“ประธานชลธี ครั้งนี้โจนส์กรุ๊ปชำระค่าสินค้าคงค้างกับทางเราแล้ว และครั้งนี้ยังแปลกมาก ชำระมาจำนวนมาก” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัทฮอนดากรุ๊ปนำเงินเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาจากธนาคารมาหาชลธี
“ชำระเงินมาเยอะมาก คุณช่วยตรวจสอบหน่อยว่าเป็นเงินจากใบสั่งสินค้าครั้งนี้หรือเปล่า” ชลธีมีการตอบสนองทันที เขาให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินไปตรวจสอบ
“อืม จริงด้วย เป็นเงินของการสั่งสินค้าครั้งนี้ แต่ทุกครั้งโจนส์กรุ๊ปต้องการเครดิตสองเดือนในการชำระค่าสินค้า ครั้งนี้ทำไมถึงไม่เพียงแต่ไม่วางเครดิตค่าสินค้า แต่ยังจ่ายค่าสินค้าล่วงหน้า?” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินไม่ค่อยเข้าใจ
“เรื่องนี้คุณยังไม่ต้องสนใจ มีเงินเข้ามาถือเป็นเรื่องดี พวกเรากำลังต้องการเงินทุน คุณดูว่ามีเงินทุนเท่าไหร่ พวกเรายังต้องจ่ายค่าปรับกับคุณนายโรส ดูว่าสามารถหมุนสินค้าออกมาได้ไหม” ชลธีสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังกำราบบริษัทฮอนดากรุ๊ปของตระกูลสุวรรณเลิศ แต่เมื่อเขาสงสัยว่ามีโจนส์กรุ๊ปร่วมด้วย วรกัญญากลับให้ความช่วยเหลือแก่ตนเอง นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? อยากแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่คนที่กำราบบริษัทฮอนดากรุ๊ปเหรอ?
ในขณะที่ชลธีกำลังครุ่นคิด ก็มีคนเข้ามารายงาน บอกว่าวัตถุดิบของว่องประเสิรฐการกรุ๊ปขาดตลาด ไม่สามารถจัดหาให้บริษัทฮอนดากรุ๊ปได้ แต่สินค้าที่คุณนายโรสต้องการมีความจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากว่องประเสิรฐการกรุ๊ป ถ้าวัตถุดิบไม่เพียงพอ บริษัทฮอนดากรุ๊ปก็จะไม่สามารถส่งสินค้าชดเชยคุณนายโรสได้ในเวลาที่กำหนด
หรือวรกัญญามีความเกี่ยวข้องกับธีรเมท? ตบหัวแล้วลูบหลังตนเอง จากนั้นก็ให้ตนเองดีใจเก้อ?
ชลธีที่คร่ำหวอดในโลกธุรกิจมานานก็มองไม่ค่อยออก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ชุติภาสดีขึ้นมากแล้ว เขาออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวต่อที่บ้าน เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบเขามาก เขาก็อยู่ในโลกธุรกิจมาหลายปี กลับไม่คิดว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบนี้
ชุติภาสกลับมาในบ้าน ธีร์ธวัชคุกเข่ายอมรับผิดต่อเขา บอกว่าตนเองโดนผีห่าซาตานเข้าสิง ตอนนี้สำนึกผิดแล้ว แต่กลับไม่มีเงินไปชดใช้ส่วนที่ขาดหายไป เขาอยากให้ชุติภาสให้เงินเขาสักหน่อย
“แกขายคฤหาสน์ของแกไปซะ ดูว่าพอได้สักเท่าไหร่ แล้วเดี๋ยวพ่อจะให้แกอีกหน่อย แน่นอนว่าไม่พอ แกทำได้เพียงไปขอร้องชลธี” ชุติภาสในช่วงเวลานี้ แก่ลงไปมาก และดูปลงกับเรื่องมากมาย
“พ่อ คฤหาสน์ของผมขายไม่ได้นะ ขายแล้วผมจะไปอยู่ไหน? ชลธีเขาก็มีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง แล้วทำไมผมจะมีไม่ได้บ้าง พ่อครับ พ่อจะไม่ลำเอียงไปหน่อยเหรอ?” ธีร์ธวัชไม่เพียงแต่ไม่ค้นพบว่าตนเองผิดตรงไหน เขายังเปรียบเทียบกับชลธี
“คฤหาสน์ของเขาเป็นเงินของเขาซื้อ ไม่ใช่โยกย้ายเงินบริษัท ถ้าแกมีความสามารถ ก็จะไม่ทำให้บริษัทของแกขาดทุน แกหุบปากซะ ปีนั้นแกกับนิตย์วางแผนจัดการบริหารบริษัทฮอนดากรุ๊ปก่อน ขาดทุนถึงให้พวกแกออกไป ไม่ต้องบอกว่าบริษัทฮอนดากรุ๊ปได้กำไรถึงเป็นแบบนี้” ในเวลานี้ชุติภาสก็ไม่เข้าข้างลูกชายอีกต่อไป
“พ่อ พ่อกำลังบีบบังคับผมให้ตายหรือเปล่า กรรมการพวกนั้นบีบบังคับผม ชลธีก็บังคับผม ผมต้องตายทุกคนถึงจะมีความสุขใช่ไหม?” ธีร์ธวัชไม่อาจปฏิเสธได้ คฤหาสน์ที่เพิ่งจะซื้อ หากให้เขาขายทิ้ง เพื่อนเหล่านั้นของเขาต้องหัวเราะเยาะตายแน่นอน
“บางทีแกตายไปพวกฉันก็ไม่มีความสุขหรอก” ชุติภาสปวดหัวขึ้นมาอีก เดิมทีตอนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ปวดแล้ว แต่กลับมาปุ๊บ เจอกับลูกชายที่น่าผิดหวังคนนี้ ศีรษะของเขาปวดขึ้นมาอีก
ธีร์ธวัชเห็นพ่อของตนเองก็ไม่ช่วยตนเอง ก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงขายคฤหาสน์ทิ้งไป ไม่งั้นตนเองคงต้องติดคุก
หนึ่งร้อยล้าน เขาต้องทำอย่างไรถึงจะเติมส่วนที่ขาดได้ครบถ้วน ขายคฤหาสน์ก็ไม่พอ
ใช้เงินตามอำเภอใจมากหลายปี เขาจะเอาเงินที่ไหนมาเติมคืน ธีร์ธวัชนั่งถอนหายใจในห้องรับแขก กุมขมับ
“ธวัช หลานเป็นอะไรไป? กุมขมับแบบนั้น” ย่านิ่มเดินเข้ามาเห็นธีร์ธวัชกำลังกลัดกลุ้มใจ เธอสงสารมาก
“คุณย่า คุณแม่ ไม่มีอะไรครับ” ธีร์ธวัชก็ไม่อยากเล่าให้สองคนที่ไม่มีเงินฟัง เล่าไปก็เปล่าประโยชน์
“ยังจะไม่มีอะไรอีก ย่าได้ยินมา หลานโยกย้ายเงินของบริษัทใช่ไหม ได้ยินว่าจำนวนค่อนข้างมาก หลานเอาไปใช้ทำอะไร? ทำไมหลานต้องโยกย้ายเงินบริษัทด้วย?” ย่านิ่มพูดอย่างไม่มีเมตตา โยกย้ายเงินบริษัทเธอเองก็รู้ เรื่องนี้สามารถติดคุกได้
“คุณย่า ผมกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว ย่าอย่ามาถามอะไรผมอีก ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ถึงจะขายบ้านของผมก็ยังเอามาใช้คืนไม่พอ ย่าคิดว่าผมควรทำยังไง?” ธีร์ธวัชได้ยินว่าคุณย่าของตนเองช่วยไม่ได้แล้วยังพูดฉีกหน้าตนเองตรงนี้อีก เขายิ่งไม่เป็นสุข
“ย่ายังพอมีเงินอยู่บ้าง แม้จะไม่เยอะ แต่ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนได้ หลานเอาไปก่อนเถอะ” ย่านิ่มล้วงบัตรธนาคารออกมาจากส่วนลึกของกระเป๋า
แม้เธอจะอาศัยอยู่บ้านนอกตลอด แต่ทุกเดือนตระกูลสุวรรณเลิศจะโอนค่าใช้จ่ายให้เธอ โดยพื้นฐานแล้วเธอไม่ได้ใช้เงินมากนัก และยังเก็บไว้จำนวนหนึ่ง
“คุณย่า ข้างในมีเงินเท่าไหร่ครับ?” ธีร์ธวัชแค่เห็นย่านิ่มมีบัตรธนาคาร ดวงตาของเขาลุกวาว
“น่าจะมีหลายล้าน หลานเอาไปใช้ก่อน” ย่านิ่มมีแค่เงินมากมายเช่นนี้ เดิมทีคิดเก็บไว้แบ่งให้หลานๆ ตอนตนเองตาย แต่เห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงต้องนำออกมาช่วยธีร์ธวัชอย่างเร่งด่วน
“โอ้ ดีเลย ดีเลย ขอบคุณครับคุณย่า ขอบคุณครับคุณย่า ในที่สุดผมก็ไม่ต้องเข้าคุกแล้ว” ธีร์ธวัชหยิบบัตรธนาคารมีความสุขขึ้นมาโดยพลัน
แต่เมื่อเขาหยิบบัตรธนาคาร สายตาก็มองไปที่สิริกร คุณย่ามีเงิน งั้นสิริกรก็ต้องมี
“ไม่ต้องมองเธอเลยนะ เงินของเธอพอแค่ใช้ในวัยเกษียณ ตอนนั้นแม่ของหลานเข้มแข็งมาก โดยพื้นฐานแล้วหย่าออกไปตัวเปล่า ย่าสงสารเธอมาก ย่าอยากให้เธอช่วงชิงตำแหน่งในบ้านนี้” ย่านิ่มเห็นธีร์ธวัชยังมองสิริกร เธอจึงไม่ค่อยพอใจ
“โอ้ งั้นขอบคุณคุณย่านะครับ ผมจะเอาไปใช้หนี้” ธีร์ธวัชมีความสุขสุดๆ
คฤหาสน์ของธีร์ธวัชขายแล้ว รถอะไรก็ขายหมดแล้ว ในขณะที่ทุกคนเข้าใจว่าเขาจะนำเงินมาเติมในส่วนที่โยกเงินบริษัทไป เขากลับพาเมียน้อยกับลูกชายหายสาบสูญไปจากพระนคร
ได้ยินว่าธีร์ธวัชเอาเงินของตนเองหายสาบสูญไป และไม่ได้เติมในส่วนที่ขาด ย่านิ่มโมโหจนล้มป่วย
ตอนนี้ภายในบ้าน โดยพื้นฐานแล้วนิตย์รวีร์ไม่กลับมา เขาซื้ออพาร์ทเม้นท์ห้องเล็กอยู่เองข้างนอก ไม่คิดกลับบ้าน และตอนนี้ธีร์ธวัชก็หายไป
ในบ้านหลังใหญ่ มีเพียงย่านิ่มกับสิริกร พวกเธอสองคนอยู่ด้วยความเจ็บปวดใจเหลือเกิน
“คุณย่า หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ นั่นธีร์ธวัช เขาเป็นคนแบบนั้น คุณย่ายังเอาเงินที่เก็บไว้ใช้ตอนเกษียณให้เขาไปอีก นี่มันได้ไหมคุ้มเสียไหมคะ? เขาเชิดเงินหนีไปแล้ว ไม่มีใครหาตัวเจอ ฉันกลายเป็นอะไร? ฉันกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกสามีทิ้ง ฉันเกลียดพวกคุณจริงๆ ฉันเกลียดพวกคุณตระกูลสุวรรณเลิศ พวกคุณต้องจ่ายค่าชดเชยให้ฉัน!” วรรณวิมลโวยวายในบ้าน