บทที่ 128 ไม่รู้เรื่อง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งตื่นนอนแต่เช้า ส่วนมู่วี่สิงยังคงนอนหลับอยู่ เธอทำตัวเงียบเชียบและไม่รบกวนเขา หลังจากที่สั่งอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ข้างกายเขา
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เป็นสายจากแม่ของเธอ
“ลูกรัก วันนี้แม่ไปที่สถานีตำรวจมา ฉืออี้เหิงถูกจับแล้วล่ะ มีการยืนยันแล้วว่าเขาบุกเข้ามาภายในบ้านของเรา และยังเข้ามาคุกคามแม่ด้วย แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะตัดสินความผิดได้” เจี่ยนอีพูดด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้น ก็รอประกาศจากทางตำรวจก็แล้วกันค่ะ อย่างน้อยก็ขอให้เขาถูกลงโทษเสียหน่อยเถอะ”
“แม่ได้ยินตำรวจเขาพูดกันว่า มีใครบางคนช่วยส่งหลักฐานเรื่องในครั้งนี้ให้ ถึงได้สามารถสืบสวนได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ใครที่ว่าใช่คุณหมอมู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“อื้อ” เวินจิ้งตอบกลับ เธอเอียงคอมองดูมู่วี่สิงที่ยังคงหลับสนิทอยู่อย่างไม่รู้ตัว
ในช่วงเวลาแบบนี้ ด้วยภาระงานของมู่วี่สิงนั้นก็ยุ่งมากเพียงพอแล้ว แต่เขายังคงต้องสร้างสมดุลให้กับเรื่องของเธอด้วย เวินจิ้งรู้สึกซาบซึ้งใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
“เด็กคนนั้นนี่ เป็นเด็กดีจริง ๆ เลยนะ เวินจิ้ง ลูกเจอทองคำเข้าแล้วล่ะ!”
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มอันแสนหวานออกมา ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น……
เกือบครึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เธอแต่งงานกับเขา เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ซึ่งเธอเองก็มองเห็นทั้งหมด
เพียงแต่ว่าความรักที่เขามอบให้กับเธอนั้น เธอกลับไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาอย่างไรดี
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เวินจิ้งพลันคิดอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นอั้ยเถียนที่โทรศัพท์มาหาเธอ
“จิ้งจิ้ง ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอถึงไม่ยอมบอกฉัน!” อั้ยเถียนถามด้วยความโกรธจัด
เวินจิ้งไม่เข้าใจ “อะไรเหรอ”
ช่วงนี้มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
“อย่าบอกฉันนะว่าเธอไม่รู้เรื่อง คุณหมอมู่กำลังจะลาออก ตอนนี้โรงพยาบาลก็อนุมัติแล้วด้วย!”
“อะไรนะ” เวินจิ้งประหลาดใจ เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
มู่วี่สิงลาออก……
เขาจะลาออกได้อย่างไรกัน เขาเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ประสาทที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีอำนาจมากนี่นา……
“เธอยังไม่รู้จริง ๆ ด้วย! ฉันนี้โกรธจนควันออกหูแล้ว เวินจิ้ง ตอนนี้บริษัทเทียนอีประกาศเรื่องนี้ออกไปทั่วแล้ว มู่วี่สิงไม่ใช่แค่จะเลิกเป็นหมอเท่านั้น แต่โครงการวิจัยที่เขากำลังพัฒนาอยู่ก็ต้องยุติลงด้วย”
คำพูดของอั้ยเถียนดังก้องวนเวียนอยู่ภายในหูของเธอ เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอเดินกลับไปที่ห้องนอน และมองดูใบหน้ายามหลับอันหล่อเหลามาดเข้มของมู่วี่สิง เรื่องที่เขาอยากลาออกนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้……
เธอไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดหรืออย่างไรกัน
หรือว่า จะมีแต่เธอที่คิดไปเองเพียงคนเดียว
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เวินจิ้งรู้สึกหลงทางไปครู่หนึ่ง หลังจากอุ่นอาหารและวางเตรียมไว้ที่อีกด้านหนึ่งแล้ว เธอก็ตัดสินใจออกไปข้างนอก
เมื่อเธอเห็นมู่วี่สิง หัวใจของเธอก็รู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นมาจนทนไม่ไหว
ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟของโรงแรม เวินจิ้งอ่านหนังสือ แต่กลับอ่านไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
ถ้าหากมู่วี่สิงไม่ได้ทำการวิจัยและพัฒนายาต่อไป เธอก็ควรจะกลับไปทำงานที่บริษัทเทียนอีเสีย หลังจากนั้น…. เธอก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างมู่วี่สิงได้อีกต่อไป
เวินจิ้งถอนหายใจ เธอต้องการเรียกบริกรเพื่อขอเติมกาแฟอีกถ้วย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ฉีเซินได้นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
“คุณมา…….” เวินจิ้งประหลาดใจ เธอปิดหนังสือที่อ่านอยู่
“ผมมาที่นี่ได้อย่างไรใช่ไหม ผมมาเจรจาธุรกิจที่นี่น่ะ” ฉีเซินหรี่ตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คงไม่รบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ” เมื่อพูดจบ เวินจิ้งลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
ฉีเซินกลับเรียกเธอให้หยุด “คุณไม่อยากคุยกับผมสักพักเหรอครับ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มู่วี่สิงเคยบอกกับเธอหลายครั้งแล้วว่าห้ามติดต่อกับฉีเซินอีก และเธอก็จำคำพูดของเขาได้
“อย่าลืมสิครับ ว่าผมเคยช่วยคุณ คุณปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอครับ” สีหน้าของฉีเซินเคร่งเครียดขึ้น
“ได้ค่ะ คุณอยากคุยอะไรคะ” เวินจิ้งนั่งลง
“คุยอะไรก็ได้ครับ อย่างเช่นเรื่องการงานช่วงนี้ของคุณ” ฉีเซินมองดูเธอ
“การงานของฉันไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉีเซิน ตอนนี้ฉันกำลังกลุ้มใจอยู่เล็กน้อย คุณหาผู้หญิงคนอื่นมาคุยแก้เบื่อดีกว่าค่ะ” ตอนนี้เธอเพียงแต่อยากอยู่คนเดียวอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเซินเห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่อาจเก็บอารมณ์ได้มากขนาดนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว “คุณกลุ้มใจอะไรอยู่ เป็นเพราะมู่วี่สิงอย่างนั้นเหรอ”
เวินจิ้งไม่พูดอะไร ซึ่งฉีเซินมองว่าเป็นเรื่องปกติ
“เขาลาออกจากโรงพยาบาล คุณก็เลยกังวลอย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ และพึมพำกับตัวเองว่า “แม้แต่คุณก็ยังรู้”
อย่างที่คิดไว้ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกมู่วี่สิงปิดบังเอาไว้จนไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย!