บทที่ 32 คุณไม่เป็นห่วงเขาเหรอ
กลับมาที่ห้องทำงาน หลี่ซานก็เข้ามารายงานสถานการณ์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“หัวหน้าคะ ฉันไปตรวจก้องวงจรปิดของชั้นหนึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วค่ะ ไม่เจอคนน่าสงสัยเข้าไปในห้องผู้ป่วย คุณดูตอนนี้สิคะ” หลี่ซานดึงคลิปกล้องวรจรปิดออกมาช่วงหนึ่ง
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก ผ่านเนิ่นนานดวงตาก็เผยความจนใจออกมาหลายส่วน
อ้างอิงจากอารมณ์ของเย่กวนกวน เขาก็เดาได้ตั้งนานแล้วว่าเธอเปลี่ยนยาให้ตัวเอง
“ผมรู้แล้ว”
“หัวหน้าคะ วิดีโอช่วงนี้จะให้ฉันเอาไปให้ผู้อำนวยการดูมั้ยคะ?”
“จำเป็น คืนนี้เธอก็ตื่นแล้วล่ะ”
ตกบ่าย เย่ถิงที่รู้ว่ามู่วี่สิงมาที่โรงพยาบาลก็รีบร้อนเข้ามาทันที
เขาไม่อยากให้มู่วี่สิงกลับมารักษาเย่กวนกวนอีกต่อไป แต่เขาเป็นอาจารย์หมอแผนกสมองและเส้นประสาท เป็นหมอที่ในประเทศยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในโลกวิชาแพทย์ เข้าใจเรื่องสมองและประสาทดีในขั้นลึกซึ้ง ไม่มีใครเก่งไปกว่ามู่วี่สิงแล้ว
เขากระทั่งติดต่อหมอคนอื่นที่จะให้มาแทนที่มู่วี่สิงไม่ได้
ถ้าแม้แต่เขายังรักษาไม่หาย แล้วใครยังจะกล้ามารับไม้ต่อกันเล่า?
“มู่วี่สิง คุณบอกผมมา เรื่องครั้งนี้คุณตั้งใจใช่หรือไม่?” เย่ถิงถามหน้าเข้ม เขาก็กำลังตรวจสอบเรื่องราว เพียงแต่ตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร
ก่อนหน้านี้เย่กวนกวนแสดงออกอย่างดีกับมู่วี่สิง เขาเห็นอยู่เต็มตา แต่ท่าทางที่มู่วี่สิงแสดงออกมานั้นชัดเจนว่าไม่ได้มีใจให้เย่กวนกวน
”ถ้าผมตั้งใจ การผ่าตัดของเย่กวนกวนก็คงไม่สำเร็จ” มู่วี่สิงบอกหน้านิ่ง น้ำเสียงเย็นชา
เย่ถิงคิดถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงไมได้สงสัยมู่วี่สิงมากขนาดนั้นอีก
“หลายปีมานี้ตระกูลเย่เหยียบเท้าคนมาไม่น้อย ที่จริงก็ควรโทษผมถึงจะถูก” เย่ถิงคิดไปแล้ว หากมู่วี่สิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าอาจจะการล้างแค้นของบ้านอื่นที่มีแต่ตระกูลเย่แล้ว
“ลุงเย่ ผมเคยพูดว่าเธอจะไม่ตาย ก็หมายความว่าผมจะปกป้องเธอ” มู่วี่สิงบอกเสียงเรียบ
“คุณก็น่าจะรู้ว่าวิธีปกป้องกวนกวนที่ดีที่สุดก็คือตอบรับเธอซะ” เย่ถิงหรี่ตา ก้นสายตาลึกล้ำ
ตั้งแต่ป่วยอารมณ์ของเย่กวนกวนก็ไม่ดีมาตลอด นี่ก็กระทบกับการฟื้นฟูร่างกานของเธอมากพอแล้ว แต่ว่าหากได้อยู่ข้างๆมู่วี่สิง อาการของเอจะต้องดีขึ้นแน่ๆ
“ลุงเย่ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก” เสียงที่มู่วี่สิงเอ่ยออกมาทั้งราบเรียบและหนาวเหน็บ
……
พลบค่ำ เวินจิ้งเลิกงาน แฟนคลับหลายคนในกลุ่มตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมมู่วี่สิง เธอเองก็ลงชื่อไว้เหมือนกัน
ทว่าแต่ไรมาพวกแฟนคลับก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปรบกวรการทำงานของมู่วี่สิงในโรงพยาบาล ทำได้แค่รออยู่ด้านนอก
กระทั่งสี่ทุ่มมู่วี่สิงก็ยังไม่ออกมา
เวินจิ้งย่นคิ้ว ไม่นานอั้ยเถียนที่กินข้าวเสร็จก็ตามมาแล้วลากเวินจิ้งเข้าไปในโรงพยาบาล
“เธอทำอย่างนี้ก็ทำให้คุณหมอมู่หวั่นไหวไม่ได้น่ะสิ พวกเราไปซื้อของกินกันก่อน” อั้ยเถียนหยุดไปครู่หนึ่งแล้วก็ออกมาจากโรงพยาบาลอีก จากนั้นก็พาเวินจิ้งไปร้านสะดวกซื้อ
เห็นอั้นเถียนซื้อของกินเยอะแยะหลายอย่างจนเกือบเต็มตะกร้า เวินจิ้งก็อึ้ง
“ให้หมอมู่หมดนี่เลยงั้นเหรอ?”
“แน่สิยะ นี่เป็นของที่ปกติคุณหมอมู่กิน นี่เธอไม่ใส่ใจเขาหน่อยรึไงนะ? ทำไมถึงเป็นคุณนายมู่ได้” อั้ยเถียนบอกอย่างไม่สบอารมณ์
เหล่าแฟนคลับต่างก็รู้รสชาติแล้วก็สิ่งที่มู่วี่สิงชอบ อั้ยเถียนเองย่อมต้องท่องได้ขึ้นใจเช่นกัน
เวินจิ้งเขิน ก่อนแต่งงานกับมู่วี่สิง เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาจะมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ขนาดนี้
กระทั่งหลังแต่งงาน มาจนตอนนี้ก็พึ่งครึ่งเดือนเท่านั้นเอง สิ่งที่เธอเข้าใจเกี่ยวกับเขาก็ยังมีไม่เยอะเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ เธอยังไม่เคยใส่ใจชีวิตประจำวันของเขาด้วย
แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะใส่ใจยังไงดี
สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ในรูปแบบการแต่งงานของคนสองคนนั้น เธอชัดเจนดีว่าไม่ควรข้ามไปยังโลกนั้น