บทที่ 129 เธอกลับทนไม่ไหวเสียก่อน
ฉีเซินหรี่ตาลง และพูดอย่างมั่นใจว่า “ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงจะไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ”
เวินจิ้งไม่ได้ตอบโต้กลับไป ตอนนี้เธอเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“เวินจิ้ง การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ นั่นแปลว่าเขาไม่ได้รักคุณ”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และตอบโต้กลับไปอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ฉีเซินหัวเราะออกมาเบา ๆ “ก็ใช่ แต่ว่าเวินจิ้ง ผมเป็นห่วงคุณมากนะ”
“ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำ ไม่รบกวนคุณฉีแล้วล่ะค่ะ” หัวใจของเวินจิ้งยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม
ฉีเซินมองดูแผ่นหลังของหญิงสาว ดวงตาสีดำขลับกลอกไปมา เขาต่อสายโทรศัพท์ออกไป “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นอย่างไร”
“คุณฉี ผมสืบหาข้อมูลมาได้ว่ามู่วี่สิงได้ลงทุนเงินจำนวนหนึ่งในบริษัทของฉืออี้เหิง สำหรับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปนั้น ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ครับ”
“จับตาดูต่อไป”
เวินจิ้งขึ้นไปบนห้อง ในตอนนั้น มู่วี่สิงตื่นนอนแล้ว และกำลังโทรศัพท์อยู่
เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาก็เดินมาหาเธอ และประคองตัวเธอให้นั่งลงเสีย
แต่เวินจิ้งกลับดึงแขนของเธอออกมาอย่างแข็งกร้าว และเดินออกไปให้ห่างจากเขา
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เขาคว้าตัวเวินจิ้งเข้ามากอดภายในอ้อมแขนอย่างง่ายดายอีกครั้ง เขาวางสายโทรศัพท์ และจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างจริงจัง “โกรธอะไรเหรอ”
“ฉันไม่ได้โกรธ” เวินจิ้งเอียงคอ
“คุณนายมู่” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นขึ้นเล็กน้อย
เวินจิ้งยังคงไม่มองหน้าเขา
มู่วี่สิงยังคงจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างจริงจัง พร้อมกับจูบเธอลงไปอย่างเร่าร้อน เวินจิ้งไม่อาจหนีไปได้
“นี่!” เธอจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ มือของเธอเงื้อขึ้นมาพร้อมต่อยชายหนุ่ม
มู่วี่สิงหรี่ตาลง ริมฝีปากอันเรียวบางของชายหนุ่มอยู่ที่ข้างใบหูของเวินจิ้ง “ถ้าไม่พูด ผมจะจูบคุณไม่หยุด ตกลงไหม”
ความรู้สึกยุบยิบทำให้เวินจิ้งสั่นเทิ้มเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้น หางตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เธอผลักมู่วี่สิงออกไป สูดลมหายใจลึก ๆ “คุณลาออกแล้วใช่ไหม”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว “อื้อ”
“แล้วคุณก็ไม่คิดจะบอกฉันเลยสินะ”
“คุณนายมู่สนใจด้วยเหรอ” มู่วี่สิงจับคางของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นท่าทีเศร้าสร้อยของเวินจิ้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้แกล้งเธอมากจนเกินไปนัก
“ใครสนใจกันเล่า!” เวินจิ้งตอบโต้กลับไปอย่างแข็งนอกอ่อนใน
“ในเมื่อคุณไม่สนใจ แล้วคุณร้องไห้ทำไมกัน” มู่วี่สิงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อน
เวินจิ้งตัวสั่นเทิ้ม และรีบขยี้ดวงตาทันที “ฝุ่นมันเข้าตา! ฉันไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย!”
มู่วี่สิงกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ และสวมกอดเวินจิ้ง “ผมนึกว่าคุณจะไม่สนใจเรื่องของผมเสียอีก”
เวินจิ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตั้งสติกลับมาได้ ตัวของเธอกำลังทำอะไรอยู่!
ตั้งแต่แรกเริ่ม เธอพูดกับมู่วี่สิงอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของกันและกัน แต่ทว่าในตอนนี้…..คาดไม่ถึงว่าเธอกลับเป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้เสียก่อน
เมื่อมองดูชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอันหล่อเหลามาดเข้มที่อยู่ตรงหน้า เขามันอสรพิษชัด ๆ!
“ฉันก็แค่ถามเฉย ๆ เท่านั้น” เวินจิ้งหันหลังกลับไปอย่างลำบากใจ
แต่เธอกลับถูกมู่วี่สิงขังตัวเธอเอาไว้อีกครั้ง และในครั้งนี้ เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยไร้ซึ่งทางหนีอย่างช่วยไม่ได้
“เวินจิ้ง คุณเป็นห่วงผม คุณหึงผมใช่ไหม” มู่วี่สิงพูดด้วยความมั่นใจ
“คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
“มองหน้าผมสิ” เขาสบดวงตาที่รู้ผิดชอบชั่วดีอย่างชัดเจนของหญิงสาว
ทั้งสองคนสบตาที่มีเพียงอากาศคั่นของกันและกัน ดวงตาของมู่วี่สิงราวกับทะเลดาวอันแสนลึกล้ำเหลือกำหนด เพียงแค่มองแวบเดียว ก็มากพอที่จะทำให้คนเราจมดิ่งลงไปได้
หัวใจของเวินจิ้งเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น ในเวลานั้น เธอรู้ตัวเองอย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับมู่วี่สิง
แต่ทว่ามันพัฒนากลายมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
“คุณนายมู่ อย่ากดความรู้สึกของตัวเอง” มู่วี่สิงจับใบหน้าของเธอเงยขึ้น เขาจูบเธออย่างลึกซึ้ง และกดเธอไว้บนโซฟา
ร่างกายของเวินจิ้งอ่อนแรงลงเป็นเวลานาน ภายใต้การกระตุ้นยั่วเย้าของมู่วี่สิง มันได้กลายเป็นของเหลวเฉกเช่นหยดน้ำมากยิ่งขึ้น…..
จนกระทั่งเมื่อถึงตอนเย็น เวินจิ้งถูกอุ้มออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายของเธอนั้นรู้สึกล้าเป็นอย่างมาก
พลังในตัวของชายหนุ่มคนนี้ช่างไร้ซึ่งที่สิ้นสุดเสียจริง……
หลังจากที่พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน มู่วี่สิงก็เดินทางไปที่โรงพยาบาล ส่วนเวินจิ้งที่อยู่ในห้องพักนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย เธอจึงออกไปเดินเล่นที่สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงเสียหน่อย