“ชลธี ฉันคิดว่าซูริกใหญ่โตมากนะ ทำไมคุณจะต้องมาด้วยกันกับฉันด้วย คุณจะไปเดินเล่นที่อื่นไม่ได้หรือไง?” วรกัญญารู้สึกหมดคำพูดกับชลธีที่ตามอยู่ข้างกายตัวเองมาตลอด
“ประธานวรกัญญา กรุณาเรียกผมว่าชลธี ตอนที่ผมยังไม่ได้ลาออก คุณควรจะเรียกผมว่าชลธีนะครับ” ชลธีจูงมืออักลี่ เขาพูดกับวรกัญญาอย่างจริงจัง
“ได้ ชลธี ฉันขอสั่งให้คุณอย่าตามฉันมา ได้มั้ย?” วรกัญญาเดินไปจูงมือของอักลี่
“ไม่ได้ ในเมื่อคุณยอมรับผมเป็นผู้ช่วยแล้ว คุณเคยเห็นผู้ช่วยไปเที่ยวเล่นเอง ให้ประธานไปท่องเที่ยวคนเดียวหรอครับ? ถ้างั้นผมก็ละทิ้งหน้าที่น่ะสิ คุณก็จะมีข้ออ้างมาไล่ผมออก ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” ชลธีในเวลานี้อ้างหน้าที่การงานของตัวเองขึ้นมาอย่างจริงจัง
วรกัญญารู้สึกว่าตัวเองหลงติดกับเข้าไปแล้ว แต่ว่าเข้าไปได้ยังไงเธอก็ไม่รู้ตัว แต่กลับออกไปไม่ได้แล้ว
ชลธีกลับรู้สึกดีใจมาก เห็นท่าทางถูกบีบจนพ่ายแพ้ของวรกัญญา เขาก็รู้สึกว่าตลกดี
ท่องเที่ยวซูริกวันแรก วรกัญญาก็ถูกชลธีจูงจมูกเดินซะแล้ว เธออยากไปสถานที่ไหน ชลธีเข้าใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะถูกจูงจมูกเดิน แต่ว่าสถานที่ที่ไปล้วนเป็นสถานที่ที่วรกัญญาอยากไปทั้งนั้น
กินอาหารเมนูพิเศษของซูริก เดินเล่นเยี่ยมชมสิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ปากของอักลี่ไม่ได้หยุดเลย อาหารและที่เที่ยวของที่นี่ดีมากๆ เลย เขารู้สึกเกลียดจริงๆ ที่ท้องของตัวเองเล็กเกินไป
“แม่ ไอศครีมอันนี้อร่อยมากเลยครับ” กินไอศครีมของซูริก อักลี่ตื่นเต้นดีใจสุดๆ ทุกอย่างของที่นี่ต่างก็ทำให้เขาดีใจมาก แล้วก็ยังมาด้วยกันกับคุณลุงแล้วก็คุณแม่ ความรู้สึกเหมือนกับครอบครัว เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มาก เขาเหมือนมีพ่ออย่างไรอย่างนั้น
“อ้อ อร่อยก็ไม่ควรกินเยอะนะ กินเยอะๆ กลัวกลางคืนนายจะปวดท้องเอา” วรกัญญามองดูชลธีซื้อไอศครีมอันใหญ่ให้อักลี่ เธอเลยรีบพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก เขาแบ่งให้คุณกิน ไอศครีมอันนี้อร่อยมาก แล้วก็เป็นของพิเศษของที่นี่” ชลธีหยิบช้อนอันหนึ่งให้วรกัญญาให้เธอกินด้วยกันกับลูก
ผู้ชายคนนี้คิดรอบคอบจริงๆ วรกัญญาคิดอยู่ในใจ มีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาในใจ
อักลี่ยื่นไอศครีมไปตรงหน้าวรกัญญา วรกัญญาเห็นผู้ชายสองคนต่างก็ดูแลตัวเองอย่างดี เธอเลยรับช้อนมาจากในมือของชลธี กินไอศครีมของอักลี่คำหนึ่ง คำนี้คำเดียวของเธอก็หยุดไม่ได้แล้ว
เธอชอบกินไอศครีมรสช็อกโกแลตมาก ช็อกโกแลตของไอศครีมอันนี้ถูกห่ออยู่ด้านใน กินหนึ่งคำก็จะมีกลิ่นหอมของช็อกโกแลตและกลิ่นหอมนม ด้านในยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร กินแล้วกรอบๆ อร่อยมากจริงๆ
“อร่อยใช่มั้ยครับแม่?” อักลี่กับวรกัญญากินด้วยกัน เขาก็ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งยื่นให้ชลธี
“คุณลุง คุณกินสิ”
“อ้อ ได้สิ ขอบคุณนะอักลี่” ชลธีกินไอศครีมที่อักลี่ป้อนให้ เขารู้สึกว่าไอศครีมคำนี้เป็นหนึ่งครั้งในสามสิบปีที่อร่อยที่สุด
ไอศครีมอันใหญ่หนึ่งอันถูกคนสามคนกินจนหมด พอเห็นเครื่องดื่มเย็นๆ ก็ไม่รู้สึกสนใจจะกินอีกแล้ว
มาถึงสวนสาธารณะ ชลธีเจอสนามหญ้าเงียบๆ แห่งหนึ่ง ทั้งสามคนเตรียมที่จะนั่งพักผ่อนสักพัก
อักลี่เอนตัวลงนอนบนผืนหญ้า เขามองท้องฟ้า ยังมีต้นหญ้าอยู่ข้างกาย ไม่รู้ว่าในหัวของเขาคิดอะไรอยู่ ยิ้มอยู่คนเดียวจนดวงตากลายเป็นเสี้ยวพระจันทร์
“อักลี่คิดอะไรอยู่หรอทำไมมีความสุขขนาดนี้?” ชลธีนั่งข้างๆ อักลี่ มองเด็กน้อยท่าทางมีความสุขมากๆ
“ผมกำลังคิดว่าเราสามคนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลย!” อักลี่พูดความคิดของตัวเองออกมา ทำให้วรกัญญารู้สึกเกร็งมาก
“อักลี่ อย่าพูดเหลวไหล” วรกัญญาพูดกับอักลี่
“อ่าครับ” ความดีใจของอักลี่สักพักก็จางลงไป
“ไม่เป็นไร เราออกมาก็เป็นครอบครัวเดียวกันชั่วคราวได้ เราต่างก็ดูแลซึ่งกันและกัน ฉันดูแลพวกเธอแม่ลูกได้แบบนี้ก็ดี อย่าทำลายความกระตือรือร้นของเด็กเลย” ชลธีลูบผมของอักลี่เบาๆ ผมของอักลี่มีความม้วนเองตามธรรมชาติเล็กน้อย
วรกัญญาคิดว่านี่เป็นลูกของตัวเองหรือว่าของชลธี? ทำไมรู้สึกว่าชลธีใส่ใจมากกว่าตัวเองอีก ทำซะตัวเองเหมือนกับเป็นแม่เลี้ยงของอักลี่
“อย่าโอ๋เด็กมากเกินไป ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ทำไมต้องบอกว่าใช่?” วรกัญญาอารมณ์เสียเล็กน้อย ชลธีคนนี้ตั้งแต่เช้ายันเย็นทำให้ตัวเองคล้อยตาม ในเวลานี้ยังจะให้พวกเขาสามคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันอีก ถึงแม้พวกเขาสามคนมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ว่าในใจของวรกัญญาไม่เต็มใจที่จะยอมรับ
“โอเคครับ ประธานวรกัญญาคุณพูดยังไงก็เป็นอย่างงั้นละกัน” ชลธีไม่อยากจะเถียงใดๆ กับวรกัญญา เดิมทีออกมาก็ต้องมีความสุขสิ สามคนได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่ง่ายๆ ชลธีหวงแหนโอกาสครั้งนี้มาก
“อะไรคือฉันพูดยังไงก็เป็นอย่างงั้น? ฉันพูดเรื่องจริง คุณนี่นะ อย่ามาทำให้เด็กเสียคนสิ” วรกัญญาได้ยินคำพูดของชลธี เธอก็โกรธ คนคนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็รู้สึกว่ามันผิดหมด
ชลธีก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร วรกัญญาก็โกรธแล้ว เมื่อก่อนบอกว่าผู้หญิงนั้นยากจะสื่อสาร เขารู้สึกว่าวรกัญญานั้นไม่เลวเลย แต่ว่าตอนนี้เห็นแบบนี้แล้วยากจะสื่อสารจริงๆ ด้วย เขาควรพูดยังไงดีล่ะ?
“แม่ แม่ดูนั่นสิ สิ่งนั้นคืออะไรหรอครับ?” เห็นคุณอากับแม่เถียงกัน อักลี่ที่ฉลาดจึงชี้ไปที่ชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ไม่ไกลและถามขึ้น
“อืม? นั่นคือชิงช้าสวรรค์ เป็นของเล่นที่สนุกชนิดหนึ่ง” ชลธีก็ไม่อยากพูดอะไรกับวรกัญญาอีก เขาตอบคำถามของอักลี่ทันที
“งั้นผมเล่นได้มั้ยครับ?” อักลี่ได้ยินมาว่าเป็นของเล่นที่สนุก เขาพลิกตัวแล้วลุกขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
“ได้สิ อันนี้ปลอดภัยมาก ที่นั่นมีสวนสนุกแห่งหนึ่ง มีของสนุกมากมาย” ชลธีเดิมทีเตรียมไว้ว่าพรุ่งนี้จะพาอักลี่ไปเล่น แต่ว่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแผนให้เร็วขึ้นแล้ว
“แม่ครับ ผมอยากเล่น” อักลี่ใช้สายตามองไปทางวรกัญญา
“แม่กลัวความสูงจ้ะ” วรกัญญาพูดกับอักลี่อย่างช่วยไม่ได้ ชิงช้าสวรรค์ที่สูงขนาดนั้น เธอไม่กล้าขึ้นไปจริงๆ
“อ่อครับ” อักลี่หันหน้ากลับไปมองที่ชิงช้าสวรรค์อีกครั้งอย่างผิดหวัง
“ลุงพานายไปละกัน เราให้คุณแม่พักผ่อนอยู่ด้านล่างนี้สักพักเถอะ” ชลธีทนเห็นอักลี่ผิดหวังไม่ไหว เขาอุ้มอักลี่ขึ้นมา พูดกับวรกัญญา
สีหน้าของลูกชาย วรกัญญาเห็นอยู่ในสายตา เธอก็ไม่ได้ไม่อยากทำให้ลูกชายมีความสุข ดังนั้นเธอเลยไม่ได้พูดอะไรอีก ชลธีพาลูกไปทำให้เธอมีความรู้สึกบางอย่างว่าปลอดภัย
“ว้าว ว้าว ลุงชลธี มันกำลังขยับแน่ะ คุณดูคุณแม่สิ เล็กลงเรื่อยๆ เลย แม่ แม่ครับ ไม่เห็นคุณแม่แล้ว” อักลี่นั่งอยู่ในชิงช้าสวรรค์ ตื่นเต้นจนพูดไม่หยุด เขาเห็นวรกัญญากำลังมองดูตัวเอง จากนั้นแม่ก็เล็กลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นอะไรเลย
“ยิ่งเราอยู่สูงขึ้น คนข้างล่างก็จะเล็กลง อีกสักพักพอขึ้นไปถึงข้างบนสุด เราก็จะใกล้ท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ” ชลธีอธิบายกับอักลี่อย่างอดทน