ขณะที่ชลธีเดินเข้าไปในห้องไม่เห็นใคร และกำลังที่จะเดินออกมา ก็ได้ยินเสียงที่อิดโรยจากมุมมุมหนึ่งของห้อง
“ฉันอยู่ตรงนี้” หัวใจของวรกัญญาเจ็บปวดจนไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยาเสียแล้ว
ชลธีรีบตามเสียงนั้นไปด้วยความรีบร้อน เขาได้เห็นวรกัญญาอยู่ในสภาพที่ใบหน้าซีดขาว
“มุก มุก คุณเป็นอะไรไป?”ชลธีรีบอุ้มวรกัญญาขึ้นมา ในเวลานี้เขาลืมไปแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามคือประธานวรกัญญา ก็เลยเรียกเธอว่ามุก
“พาฉันไปส่งโรงพยาบาล”เมื่อ วรกัญญาพูดประโยคนี้จบ เธอก็สลบไป เมื่อเห็นชลธี หัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม
ชลธีอุ้มวรกัญญาพุ่งเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นอุ้มเธอขึ้นรถ และขับรถอย่างรวดเร็วเพื่อพาเธอไปส่งโรงพยาบาล
ประวีร์กำลังตรวจงานอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ยินชลธีโทรศัพท์มาที่โรงพยาบาล บอกว่าใกล้จะมาถึงแล้ววรกัญญาต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน เขาจึงรีบถอดเสื้อสูทออกแล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อกราวในทันที
ประวีร์และพวกหมอมารอที่หน้าประตู ไม่นานรถของชลธีก็ขับมาถึง เมื่อเขาจอดรถ ก็เข้าไปอุ้มวรกัญญา คนของประวีร์ก็ลากรถเข็นเข้ามา วรกัญญาที่อยู่ในสภาพที่ใบหน้าที่ขาวซีดก็ถูกอุ้มลงมา วางลงบนรถเข็น
พวกคุณหมอก็รีบลากรถของเธอไปยังห้องฉุกเฉิน ประวีร์วิ่งนำหน้า เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินประวีร์ก็เข้าไปข้างใน ส่วนชลธีถูกขวางไว้ด้านนอก
ประวีร์ตรวจร่างกายของวรกัญญาอย่างละเอียด ผลปรากฏว่าทุกอย่างเป็นปกติ แต่ว่าวรกัญญายังคงอยู่ในสภาวะสลบมาโดยตลอด
“ท่านประธานนี่มันเกิดอะไรขึ้น?แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์นี้มาก่อนเลย คนป่วยไม่มีอวัยวะส่วนไหนที่ผิดปกติเลย แต่กับอยู่ในสภาวะไม่ได้สติมาโดยตลอด” รวมทั้งหมอผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและสมองเมื่อเห็นอาการของวรกัญญาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
“เมื่อสักครู่นี้พวกเราตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ป่วยกินยาแก้ปวดชนิดหนึ่ง ซึ่งยานั้นเป็นเพียงยาแก้ปวดธรรมดา ไม่มีความสามารถในการรักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ”หมอท่านหนึ่งก็ได้นำรายงานผลการตรวจแล็บ
ประวีร์ดูตัวเลขเหล่านี้ครู่หนึ่ง พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ หรือว่านี่จะเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่วรกัญญาความจำเสื่อม
“ให้ยาระงับความเจ็บปวดกับเธอก่อน เดี๋ยวผมจะไปถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเสียก่อน”ประวีร์เดินออกจากห้องฉุกเฉิน เขาเห็นชลธีรออยู่ด้านนอกด้วยความเครียด
“เป็นยังไงบ้าง?”ชลธีเห็นประวีร์เดินออกมา เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหา
“ยังไม่ฟื้น ผมอยากจะถามคุณว่า ตอนที่คุณพบเธอสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”ประวีร์ถามชลธี
ชลธีนึกย้อนครู่หนึ่ง”ตอนนั้นผมต้องการนำเอกสารเข้าไปให้เธอ แต่ว่ากลับไม่พบมุก ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง ก็ได้ยินเสียงของเธอ ตอนนั้นเธอนอนขดตัวอยู่ที่พื้นบริเวณข้างๆกับตำแหน่งที่นั่งของเธอ”ชลธีเล่าเหตุการณ์ที่เขาเจอให้ประวีร์ฟัง
“อ่อ ตอนที่อาการของเธอกำเริบเธออยู่ในห้องทำงานของตนเพียงลำพัง คุณก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ถูกต้องไหม?”ประวีร์ถามขึ้นอีกครั้ง
“อืม ตอนที่ผมเจอเธอ เธอบอกให้ผมนำเธอส่งโรงพยาบาล”คอของชลธียังคงมองไปทางห้องฉุกเฉิน ไม่รู้ว่าตอนนี้วรกัญญาเป็นยังไงบ้าง
“เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูอาการของเธออีกครั้ง อวัยวะทุกส่วนของเธอทำงานอย่างเป็นปกติ แต่ว่าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้น”ประวีร์บอกอาการของวรกัญญาให้กับชลธีทราบ
คิ้วของวรกัญญาขมวดแน่น ราวกับว่าเธอกำลังหลับฝันอยู่ เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเธอเป็นจำนวนมาก
“เช็ดเหงื่อให้กับเธอก่อน อย่าให้เธอเป็นไข้อย่างเด็ดขาด”ประวีร์พูดกับพยาบาล พยาบาลใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าผากวรกัญญาจนแห้ง
ประวีร์ลูบที่ศีรษะของวรกัญญาพบว่าไม่มีไข้ แต่กลับมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา
ในที่สุดวรกัญญาก็ตื่นขึ้นมา ในเวลานั้นก็มีเหงื่อจำนวนมากไหลออกมาจากร่างกายของเธอ
“ฉันอยู่ที่ไหน?”เหตุการณ์นี้เหมือนกับตอนที่ณิชพนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ประวีร์เห็นก็เหมือนกับเหตุการณ์ในวันนี้ ในตอนนั้นมุกก็สลบไม่ได้สติเหมือนเช่นในตอนนี้
“คุณอยู่โรงพยาบาล กานต์ คุณรู้สึกไม่สบายส่วนไหนหรือเปล่าครับ?”ประวีร์ถามวรกัญญา
“ฉัน?วันนี้ฉันรู้สึกว่าปวดที่หัวใจเป็นอย่างมาก เจ็บปวดมาก กินยาระงับอาการปวดแล้วก็ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ นี่เป็นการเจ็บปวดมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ว่าได้”ก่อนหน้านี้ก็เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ็บปวดแบบนี้ แต่ว่าวรกัญญาจำไม่ได้แล้วว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหน
“คุณคิดถึงเรื่องอะไรหรือคิดถึงใครบางคนหรือเปล่า?”ประวีร์ถามอย่างใจเย็น
“ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าฉันคิดถึงคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือชลธีฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาที่ฉันคิดถึงเขาหัวใจฉันจะรู้สึกเจ็บปวด” วรกัญญาก็รู้สึกว่าอาการป่วยของตนนั้นแปลกๆ หลายปีมานี้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แต่ส่วนใหญ่จู่ๆก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่งแล้วอาการเจ็บปวกนั้นก็หายไป บางครั้งกินยาแก้ปวดอาการดังกล่าวก็คลายความเจ็บปวดลง แต่ว่าครั้งนี้กลับเจ็บปวดจนเกือบตาย
เมื่อได้ยินในสิ่งที่วรกัญญาพูด ประวีร์ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่ามันคืออาการที่ตามมาหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ในหัวใจของวรกัญญามีชลธีอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม แต่ว่าเธอน่าจะเห็นอะไรบางอย่าง จึงทำให้ทุกครั้งที่เธอนึกถึงชลธี หัวใจเธอจึงเจ็บปวด
แต่ว่าเรื่องเรื่องนี้ อย่าบอกมุกอย่างเด็ดขาด ถ้าหากเธอจำเรื่องราวในครั้งนั้นนั้นได้ เขาจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้แน่ ตอนนี้อาการเจ็บปวดของเธอเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
“หรือว่าช่วงนี้ชลธีล่วงเกินอะไรคุณหรือเปล่าครับ?”ประวีร์พายามพูดเพื่อให้สมาธิของวรกัญญามุ่งไปในเรื่องอื่น
วรกัญญาครุ่นคิด ตนเองก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร ต่อให้เขาล่วงเกินอะไรเธอ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะโกรธจนเจ็บปวดหัวใจขนาดนี้
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะคะ ช่วงนี้เขาก็ทำงานได้ดี ไม่ได้ล่วงเกินอะไรฉัน” วรกัญญาตอบตามความเป็นจริง
“มา หายใจลึกๆตามผมนะครับ หัวใจของคุณอาจจะมีลมตกค้างอยู่ที่ไม่ได้ระเบียบให้ดี ทำตามผมหายใจเข้า-หายใจออก-หายใจเข้า-หายใจออก”ประวีร์เริ่มพาวรกัญญาทำกิจกรรมกำหนดลมหายใจ
หลังจากทำกิจกรรมได้ครึ่งชั่วโมงวรกัญญาก็รู้สึกว่าความกดดันที่อยู่ในใจของตนคลายลงไปมากแล้ว
“ประธานประวีร์ ฉันรู้สึกว่าภายในหัวใจของฉันสบายขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” วรกัญญาขอบคุณประวีร์
“อืม ชลธีอยู่ด้านนอก จะให้เขาเข้ามาไหมครับ?”ประวีร์คิดว่าในเวลานี้หากวรกัญญาได้เจอกับชลธีก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
“ได้ค่ะ ให้เขาเข้ามาได้เลยค่ะ” ในใจของวรกัญญาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับชลธีมากหน่อย เรื่องบางเรื่องเธอคงต้องการพูดคุยกับชลธี
“โอเคครับ คุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ที่บริษัทยังมีธุระที่ต้องจัดการ”ประวีร์มองดูเวลาการประชุมในครั้งนี้เลื่อนเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาจำเป็นที่จะต้องกลับไปเดี๋ยวนี้
“โอเค คุณไปทำธุระของคุณก่อนเถอะค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะประธานประวีร์” วรกัญญาร่ำลากับประวีร์
“มุก คุณหายดีแล้วใช่ไหม?ผมตกใจหมดเลย อยากกินอะไรไหมครับ?อยากดื่มอะไรไหม?”ชลธีเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เมื่อเขาเห็นว่าวรกัญญาไม่เป็นอะไรแล้ว แม้ว่าหน้าของเธอจะซีดเล็กน้อย แต่ว่าก็ดีกว่าเมื่อสักครู่นี้มาก