สุดท้ายแล้ว เธอจะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน
ณ โรงพยาบาล
มู่วี่สิงถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า เพื่อรับทราบว่ารายงานการดำเนินการผ่าตัดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างทำการผ่าตัดของหลี่เหยนนั้น จำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานมากกว่านี้
“คุณหมอมู่ ผมทราบดีว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญของแผนกศัลยกรรมประสาท แต่ทว่าทักษะทางวิชาชีพของหลี่เหยนในแผนกสมองนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณเลยสักนิดเดียว ใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดในเรื่องนี้ คุณคงต้องคิดทบทวนดูให้แน่ชัด” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรี่ตาลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่
สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงนิ่งเรียบเหมือนเช่นเดิม “ผมทบทวนดูดีแล้ว ถึงได้ส่งรายงานฉบับนั้นไป และในขณะเดียวกัน ผมก็ส่งรายงานฉบับนั้นไปให้ทางกระทรวงสาธารณสุขแล้วด้วย ผมเชื่อมั่นว่าคงจะได้ข้อสรุปออกมาในไม่ช้าครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังกลับอย่างนิ่งเฉย
หลี่เหยนเดินเข้ามาภายในห้อง และประจันหน้ากับมู่วี่สิงโดยตรงพอดี
“มู่วี่สิง แกพูดอะไรของแก! คนอย่างฉันจะทำพลาดได้ยังไงกัน!” หลี่เหยนมองดูเขา และเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าหากว่ากระทรวงสาธารณสุขรู้เรื่องนี้เข้า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้อีกต่อไป