เฉินเสียนนึกขึ้นได้ เธอเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ที่แท้ท่านก็ต้องการให้ข้าฆ่าคนที่ร่วมสู้รบด้วยกันมา” เธอเคาะหน้าผากตัวเองอีกครั้ง “อ้า เหมือนข้าจะจำได้แล้ว เมื่อคืนแม่ทัพพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ซูเจ๋อแอบเข้าไปให้ค่ายทหารเพื่อลอบสังหารกษัตริย์ไหวหนาน”
แม่ทัพโฮ้วกล่าว “ข้าเพียงแค่อยากให้องค์หญิงเข้าใจ บุคคลผู้นี้ต้องระมัดระวังพ่ะย่ะค่ะ”
ดูออกว่าความคิดของเฉินเสียนไม่สอดคล้องกับแม่ทัพโฮ้ว เธอบอกกับตัวเองว่า “ถึงว่าทำไมข้าถึงสาบานต่อเขา เพราะข้ากลัว กลัวว่าเขาจะหายไปจากชีวิต และสุดท้ายเขาจะหาความปลอดภัยและที่พึ่งไม่ได้จากข้า ถ้าเป็นแบบนี้ สำหรับเขาแล้วมันช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน”
สีหน้าของแม่ทัพโฮ้วยิ่งกังวลและเคร่งเครียดกว่าเดิม
เฉินเสียนกล่าว “เข้าปกป้องข้าจนมาถึงวันนี้ ทำให้ข้าได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนมากมาย แต่สุดท้ายข้ากลับต้องทิ้งเขาเพื่อปกป้องเรื่องใหญ่ของอาณาจักร พูดแล้วก็เจ็บปวดอยู่เหมือนกัน”
เฉินเสียนมองไปที่แม่ทัพโฮ้ว และกล่าวว่า “ท่านคิดว่าข้าสนใจเรื่องอำนาจพวกนี้หรือ? นั่นเป็นเพราะซูเจ๋อมอบหมายมาให้ข้า เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องยอมรับมัน”
“แม่ทัพโฮ้ว เรื่องการบริหารอำนาจไม่ใช่เป็นเรื่องของคนเพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของคนหลาย ๆ คนที่พยายามปกป้องและรักษามันเอาไว้ นั่นไม่ใช่เป็นสิ่งของหรือเรื่องส่วนตัวขององค์จักรพรรดิหรือราชวงศ์เพียงอย่างเดียว ราชวงศ์บางครั้งก็ไม่สามารถทำตามใจของตัวเองได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อำนาจที่มีเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรอกนะ” แววตาของเธอสงบและแน่วแน่ “รวมถึงการละทิ้งคนที่รักมากที่สุด”
เฉินเสียนกล่าว “จริง ๆ แล้วข้าอยากจะปกป้องเขาก่อน หลังจากนั้นจึงคิดถึงหน้าที่ที่จะปกป้องราษฎร เขาและลูกชายของข้า เป็นคนที่สำคัญที่สุดของข้า หากข้ายังดูแลคนในครอบครัวของข้าได้ไม่ดี แล้วจะเอาอะไรไปปกป้องราษฎรในอาณาจักร”
แม่ทัพโฮ้วตกใจ เขาไม่รู้ว่าที่ทำอยู่นี้ผิดหรือถูก เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ไหนที่ไม่รักอาณาจักรของตัวเองเลย แต่เฉินเสียนกลับบอกว่านั่นไม่ใช่เธอ เธอไม่ได้ชอบสิ่งนี้
ที่เธอทำแบบนี้ เป็นเพราะหน้าที่ เธอไม่ต้องการละเลยในหน้าที่และไม่อยากทำให้ผิดหวังก็เท่านั้นเอง
เฉินเสียนหรี่ตาอยู่นานและกล่าวว่า “ข้าต้องมีแรงเพื่อปกป้องคนที่ข้ารัก คนที่ข้าเคารพ ไม่ใช่คนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย”
ซูเจ๋อยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังระเบียง ถือชามกระเบื้องสีขาวเรียบๆ อยู่ในมือ และหลับตาลงเป็นเวลานาน
ลมพัดเบา ๆ ยกมุมของเสื้อสีดำและผมบนไหล่ของเขาขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เฉินเสียนขดริมฝีปากและยิ้มให้แม่ทัพโฮ้ว “นี่คงเป็นความต่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย แม่ทัพโฮ้ว ความคิดของข้าฟังดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลยใช่ไหม?”
หลังจากที่แม่ทัพโฮ้วได้สติก็กล่าวว่า “แล้วองค์หญิงสามารถเปลี่ยนได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“เท่าที่ดูไม่น่าจะได้”
แม่ทัพโฮ้วกล่าวหลังจากที่คิดอยู่นาน “ถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ งั้นก็ไม่มีหนทางอื่น ปกติข้าเคยชินกับการที่เห็นกษัตริย์ต่อสู้เพื่ออำนาจมาแต่โบราณ แต่จู่ ๆ องค์หญิงก็มีความคิดแบบนี้ หากจะบอกว่าไม่เหมาะสม อาณาจักรต้าฉู่ก็คงไม่มีประชาชนราษฎรจำนวนมากที่นึกถึงความดีความชอบขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุด แม่ทัพโฮ้วดูเหมือนจะหมดหนทาง “ไม่เป็นไร ไม่แน่อนาคตข้างหน้าอาณาจักรต้าฉู่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น”
แม่ทัพโฮ้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าทำได้เพียงแค่เตือนองค์หญิงอีกครั้ง หากวันข้างหน้าท่านไม่ได้สนใจเรื่องการบริหารอำนาจและการปกครองของต้าฉู่และราษฎรแล้วละก็ ได้โปรดอย่าได้ยกอำนาจให้ซูเจ๋อ ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องขอเป็นศัตรูกับใต้เท้าซู ในทางตรงกันข้าม พรสวรรค์และกลยุทธ์ของเขาทำให้ข้าประทับใจ แต่คนที่คู่ควรกับความเกรงขามมักจะต้องเพิ่มความระมัดระวังพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนหรี่ตาลงและกล่าวว่า “ขอบใจท่านแม่ทัพโฮ้วที่ตักเตือนข้า แต่เรื่องการบริหารอำนาจและการปกครองนั้น ข้าตัดสินใจแล้วว่าให้ลูกของข้าตัดสินใจตามพ่อของเขา หากวันข้างหน้าลูกของข้าต้องสืบทอดราชบัลลังก์ ไม่รู้ว่านับเป็นการบริหารอำนาจและการปกครองหรือไม่? เพราะสุดท้ายแล้วลูกชายก็ต้องใช้แซ่ของพ่อ และนี่ก็เป็นคุณธรรมประเพณีดั้งเดิมของต้าฉู่”
แม่ทัพโฮ้ว “แซ่ฉินหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินเสียนยิ้มให้กับแม่ทัพโฮ้ว “ไม่ใช่ แซ่ซู”
แม่ทัพโฮ้วเงียบลง เวลานี้เขารู้สึกโกรธจนเป่าหนวดเคราและดวงตาเขม็ง ลุกขึ้นและชี้ไปที่เฉินเสียนพร้อมกับกล่าวว่า “หากองค์จักรพรรดิองค์ก่อนยังอยู่ จะต้องว่ากล่าวท่านที่เป็นผู้หญิงโง่เขลาแบบนี้!”
“แม่ทัพโฮ้ว ลุงโฮ้ว อย่าเพิ่งอารมณ์ร้อน นั่งลงคุยกันดี ๆ ก่อน” เฉินเสียนกล่าวอย่างจริงจัง
“กษัตริย์ของต้าฉู่จะแซ่อะไรนั้นไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและปลอดภัย และนอกจากนี้ ใครเขาจะไปสนใจว่าท่านแซ่อะไร”
แม่ทัพโฮ้วกล่าวอย่างกังวลใจ “พูดมาขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอะไรให้พูดอีก ท่านนี่นะ พูดอะไรก็ไม่ฟังเอาเสียเลย! พอเถอะ ในอนาคตยังมีคนในราชสำนักอีกมากมายล้อมรอบท่าน เพื่อพูดโน้มน้าวเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ข้าคงไม่ต้องเสียเวลาพูดอีกต่อไปแล้ว”
ทันใดนั้นเฉินเสียนก็รู้สึกดีใจและอดขำไม่ได้ เธอกล่าว “ท่านลุง ใจเย็นลงก่อน”
หลังจากนั้นแม่ทัพโฮ้วก็เดินออกไปด้วยท่าทีโกรธ
อันที่จริง เมื่อมาคิดอย่างละเอียดแล้วนั้น แม่ทัพโฮ้วคิดว่าชายหนุ่มซูเจ๋อคนนี้นั้นก็ไม่ได้ไม่ดีตรงไหน เหลียนชิงโจวพูดถูก คนที่คู่ควรกับองค์หญิง จริง ๆ แล้วก็คือคนที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา
แม่ทัพโอ้วเพียงแค่กังวลใจว่าซูเจ๋อจะซ่อนความทะเยอทะยานของเขาไว้ลึกเกินไป และในที่สุดเขาก็จะมีแผนอื่น เขากลัวว่าซูเจ๋อไม่จริงใจกับองค์หญิง และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งชิงอาณาจักรต้าฉู่
แต่คำพูดของเฉินเสียนเมื่อครู่ก็ทำให้แม่ทัพโฮ้วตระหนักขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้มีใจที่เปิดกว้างมาก แต่เขาก็กังวลมากจนแทบไม่อยากจะเชื่อ
จนถึงตอนนี้ซูเจ๋อไม่เคยทำเรื่องอะไรเพื่อทำร้ายเฉินเสียนเลย นับประสาอะไรกับการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงน้อยนิดสำหรับตัวเขาเอง เป็นไปได้ว่าเขามีความน่ากลัวอยู่มาก ทำให้ทหารที่เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างแม่ทัพโฮ้วนั้นกลัว
แต่เมื่อลองคิดอีกมุมหนึ่ง หากเขาสามารถสร้างอาณาจักรต้าฉู่ขึ้นมาใหม่ได้ในอนาคต ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
เมื่อซูเจ๋อกลับมา เฉินเสียนยังคงนั่งเหม่อลายอยู่ที่ระเบียง
“ทำอย่างไรดี แม่ทัพโฮ้วคงจะโกรธข้ามากน่าดู” เฉินเสียนพูดพร้อมกับจับหน้าผากของเขา
ซูเจ๋อกล่าว “แม่ทัพอาวุโสก็มักเป็นเช่นนี้ หากในใจเขาโกรธมาก ก็มักจะเก็บมันไว้ ก็เหมือนกับเมื่อคืน ถ้าเขาไม่โกรธเขาจะแสร้งทำเป็นโกรธ”
“ท่านดูเหมือนจะเข้าใจเขาดีเหลือเกิน”
“ท่านคงลืมไปแล้ว เมื่อก่อนเขามักจะทะเลาะกับท่านพ่อของท่านน่ะ เวลาที่ทะเลาะกันหนัก ๆ ก็ถึงขั้นโยนรองเท้าใส่กันเลยทีเดียว”
“…” เฉินเสียนกล่าว “เขาคงกลัวว่าข้าจะเดินตามรอยเสด็จพ่อ”
“เสด็จพ่อของท่านทรงใจดีมาก มีหลายครั้งที่ปล่อยโอกาสให้กษัตริย์ไหวหนาน เขาไม่เคยคิดทำร้ายพี่น้องของเขา ดีที่ท่านไม่มีพี่น้อง ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นเหมือนเขา” ซูเจ๋อกล่าว “แม่ทัพโฮ้วเป็นแม่ทัพผู้ปกป้องอาณาจักร ที่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ต่อไปอาเสียนต้องปฏิบัติต่อเขาดี ๆ หน่อย”
“ต่อให้เขาดีต่อข้า ถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าเจ้า เจ้าก็ยังต้องการให้ข้าปฏิบัติต่อเขาดี ๆ งั้นหรือ?”
ซูเจ๋อกล่าว “ปกป้องอาณาจักรสำเร็จ ราชสำนักวุ่นวาย เราต่างก็รู้ความหมายนี้ดี การที่เขาคิดจะฆ่าข้าก็เป็นเรื่องปกติ ถึงแม้เขาจะไม่ต้องการฆ่าข้า ข้าก็ยังคิดที่จะฆ่าผู้อื่นอยู่ และแม้ว่าเป้าหมายของเราจะต่างกัน แต่เป้าหมายของเราก็เหมือนกัน”
แต่เฉินเสียนก็ไม่มีทางให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายซูเจ๋อได้ ใครก็ไม่อาจ
เฉินเสียนพิงไปที่เขา และกล่าวว่า “ท่านไม่ได้บอกว่าจะไปหยิบน้ำชาแก้อาการเมาค้างมาให้ข้าหรอกหรือ”
ซูเจ๋อกล่าว “มันเย็นแล้ว ข้าก็เลยเททิ้ง หากท่านยังไม่หายมึน ข้าจะพาท่านเข้าไปในห้องเพื่อทำให้ท่านหายจากอาการนี้”
เฉินเสียนซุกใบหน้าของเธอลงไปตรงหน้าอกของเขา และยื่นแขนออกไปกอดเอวเขาไว้ และกล่าวว่า “ไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีมากเป็นพิเศษ”
ซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหูของเธอ “กลัวข้างั้นหรือ?”
ซูเจ๋ออุ้มเธอกลับไปยังห้องนอน
เฉินเสียนสัมผัสหน้าอกของเขาทันที สบตาเขาและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าจะกลับห้องเสียหน่อย”
“ท่านจะนั่งรับลมอยู่ข้างหน้าทั้งวันเลยหรือ?” ซูเจ๋อยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นเสือ ท่านจะกลัวไปทำไม”
เฉินเสียนยังพยายามพูดหว่านล้อมเขา “ไม่อย่างงั้นเขาไปค่ายทหารเพื่อสังเกตการณ์ดีไหม?”
ซูเจ๋อไม่ตอบโต้ใด ๆ
เฉินเสียนกล่าวอีกว่า “ข้าคิดว่า…กลางวันแสก ๆ แบบนี้คงจะไม่ดีกระมัง”
ซูเจ๋อไม่สนใจต่อคำพูดของเธอ และปิดประตูลง และพูดอย่างแผ่วเบา “กลางวันแล้วจะทำไม?”