บทที่ 116 ทำให้คนสงสัย
“ลูกแม่ เขากำลังพูดอะไรอยู่?” เจี่ยนอีมึนงง
“เขากำลังพูดจาไร้สาระค่ะแม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรหลงเหลือแล้วก็เหมือนกับหมาตัวหนึ่งที่ไล่ตามกัดไปทั่ว ในตอนแรกฉันตาบอดแค่ไหนกันถึงชอบคุณเข้าไปได้” น้ำเสียงของเวินจิ้งเยือกเย็นจนถึงขีดสุด ดึงเจี่ยนอีเดินจากไปในทันที
พูดคุยกับฉืออี้เหิงมากขึ้นประโยคนึงก็เป็นการเสียเวลาอันมีค่าของเธอ
ความโมโหทำให้ฉืออี้เหิงตามเข้ามา แต่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายของเวินจิ้งได้รั้งเขาเอาไว้แล้ว เขาหรี่ตาลง ความเกลียดชังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ฉืออี้เหิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สีหน้าค่อยๆซีดเผือดลงไป สุดท้ายเผยให้เห็นสีหน้าที่สิ้นหวัง
“แม่…”
โรงพยาบาลจงซิน
ระหว่างทางที่ฉือซินถูกรับออกมาได้ไม่มีลมหายใจแล้ว ตอนที่ฉืออี้เหิงรีบมานั้น ฉือซินได้ถูกส่งเข้าไปในห้องดับจิต
หมัดถูกต่อยไปที่กำแพงอย่างแรง นัยน์ตาของฉืออี้เหิงแดงก่ำ “แม่ของผมทำไมอยู่ๆถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้ครับหมอ?”
เห็นหมอที่เดินผ่าน ฉืออี้เหิงกระชากคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วซักถาม
คุณหมอขมวดคิ้วขึ้น “ตามรายงานผลการตรวจร่างกายของคุณฉือซิน เป็นเพราะภายในร่างกายของเธอได้รับยานอนหลับเกินขนาดทำให้ร่างกายรับไม่ไหว”
ยานอนหลับ…
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉือซินพักอยู่ที่โรงพยาบาลประสาท ได้กินยานอนหลับอยู่ตลอดจริงๆ แต่ว่า คุณหมอต่างก็ควบคุมการใช้ยาอย่างเข้มงวด
ฉืออี้เหิงหรี่ตาลง สั่งผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลัง “ฉันต้องการรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับแม่ของฉันที่อยู่ภายในคุกในเดือนนี้!”
“รับทราบครับ”
“คุณฉือ การร่วมลงทุนของบริษัทใหม่ไม่ถึงที่กำหนดอยู่เป็นเวลานานมากแล้วครับ หากไม่มีผู้ร่วมลงทุนยอมที่จะลงทุนอีก เกรงว่าบริษัทจะต้องเผชิญหน้ากับการถูกลบออกจากทะเบียนครับ”
ฉืออี้เหิงหรี่ตาลง ความเกลียดชังตลบอบอวลขึ้น เขาเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น “หาฝ่ายผู้ร่วมลงทุนให้ฉ้นต่อไป!”
เวินจิ้งรู้ข่าวการเสียชีวิตของฉือซินมาจากปากของอั้ยเถียน เรื่องนี้ออกรายงานข่าวตั้งแต่เช้า แต่ต่อมาก็ถูกลบไปอีกอย่างรวดเร็ว
ฉือซินเพิ่งจะได้รับโทษจำคุกไปเมื่อเดือนก่อน เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนคิดไม่ถึงว่าจะป่วยหนักจนเสียชีวิต เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนสงสัย
เพียงแต่ ถึงอย่างไรฉือซินในปีนั้นก็มีบุญคุณต่อบ้านตระกูลเวิน เวลานี้มาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ส่วนลึกในจิตใจของเวินจิ้งก็รู้สึกเจ็บปวด
หลังจากนั้นสามวันคือพิธีฝังศพของฉือซิน เวินจิ้งไม่ได้ติดตามข่าวอีก หลายวันมานี้มู่วี่สิงออกไปทำงานนอกสถานที่ ปกติเธอก็จะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ในคอนโด ไปที่บ้านเก่าเฝ้าดูงานก่อสร้างทุกวัน
และหลังจากที่พิธีฝังศพของฉือซินเสร็จสิ้นลง ฉืออี้เหิงก็ขับรถมาถึงยังหมู่บ้านเล็กๆในถนนอันหนิง
ด้านข้างวางหนังสือแผนฉบับนึงเอาไว้ เพียงแต่พลิกจนยับเยินไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีบริษัทหรือผู้ร่วมลงทุนคนไหนยอมลงทุน
ยังมีการตรวจสอบเกี่ยวกับมู่วี่สิงอีกหนึ่งฉบับ ทั้งเมืองหนานเฉิง คิดไม่ถึงว่าเขาจะควบคุมบริษัทการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้สี่แห่ง
ตอนที่เวินซินออกจากที่นี่ก็ดึกแล้ว รถของคนขับรถจอดอยู่ที่ด้านนอก เวินซินลงจากอาหารใหญ่ บริเวณไม่ไกลนักเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาที่ม่านตา
ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักลง มองดูเขาอย่างระมัดระวัง
“คุณมาที่นี่ทำไม?” เวินจิ้งเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา
“คุณลืมแล้วหรอ? ผมก็เคยพักอยู่ที่นี่เหมือนกัน” สีหน้าของฉืออี้เหิงในเวลานี้แฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ลึกซึ้ง
ไม่มีใครรู้ว่า หลายวันมานี้ในหนึ่งเดือนเขาผ่านเรื่องราวมามากมายแค่ไหน
ฉินเฟยแท้ง ตระกูลฉินยกประเด็นยกเลิกการหมั้นหมายขึ้นมา เขาถูกไล่ออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ธุรกิจที่ตนเองสร้างขึ้นก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย จนมาถึงตอนนี้ คุณแม่เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูเหมือนถูกคนออกแบบเอาไว้ เขาไม่สงสัยไม่ได้ว่าคือเวินจิ้ง
แต่ว่า ทำไมถึงเป็นเธอ
เขากำหมัดเอาไว้ เข้ามากระชากคอเสื้อของเวินจิ้งในทันที นัยน์ตาลุกไหม้ความโกรธที่เข้มข้น “เวินจิ้ง…ทำไม คุณถึงต้องทำแบบนี้?”
“คุณกำลังพูดอะไร?” เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น ดันหน้าอกของเขาเอาไว้
“ตอนนี้คุณยังจะเสแสร้งอยู่อีก? ผมคิดไม่ถึงเลยว่า คุณจะเปลี่ยนไปจนโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ได้ ทำร้ายจนลูกของผมตาย ตอนนี้ยังจะทำร้ายจนแม่ของผมตายอีก!”
เสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น เวินจิ้งตบไปบนใบหน้าของฉืออี้เหิงอย่างแรงในทันที