บทที่ 127 เกินกว่าที่จำเป็น
หลังจากคิดขึ้นมาได้ว่าเขาคงยังไม่ได้ทานอะไร เวินจิ้งจึงตัดสินใจจะซื้ออาหารกลับมาฝากเขาเล็กน้อย
เมื่อเธอกลับมา เธอก็ถือกล่องอาหารสองกล่องจากบริการส่งอาหาร ทันทีที่เดินมาถึงประตูทางเข้า หลี่ซานเองก็ซื้ออาหารมาให้มู่วี่สิงเรียบร้อยแล้ว
“คุณหมอมู่ ดูเหมือนฉันจะซื้อมาเยอะเกินกว่าที่จำเป็นค่ะ” หลี่ซานวางกล่องอาหารทิ้งไว้ และเดินออกไป
เวินจิ้งเดินเข้ามา และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
อาหารที่หลี่ซานซื้อมานั้น ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับอาหารที่เธอซื้อมา……
ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจในรสชาติอาหารที่ถูกปากของมู่วี่สิงเป็นอย่างดี……
“คุณนายมู่ ผมจะให้เกาเชียนไปส่งคุณกลับก่อนก็แล้วกัน” เมื่อเห็นเวินจิ้งเดินเข้ามา มู่วี่สิงนวดคิ้วของตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้สึกอยากอาหาร
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเอ่ยปากเตือนเขา “คุณไม่ได้นอนพักผ่อนมาหลายวันแล้วนะ”
“อือ ผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงเข้ม
เวินจิ้งรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอนำกล่องอาหารที่ถือไว้อยู่ในฝ่ามือยื่นให้กับเขา “อย่าลืมกินข้าวนะคะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป และขอให้เกาเชียนพาเธอไปส่งเธอกลับโรงแรมก่อน
“มู่วี่สิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” เมื่อก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะถามเกาเชียน
มู่วี่สิงได้ลงมือผ่าตัดเสร็จสิ้นนานมากแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ของเขา
เรื่องภาระงานที่โรงพยาบาลของมู่วี่สิง เกาเชียนไม่ได้รู้อะไรมากนัก เขาจึงพูดออกมาอย่างลำบากใจว่า “คุณนายครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไรครับ”
“อย่างนั้นเหรอ” เมื่อมองไปยังอาคารขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลที่เปิดไฟสว่างไสวไปทั่ว สีหน้าของเวินจิ้งก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่ซานและอานจิ้งอยู่ในห้องทำงานด้วยกัน แพทย์แผนกสมองกำลังซักถามข้อสงสัยกับมู่วี่สิง พวกเขาจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุด พวกเขาก็สามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้ก่อนฟ้าสาง
“ส่งรายงานฉบับนี้ออกไป หลี่เหยนได้ทำการผ่าตัดผิดพลาดแบบเดียวกันในการดำเนินการผ่าตัดหลายครั้งก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าอาการแทรกซ้อนร้ายแรงหลังการผ่าตัดของผู้ป่วยจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ว่าครั้งนี้ เราคงจะเพิกเฉยไปไม่ได้”
“คุณหมอมู่ ประวัติการทำงานของหลี่เหยนเองก็ถูกปลอมแปลงมา คุณมองออกได้อย่างไรครับ”
“ผมอยู่ในห้องผ่าตัดพร้อมกันกับเขา เขาทำการผ่าตัดผิดพลาดมากเกินไป และยังหลงเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าจะสามารถปัดความรับผิดชอบนั้นมาให้ผมได้” สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชาอย่างร้ายกาจ
“แต่ฉันได้ยินมาพ่อของเขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถ้าหากส่งรายงานฉบับนี้ออกไป ฉันกลัวว่า…..” หลี่ซานขมวดคิ้ว ในเมื่อหลี่เหยนเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และกลับไม่มีใครค้นพบว่าเขามีปัญหาในกรณีอื่น ๆ แสดงว่าอาจจะมีใครบางคนคอยปกป้องเขาอยู่เบื้องหลัง
“ถ้าหากว่ามันถูกปฏิเสธกลับมา ก็ส่งรายงานนั้นไปที่กระทรวงสาธารณสุข”
เมื่อพูดจบ เขาก็ออกคำสั่งแพทย์ทั้งสองคน “วันนี้ พวกคุณไม่ต้องมาโรงพยาบาลแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาก็แล้วกัน”
ก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล หลี่ซานมองดูมู่วี่สิง “คุณหมอมู่คะ ฉันจะอุ่นอาหารให้คุณนะคะ”
มู่วี่สิงยังคงไม่ได้ทานอาหารที่ทั้งเธอและเวินจิ้งซื้อมาเมื่อวาน เขาเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อไรที่เขาได้ทำงานอย่างจริงจังแล้ว เขาก็จะไม่ทานอะไรเลย
“อือ” มู่วี่สิงตอบกลับด้วยเสียง แต่ทว่าเขากลับโบกมือขึ้นมาอีกครั้ง
หลี่ซานมองดูแผ่นหลังของเขาที่รีบร้อนเป็นอย่างมาก ความรู้สึกอ้างว้างแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเธอ
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง
เมื่อไม่มีมู่วี่สิงอยู่เคียงข้างกายของเธอ เวินจิ้งจึงนอนหลับไม่สนิทเท่าไรนัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทันใดนั้น เธอก็ลืมตาโพลงขึ้นมาในทันที
เธอยังไม่ได้ปิดไฟ ภายใต้แสงไฟสีเหลืองส้มในยามนี้ ภาพเงาร่างอันสูงยาวของมู่วี่สิงตราตรึงอยู่ในดวงตาของเธอ
เวินจิ้งรีบลุกขึ้นมานั่งในทันที เมื่อเห็นว่าเป็นมู่วี่สิง เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
“คุณกลับมาแล้ว” เธอเอ่ยด้วยเสียงกระซิบ เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขา เธอเอ่ยปากถามอย่างไม่รู้ตัวว่า “คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยสินะ”
“อือ พอทำงานเสร็จ ผมก็รีบกลับมาทันที” มู่วี่สิงกอดเธอแน่น และโน้มศีรษะลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว อย่างที่คิดเอาไว้เลย……
แต่ทว่าตอนนี้ฟ้าเกือบจะสางแล้ว ดูเหมือนว่าการนอนหลับนั้นค่อนข้างสำคัญทีเดียว
แน่นอนว่าตอนนี้มู่วี่สิงกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เสียงลมหายใจอย่างพอดีดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งถอนหายใจ และก้มลงมองดูมู่วี่สิง พร้อมกับจูบเขาอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง
“นอนเถอะนะ คุณหมอมู่”