บทที่ 25 สงสารเขา
มู่วี่สิงย่นคิ้ว มองเย่กวนกวนที่สลบอยู่บนเตียง “ผมอยู่ที่ห้องทำงานข้างๆนี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมรู้ครับ”
เย่ถิงถึงค่อยวางใจ
“คุณหมอมู่ นี่เป็นอัตราร่างกายของเย่กวนกวนใรครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาค่ะ” หลี่ซานคอยรายงานเขาอยู่ไม่ขาด
มู่วี่สิงทำท่ารับรู้ “คืนนี้ลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่ง ร่างกายของเธอเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่อต้านแล้ว”
“ทราบแล้วค่ะ คุณหมอมู่”
เวินจิ้งกำลังจะไปหามู่วี่สิงก็เห็นเขาเดินถอนหายใจเข้ามา
เขาสวมชุดกราวนด์สีขาว เมื่อครู่เกิดเรื่องงั้นหรือ? ทำไมดึกขนาดนี้เขายังไม่พักอีก?
เวินจิ้งมองเขาอย่างเป็นกังวล อดเดินไปข้างหน้าไม่ได้
“คุณไปไหนมาคะ?” นำเสียงของเธอมีแววตำหนิ
ก่อนหน้านี้หลี่ซานเคยรับรองเวินจิ้งมาก่อน รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิงไม่ธรรมดา ก็ให้ความสำคัญกับเวินจิ้งมากกว่าเดิม
หลายปีมานี้ข้างกายมู่วี่สิงไม่มีผู้หญิงที่สนิทสนมนอกจากเวินจิ้ง
“คุณไปก่อนเถอะ”
หลี่ซานถอยออกไปมู่วี่สิงก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน บนโต๊ะมีอาหารร้อนๆวางอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่เวินจิ้งเพิ่งซื้อมา
“เมื่อกี้นี้ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จยังไม่พ้นขีดอันตราย คืนนี้คนที่รับผิดชอบไม่ว่าใครก็พักผ่อนไม่ได้” มู่วี่สิงนิ่วหน้า
เวินจิ้งนั่งลงข้างๆเขา “เพราะงั้นคืนนี้คุณก็เลยพักไม่ได้งั้นหรือคะ?”
มู่วี่สิงพยักหน้า เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปตั้งนานแล้ว แต่ชัดเจนว่าเวินจิ้งนั้นประหลาดใจไม่น้อย
อืม”
“คุณอยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนมั้ยคะ?” เวินจิ้งถามออกมา
กล่าวจบก็รู้สึกขัดใจจนอยากงับลิ้นตัวเอง
ทำไมเธอถึงต้องอยู่เป็นเพื่อนมู่วี่สิงด้วย? คืนนี้เธอก็ช่วยงานเขาจนถึงที่จุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะช่วยได้แล้ว พรุ่งนี้เธอยังต้องทำงานนะ ถ้าคืนนี้นอนดึกพรุ่งนี้เช้าก็ไม่มีสมาธิทำงานพอดี
เพียงแต่ตอนนี้เธอรู้สึกสงสารเขาก็เท่านั้น
“กลับไปพักเถอะ” มู่วี่สิงย่นคิ้ว น้ำเสียงมีแววบังคับ
จบคำเขาก็วางช้อนลง เกี่ยวมือเวินจิ้งพาเธอออกไปจากโรงพยาบาล รถคันหรูจอดรออยู่ตรงนั้น มู่วี่สิงแทบจะยัดเวินจิ้งเข้าไปข้างใน
“ฝันดีครับคุณนายมู่” ก่อนขึ้นรถเขาก็รั้งเธอออกมา จุมพิตตรงหว่างคิ้วก่อนหนึ่งครั้งถึงค่อยละมือออกมา
กระทั่งรถขับออกมาเวินจิ้งถึงเพิ่งได้สติ ลูบตรงหว่างคิ้วที่ยังหลงเหลือความอบอุ่นของมู่วี่สิงอยู่ เธอมองไปด้านหลังก็เห็นมู่วี่สิงยืนอยู่ตรงประตู สายตายังคงมองมายังรถที่ขับออกมาไกลแล้ว
หัวใจของเวินจิ้งอบอุ่น เธอบอกให้คนขับรถส่งเธอไปที่ถนนอันหนิง
วันต่อมา ตอนที่เวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เห็นก็คือเจี่ยนอีกำลังยืนอยู่หน้าประตู เธอตกใจจนสะดุ้ง
“แม่”
“แกกลับมาได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าย้ายไปอยู่กับมู่วี่สองแล้วรึไง?” เจี่ยนอีเท้าสะโพก ดูท่าทางโกรธ
เมื่อคืนที่เวินจิ้งกลับมาเธอไม่รู้สักนิด
“หนูกลับมาเก็บของ” เวินจิ้งยืดเอวบิดขี้เกียจ
“ฉันบอกแกแล้วว่าฉันจะช่วยเก็บแล้วส่งไปให้ แกไม่จำเป็นต้องกลับมาอีกรอบ” เจี่ยนอีย่นคิ้ว กลัวว่าการแต่งงานระหว่างเวินจิ้งกับมู่วี่สิงจะเกิดปัญหา
“หนูก็ถือโอกาสมาดูแม่ด้วยไง” เวินจิ้งบอกยิ้มๆ
“ตอนนี้ดูเสร็จแล้วก็รีบกลับไป” จบคำเจี่ยนอีก็เริ่มช่วยเวินจิ้งเก็บของอย่างคล่องแคล่ว
เวินจิ้ง “…”
“แม่เป็นห่วงหนูขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?” เวินจิ้งถามอย่างช่วยไม่ได้
จบคำเจี่ยนอีก็หยุดชะงัก จากนั้นก็ถอนหายใจเงียบๆ
“เรื่องมู่วี่สิง ที่แม่เข้าใจก็มีแค่เรื่องในหนังสือพิมพ์กับทีวีเท่านั้นแหล่ะ แม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ยัยหนูเอ้ย การที่แกได้แต่งงานกับเขาถือว่าเป็นวาสนา แล้วฉันจะกังวลอะไรอีกล่ะ? นอกจากนี้ ผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนที่แกเลือกเอง แกโตแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่แกควรจะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง”
เวินจิ้งมองมารดา เจี่ยนอีเป็นคนที่เลี้ยงเธอมาจนโต บิดาของเธอจากบ้านไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ตั้งแต่นั้นมามารดาก็ลำบากมาโดยตลอด เธอรู้เรื่องนั้นดี
เพราะฉะนั้นตอนแรกที่ท่านถึงจัดงานดูตัวให้เธอเสียหลายรอบยังไงเล่า แม้ว่าเธอจะบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไป
เธอสูดจมูก “แม่ หนูรู้แล้วล่ะ”