บทที่ 21 คู่แต่งงานใหม่ก็เหมือนเปลวเพลิง
เวินจิ้งเพิ่งเคยขึ้นมาชั้นบนสุดเป็นครั้งแรก ทางเดินยาวนำไปสู่ห้องทำงานห้องเดียวในที่แห่งนี้
ตลอดทางเดินได้ยินเสียงซุบซิบต่างๆมากมาย พนักงานเล็กๆที่ธรรมดาจนไม่สามารถธรรมดามากกว่านี้ได้อีกแล้วกลับกล้าร้องเข้าพบเจ้านายคนใหม่
เวินจิ้งย่นคิ้ว มีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยขณะเดินเข้าไปในห้องทำงาน มู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟาอย่าสง่างาม ขายาวไขว้กัน บารมีของผู้นำแผ่ซ่านไปทั่ว
วินาทีนั้น เวินจิ้งยิ่งรู้สึกว่าเขาแปลกหน้ายิ่งกว่าเก่า
“คุณนายมู่” พอเขาเปิดปากออก เวินจิ้งก็ถลาเข้าไปปิดปากเขาทันที
จากนั้นก็หันไปมองประตู โชคดีไปที่ปิดประตูแล้ว
“คุณ…คุณกำลังทำอะไรอยู่!” เวินจิ้งหงุดหงิด เรื่องที่เขาคือเจ้านาย มู่วี่สิงไม่ได้บอกเธอมาก่อน กลับกันเขาดันรู้แต่แรกแล้วว่าเธอทำงานอยู่ที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี
“มานี่” มู่วี่สิงไม่ตอบคำถามของเธอ เขาดึงเธอให้นั่งลง ไม่สนใจสักนิดว่าที่นี่คือห้องทำงาน
ที่อาจจะมีคนเข้ามาได้ทุกเมื่อ
“ทำไมคุณไม่บอกฉัน?” เวินจิ้งยังคงถามต่อไป
ผู้ชายคนนั้นย่นคิ้ว ตาดำของเขามองไปที่ใบหน้าที่กรุ่นไปด้วยโทสะของเธอ “นี่เป็นเรื่องงานของผม คราวหน้าถ้าคุณนายมู่อยากรู้เรื่องงานของผมแบบละเอียดยิบล่ะก็ ผมก็ยินดีรายงานให้คุณฟัง”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!” เวินจิ้งค้าน ก็แค่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเธอ
การที่มู่วี่สิงรับซื้อบริษัทที่เธอทำงานอยู่มันก็ถือเป็นเรื่องของเธอด้วยเข้าใจมั้ย!
“หืม?” มู่วี่สิงหรี่ตา ก้นสายตาเผยความลึกล้ำอยู่หลายส่วน
“ช่างเถอะ ฉันก็แค่ไม่ชินที่คุณกลายมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของตัวเองก็เท่านั้น” เวินจิ้งพูดเสียงเบา
“เวินจิ้ง ผมเป็นสามีคุณ ผมมีแต่สถานะนี้เท่านั้น จำไว้ให้ดี” มู่วี่สิงเกี่ยวปลายคางของเธอ ดวงตาแผดเผา
เธอ…เกือบจมดิ่งเพราะสายตาของเขาเสียแล้ว
“มู่วี่สิง ห้ามให้บริษัทรวมไปถึงคนอื่นรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราเด็ดขาดนะ” เวินจิ้งยื่นคำขาด
สีหน้าของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นไม่พอใจในเสี้ยววินาทีขึ้นมาในบัดดล บรรยากาศรอบตัวก็กดต่ำลง
“คุณอยากปิดบังเรื่องการแต่งงานของเรางั้นรึ? หืม?”
เวินจิ้งพยักหน้า “พวกเราต่างก็แค่ช่วยแก้ปัญหาความกดดันของที่บ้านตัวเองทั้งคู่ ส่วนโลกข้างนอกนี้ เราไม่จำเป็นต้องแสดงละครอะไร”
มู่วี่สิงเม้มปาก ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากทั้งคิ้วตาแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่พอใจ
เขาจ้องเวินจิ้ง ดวงตาดำครึ้มและหม่นหมอง
เวินจิ้งถูกเขาจ้องจนอึดอัด หรือเธอพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?
เดิมพวกเขาก็ตกลงกันอย่างนี้ไม่ใช่หรือไง
“คุณพูดถูกแล้ว ผมเกลียดการแสดง” มู่วี่สิงพูดเสียงต่ำ
พอกลับออกมาจากห้องทำงาน เวินจิ้งก็เลี่ยงคำซุบซิบนินทาไม่พ้น เธอทำได้แค่พูดไปประโยคเดียว “ฉันแค่ไปทำความสะอาดในห้องทำงานของคุณหมอมู่เท่านั้นเอง ก็ป้าที่ทำความสะอาดแกลาออกไปแล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ!”
“อ๋า! ทำไมเป็นเธอ เวินจิ้ง อิจฉาชะมัดเลย ให้ตายสิ!”
“ก็นั่นน่ะสิ ฉันก็อยากไปทำความสะอาดให้คุณหมอมู่บ้างเหมือนกัน ทำไมเขาไม่เรียกฉัน…”
“อีกเดี๋ยวจะได้เจอคุณหมอมู่อีกรึเปล่า?”
เวินจิ้งก้มหน้าลงไม่สนใจ กระทั่งถึงตอนพักเบรกกินข้าวเที่ยง เพิ่งจะออกไป อั้ยเถียนก็เดินมา
“ไปกินข้าวกับคุณหมอมู่เหรอ?” อั้ยเถียนถามเสียงเบา
เวินจิ้งพยักหน้า เมื่อกี้เธอเพิ่งได้รับสายจากมู่วี่สิง ค่อยนึกขึ้นมาได้ทีหลังว่าตัวเองก็น่าจะปฏิเสธไปได้แท้ๆ…
“เฮ้อ คู่แต่งงานใหม่ก็เหมือนเปลวเพลิง ไปเถอะๆ ฉันจะช่วยเก็บความลับให้” เห็นสีหน้าอบอุ่นของอั้ยเถียน ดวงตาของเวินจิ้งก็เบิกกว้าง ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!
เห็นว่าใกล้เวลาแล้ว เธอก็ลงจากตึกใหญ่ กลับคิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงกลับยืนรอเธออยู่ข้างคานเยนน์ คูเป้คันหรู
เพราะเป็นช่วงพักกินข้าวกลางวัน จึงมีคนเดินเข้าออกไม่ขาดสาย ถ้าหากเธอขึ้นรถตรงนี้ล่ะก็…เกรงว่าเรื่องที่เธอไปกินข้าวกัยมู่วี่สิงคงได้แพร่สะพัดทั่งวันแน่!
ไม่ได้!
หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เวินจิ้งก็เบี่ยงเท้าเดินไปอีกด้าน