บทที่ 72 ไปทำงานนอกสถานที่กับเขา
อั้ยเถียนเคยให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นแก่เธอ หากมู่วี่สิงทำเช่นนั้นแล้ว ถ้าเขาไม่ได้ช่วยมู่วี่สิงด้วยตัวเอง การอาบน้ำเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
มองแผ่นหลังของมู่วี่สิง เธอพูดเสียงเบา “คุณจะไปอาบน้ำเย็นไหม?”
มู่วี่สิงหน้าบึ้งตึง ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้รึไงว่าเสียงของตัวเองน่ะมีเสน่ห์แค่ไหน?
“หุบปาก!” เขาพูดออกมา แล้วบังคับตัวเองให้หลับตา
ในขณะนั้นเวินจิ้งไม่กล้าพูดต่อ เพียงแค่จิตใต้สำนึก เธอขยับเข้ามาใกล้
……
เวินจิ้งได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และกลับไปยังบริษัทผลิตยาเทียนอีอย่างเป็นทางการ เพื่อกลับมาทำงานต่อ
ครั้งนี้ สายตาที่ทุกคนมองเธอได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว
คือ หวาดกลัวและยำเกรง
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกตรวจสอบอย่างพิถีพิถันโดยเสี้ยงหง ดังนั้นทุกคนรู้ว่าสถานะของเวินจิ้งนั้นไม่ธรรดา
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เวินจิ้งต้องการไปเป็นพยานในชั้นศาลให้กับฉือซิน มู่วี่สิงไปกับเธอ
นอกห้องพิจารณาคดี ฉืออี้เหิงและฉินเฟยเดินตรงเข้ามา
“เวินจิ้ง เธอมันเลือดเย็นไร้ความรู้สึก” ฉืออี้เหิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ฉันเลือดเย็นแต่ก็คงไม่เท่าเศษหนึ่งส่วนหมื่นของคุณฉือหรอกนะคะ”
“แม่ของผมดูแลคุณอย่างดี คุณรู้ไหม ถ้าแม่ผมติดคุก เขาจะทนไม่ไหว!” ฉืออี้เหิงกำหมัดแน่น ขอบตาเริ่มแดง
“ในเมื่อคุณเป็นห่วงคุณน้าฉือขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่ตกลงกับข้อเสนอที่ฉันยื่นให้ล่ะ ฉันคิดว่ามันไม่ได้ยากสำหรับคุณนะ อยู่ที่ว่าคุณจะยอมหรือไม่ยอมแค่นั้น”เมื่อพูดจบ เวินจิ้งก็เดินเข้าห้องพิจารณาคดีอย่างไม่แยแส
ฉืออี้เหิงขาแข็งก้าวเท้าไม่ออก ขอโทษต่อหน้าสาธารณชน ? ในสถานะตอนนี้เขาเป็นประธานของฉินซื่อกรุ๊ปให้เขารับข้อเสนอนี้เขาทำไม่ได้
“อาเหิง เวินจิ้งเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” ฉินเฟยทำตาหยี
“ถ้าแม่ฉันถูกตัดสินให้ต้องรับโทษ ฉันจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”
สองชั่วโมงผ่านไป หลังจากการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปฉือซินถูกลงโทษและถูกตัดสินจำคุกห้าปี
ฉืออี้เหิงยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพราะตอนนี้สภาพของฉือซินแย่มาก ศาลอนุมัติให้เธอรักษาตัวก่อน
เวินจิ้งๆไม่สนใจเรื่องนี้ เธอยากไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าเรื่องนี้ สุดท้ายก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ถ้ายอมใจอ่อนอีก เธอจะเป็นคนที่ถูกรังแกตลอด
“คุณผู้หญิงมู่ ครั้งนี้ทำได้เยี่ยมมาก”มู่วี่สิงโอบกอดเธอ
เขารู้ว่าเวินจิ้งมีความผูกพันกับตระกูลฉือ สี่ปีที่ผ่านมาเจี่ยนอีเริ่มป่วยและตระกูลฉือได้ช่วยเหลือเวินจิ้งมาโดยตลอด เธอรู้สึกขอบคุณมาก
แต่ตอนนี้ สีหน้าของคนในตระกูลฉือดูไม่ดีเลย
“คุณไม่รู้สึกว่าฉันเลือดเย็นเหรอค่ะ?”เวินจิ้งถาม
“คุณเลือดเย็นกับศัตรูหัวใจผม ทำไมผมต้องไม่พอใจด้วยล่ะ หืม?”มู่วู่สิงเชยคางเคยเธอขึ้น
เวินจิ้งอดหัวเราะไม่ได้ ศัตรูหัวใจ?
บางเวลาผู้ชายคนนี้ทำไมน่ารักจัง
อยู่ไม่ไกลนัก ฉืออี้เหิงดูคนสองคนที่โอบกอดกัน สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา
……
ครึ่งเดือนต่อมา มู่วี่สิงจะไปติดต่องานที่ต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมวิจัยทางการแพทย์ แต่มู่เฉินได้กลับไปที่ประเทศCก่อนหน้านี้แล้ว
เวินจิ้งช่วยเขาจัดกระเป๋าเดินทาง นึกถึงมู่วี่สิงจะไปตั้งครึ่งเดือน เธออยู่คนเดียวในบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่นี้ รู้สึกวังเวงจัง
แต่ถ้าเขาไม่อยู่ เธอก็จะได้อยู่อย่างเป็นตัวของตัวเอง
“คุณหญิงมู่ คุณทำใจให้ผมไปคนเดียวได้เหรอ?”มู่วี่สิงกอดเธอจากด้านหลัง เวินจิ้งสะดุ้งตกใจ เหมือนจะเซล้ม
“ไม่งั้นล่ะ ข้างกายคุณก็ยังมีพวกนางพยาบาลไปด้วยนิคะ” เวินจิ้งพูดเสียงเบา
“ครั้งนี้ มีแค่ผมและผู้ช่วยผู้ชายหนึ่งคนที่ไป” มู่วี่สิงพูดเน้นย้ำ
“ค่ะ” ท่าทีของเวินจิ้งยังคงเฉยๆ
“มือผมยังไม่หายสนิท ยังเจ็บอยู่”มู่วี่สิงยังคงพูดต่อ แอบแฝงไปด้วยการอ้อน
ในที่สุด สีหน้าเวินจิ้งก็ตื่นตกใจ หันไปจับมือของมู่วี่สิง
ตอนนี้มือของมู่วี่สิงไม่ต้องพันผ้าพันแผลแล้ว แต่รอยแผลยังน่ากลัว และเธอก็รู้สึกเป็นห่วงเมื่อมองเห็น
“คุณก็แค่ไปเข้าประชุม ผู้ช่วยของคุณจะช่วยจดบันทึกเองไม่ใช่เหรอ?”เวินจิ้งคิด
ความจริงที่มู่วี่สิงไปเข้าร่วมประชุม สิ่งที่ต้องใช้ก็มีแค่ปากนั่นแหละ
“บางครั้งต้องทำการทดลองด้วยตัวเอง” มู่วี่สิงยังมองเธออยู่ สายตาไม่เปิดเผยความรู้สึก
เวินจิ้งตะลึงงัน เธอเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของมู่วี่สิงแล้ว
หรือว่าเขาอยากพาเธอไปด้วย?
แม้ว่าให้เธอลาด้วยวันหยุดทั้งปี ก็คงลาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน
“คุณก็รู้ ว่าฉันไม่ได้มีวันหยุดเยอะขนาดนั้นที่จะไปกับคุณได้”เวินจิ้งพูดเสียงเบา
“คุณภรรยาคิดว่าไงล่ะครับ?”มู่วี่สิงเชยหน้าเธอขึ้นมา สายตาเริ่มร้อนแรง
เวินจิ้ง:??
ความคิดเธอเหรอ ก็คืออยู่บ้านดีๆรอมู่วี่สิงกลับมา
หรือว่า เขาจะหวังจริงๆว่าเธอจะไปกับเขาได้?
เวินจิ้งนิ่งไปชั่วขณะ
“ถ้าคุณไม่ไปกับผม ผมคงทำได้แค่เลือกผู้ช่วยพยาบาลสาวไปกับผมอีกสักคน”มู่วี่สิงพูดอย่างเฉยเมย
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ผู้ช่วยพยาบาลสาว….•นั่นก็คือพยาบาล
เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากล
หลายวันต่อมาเธอไปทำงานตามปกติ เวินจิ้งยังหมกมุ่นอยู่กับคำพูดของมู่หยิงซิงเมื่อคืนนี้ เธอจะลางานดีไหม?
เธอเล่าเรื่องนี้ให้อั้ยเถียนฟัง เธอตบหัวเวินจิ้งเบาๆทันที “ไอ้เซ่อ คุณหมอมู่เป็นเจ้าของบริษัท เธอออกไปกับเขานั่นก็ถือเป็นการทำงาน ทำไมต้องลางาน!”
“เหมือนจะสมเหตุสมผล” เวินจิ้งพยักหน้า แต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง
แต่ถ้าเธอไม่ไป มู่วี่สิงจะพาพยาบาลสาวไปด้วย?
“เวินจิ้ง เธออย่าชักช้าน่ะ รีบตามคุณหมอมู่ไปทำงานด้วยเลย โอกาสดีแบบนี้แล้ว รีบจัดการให้อยู่หมัดเลย”
เวินจิ้งสำลักน้ำลาย ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรไร้สาระ!
เธอจ้องอั้ยเถียนด้วยสายตาที่กำลังโกรธ “ฉันจะเข้าไปยุ่งกับคุณหมอมู่ได้ยังไงล่ะ”
“ในเมื่อเขาเลือกเธอแบบสุ่ม ก็หมายความว่าเธอเข้าไปยุ่งได้!”อั้ยเถียนพูดอย่างไม่เกรงใจ
เวินจิ้งถึงกับต้องมองบนใส่อั้ยเถียน
นึกถึงเรื่องของอั้ยเถียนและเสี้ยงหง เวินจิ้งดึงเธอเข้ามาใกล้ แล้วถามเสียงเบา “เธอกับคุณเสี้ยงตกลงคบกันแล้วเหรอ?”
ข่าวลือนั้น อั้ยเถียนอึ้ง สีหน้าเริ่มไม่ปกติ
ที่ผ่านมาเธอไม่หยี่ระ ไม่ค่อยหลบแบบนี้
“ไม่รู้สินะ” หลังจากนั้น อั้ยเถียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถอนหายใจ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เรื่องแบบนี้เจ้าตัวเองยังไม่รู้เรื่องเหรอ?
“ความสัมพันธ์ของพวกเธอพัฒนาถึงขั้นไหนแล้ว?”
“กลิ้งบนผ้าปูที่นอน แต่ก็แค่นั้น” อั้ยเถียนมองตรง
“คุณเสี้ยงไม่รับผิดชอบเธอเหรอ?” เวินจิ้งโกรธ ในความคิดของเธอ คู่รักกันถ้าถึงขั้นนอนด้วยกันแล้ว ก็ต้องถึงขั้นที่ต้องแต่งงานกันแล้ว
ไม่นึกเลยว่ายังไม่ได้ตกลงสถานะความสัมพันธ์กัน?
“ชูว์!”อั้ยถิงรีบปิดปากของเวินจิ้งอย่างเร็ว “น่าจะไม่ใช่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่นี้ก่อนละกัน!”
อั้นเถียนกัดฟันแล้วพูด
“ฉันแค่เป็นห่วงเธอ เถียนเถียน ถ้าคุณเสี้ยงเป็นคนเจ้าชู้จริง เธออย่าเข้าไปพัวพันกับเขานะ”
“ ฉันรู้แล้วน่ะ!”อั้ยเถียนตอบรับ
แต่หลายๆเรื่อง แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่สามารถบังคับได้
หลังทานมื้อกลางวันเรียบร้อย เวินจิ้งกลับไปทำงานต่อ เธอได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่งโดยไม่คาดคิด คือตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ออกไปทำงานนอกสถานที่ ไปที่ประเทศBนั่นเอง วันที่นี้ ตรงกับวันที่มู่วี่สิงต้องไปทำงานนอกสถานที่พอดีเลย!”
เธอโทรหามู่วี่สิงทันที
“มู่วี่สิง ทำไมคุณทำแบบนี้….”เวินจิ้งโกรธ เธอยังไม่ได้ตอบตกลงเลยว่าจะไปทำงานพร้อมมู่วี่สิง ตอนนี้ดีเขาออกคำสั่งโดยตรงเลย
“ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านายของคุณ เวินจิ้ง ไม่ต้องมาเอาแต่ใจกับผม มันไร้ประโยชน์ เสียงของมู่วี่สิงจริงจังมาก