บทที่ 74 ผู้เชี่ยวชาญการทําลายบรรยากาศ
หลังมื้อเช้า เจ้าของร้านอุปกรณ์ได้เข้ามาเปลี่ยนลูกบิดให้ ทําให้ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ในฐานะที่เป็นสาวสวยจึงเป็นธรรมดาที่จะต้องปกป้องตัวเอง ตั้งแต่เด็กแล้วที่เธอมักจะถูกรังแกบ่อยๆเนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นกว่าคนอื่น เมื่อเวลาผ่านไปมันเลยทําให้เธอค่อยๆสร้างกําแพงให้ตัวเอง เป็นเพราะสาเหตุนี้เลยทําให้ซูเถาคิดว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่เย็นชาในตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก
แต่หลังจากที่พวกเขาได้ทําความรู้จักกันมากขึ้น ซูเถาก็พบว่าลู่ชีเหมี่ยวนั้นไม่ได้ต่างไปจากผู้หญิงธรรมดาเลย เป็นมนุษย์คนนึงที่มีความรู้สึกและมีความต้องการ เธอทั้งรู้สึกเจ็บและหดหู่ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เพราะความหัวรั้นในตัวเธอนี่แหละที่ทําให้เขาเกิดสงสารขึ้นมา แถมเธอยังเป็นคนที่สวยมากๆอีกต่างหาก
หลังจากที่เขาแยกกับลู่ชีเหมี่ยวแล้วก็ได้กลับไปที่ตําหนัก เพื่อเตรียมตัวสําหรับการแข่งขันราชาแห่งแพทย์ มีอีเมลส่งมาหาเขามากมาย และทั้งหมดนั่นก็ล้วนเป็นหัวข้อของการแข่งขันครั้งก่อน เป็นการแข่งขันแบบทดสอบทั้งหมดโดยมีผู้เข้าแข่งขัน 32 คน จับคู่แข่งกัน 1-1 แพ้คัดออก จนเหลือคนสุดท้ายที่จะได้รับฉายาราชันย์แห่งแพทย์
รายละเอียดของหัวข้อนั้นซับซ้อนมาก เนื่องจากมันรวมทุกอย่างของการแพทย์แผนจีนเอาไว้หมดเลย มีทั้งการฝังเข็ม การบําบัดโรค การจ่ายยา และอื่นๆอีกมาก คนไข้ทุกคนล้วน แต่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการยากจะรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งสิ้น
ผู้ที่ได้รับฉายาราชันย์แห่งแพทย์คนก่อนๆต่างก็ต้องฝ่าฟัน อุปสรรค์มามากมายเพื่อที่จะขึ้นไปสู่บนจุดสูงสุด พวกกเขาจะได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมสมาคมการแพทย์แผนจีนในฐานะเมล็ดพันธุ์ที่สําคัญ
ซูเถาได้คลิกลิ้งค์ที่หยานจิ้งส่งมาให้ มันในเว็บพนันที่เวร่าไปติดต่อกับยูโทเปียเอาไว้ หลังจากโฆษณาไปได้ 2-3 วัน อัตราการชนะของหวังเกาเฟิงนั้นอยู่ที่ 67% ถ้าหวังเกาเฟิงแพ้ คนที่จะเจ๊งยับที่สุดก็จะเป็นยูโทเปีย
ซูเถาไล่สายตาลงมาก่อนเขาจะพบชื่อของเขานั้นอยู่ที่ 2 นับจากท้ายตาราง มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่อันดับต่ำกว่าเขา ซึ่งเป็นหมอหญิงจากอี้เซี่ยวที่ไม่มีต้นกําเนิดแน่ชัดนัก จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเธอมากนัก
ยิ่งผู้เข้าแข่งขันมาจากสํานักที่มีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น ในการแข่งขันครั้งก่อน ผู้เข้าแข่งขัน 16 อันดับแรกล้วนมาจากสํานักที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น พวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบมาก
ในขณะที่ซูเถากําลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาก็รับโทรศัพท์ที่หยานจิ้ง “ชั้นเพิ่งได้ข่าวมาว่าผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสํานักงานสาธารณสุขเติ้งไจ้หมินเข้าร่วมในงานนี้ด้วย ดังนั้นมาตรฐานของงานนี้จึงสูงมาก เนื่องจากสื่อหลักต่างๆก็ได้ให้ความสําคัญกับงานนี้มากเช่นกัน”
ซูเถาเคาะนิ้วเล่นลงบนโต๊ะ “เธอดูประหม่าจังเลยนะ”
หยานจิ้งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ “เพราะชั้นลงพนันนาย เอาไว้เยอะเลยหน่ะสิ”
ซูเถาอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าชั้นเอาชนะการแข่งได้ เธอช่วยชั้นพาไคซงพูออกมาได้มั้ย ?”
หยานจิ้งขมวดคิ้ว ก่อนที่จะถอนหายใจ “นายกําลังขอให้ชั้นทําเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่นะ”
ซูเถาละสายตาจากจอคอมก่อนจะตอบกลับ “ประธานหยาน พวกเรายังถือว่าเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย ? ชั้นรู้ว่ามีอํานาจบางอย่างที่ทําให้เธอกระตือรือร้นอย่างมากเกี่ยวกับการแข่งขันครั้งนี้ และอํานาจนั่นมันก็มีพลังมาพอที่จะช่วยไคซงพูได้”
หยานจิ้งนิ่งเงียบ เธอไม่คิดเลยว่าซูเถาจะมองทะลุปรุโปร่งได้ขนาดนี้ว่าเป็นเพียงแค่ตัวหมากของใครบางคนเท่านั้น “เดี่ยวชั้นจะลองถามเรื่องนี้อีกทีแล้วกัน แต่นายก็คววรจะรู้เอาไว้ในสายตาของพวกเขานั้น นายไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ”
“ชั้นหวังว่าจะได้ฟังข่าวดีจากเธอนะ” ซูเถายิ้ม
หลังจากวางสายเขาก็มองไปที่จอคอมอีกครั้งด้วยความคิดหลายๆอย่างที่อยู่ในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะยังดูเด็กเพราะอายุ เพียง 20 ปีเท่านั้น แต่เขาก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ความคิดของเขานั้นดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนรุ่นเดียวกันซะอีก ในตอนที่หยานจึงต้องการให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เขาก็รู้อยู่แล้วว่านี่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของอํานาจต่างๆ
มีคํากล่าวที่ว่าสุภาพบุรุษนั้นจะไม่อยู่ภายใต้กําแพงที่สั่นคลอน ตั้งแต่เริ่ม ซูเถาไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะส่งผลต่อการดํารงอยู่และการพัฒนาของตําหนัก ได้ตัวเขาและตําหนักนั้นยังไม่แข็งแกร่งมากพอ พวกเขาอาจถูกบดขยี้อย่างง่ายดายภายใต้ภัยคุกคามที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
แต่ความอันตรายและโอกาสมันจะเกิดขึ้นพร้อมกัน ถ้าซูเถาสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ เขาอาจจะสามารถถึงขนาดติดปีกให้ตําหนักของเขาได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ซูเถารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะช่วยไคซงพู เนื่องจากอํานาจที่อยู่เบื้องหลังหยานจิ้งนั้นต้องการจะจัดการพวกพวกตระกูลเนี่ยอยู่แล้ว พวกเขาจึงมีศัตรูคนเดียวกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาลองถามหาหนทางจากหยานจิ้งดู
สิบนาทีหลังจากนั้น หยานจิ้งโทรกลับมา “ชั้นลองถามดู แล้วถ้านายเอาชนะการแข่งขันได้ ไคซงพูจะสามารถกลับออกมาได้โดยปลอดภัย”
“แปลว่าพวกเขายินดีให้ความร่วมมือสินะ” ซูเถารู้สึกโล่งใจ เนื่องจากการเดิมพันของเขานั้นสําเร็จ
“ชั้นเริ่มจะอิจฉาไคหยานซะแล้ว ไม่คิดเลยว่านายจะช่วยไคหยานดีขนาดนี้” หยานจิ้งตอบกลับ
ซูเถาเอามือแตะจมูกก่อนจะถามกลับ “ประธานหยาน หรือว่านี่คุณกําลังอิจฉาเธออยู่งั้นเหรอ ?”
หยานจิ้งอึ้งก่อนจะหัวเราะออกมา “อย่าได้ใจไปนัก หัวใจของชั้นมันตายไปแล้ว ไม่มีใครเข้ามาในใจชั้นได้หรอก”
ซูเถายิ้ม เนื่องจากเขารู้จุดอ่อนของเธอ “หากมีวันไหนที่เธอต้องการความช่วยเหลือ ชั้นจะรีบเข้าช่วยเธอโดยไม่ลังเลเลย” หลังจากเขาพูดจบ หยานจิ้งก็ได้ตัดสายทันที เขาเหม่ออยู่พักนึงก่อนจะพึมพําออกมา “สงสัยความรู้สึกของชั้นมันจะสูญเปล่าซะแล้ว”
หยานจิ้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมเธอถึงวางสาย อาจเป็นเพราะซูเถาได้เข้ามาในจิตใจของเธอซึ่งมันทําให้เธออรู้สึกอันตรายเล็กน้อย
หลังจากจิบน้ำไปหน่อย เธอได้หยิบมือถือออกมาโทรหาเจี้งหง “ฮั่วหยานเป็นยังไงบ้าง ?”
“ยังเหมือนเดิมเลย เธอยังคงขี้อายและก็ไม่พูด” เธอตอบ
หยานจิ้งถอนหายใจ “นี่ก็เป็นเดือนแล้วนะที่ยังเหมือนเดิม ชั้นหล่ะเป็นห่วงจริงๆ”
“แต่เธอมันจะถามว่าลุงซูอยู่ที่ไหน” เจิ้งหงกล่าว
หลังจากนิ่งไปพักนึง หยานจิ้งตอบกลับ “เข้าใจแล้ว”
เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นพึ่งพาอะไรไม่ได้เลยเพราะ สาวของเธอนั้นพึ่งพาแต่ซูเถา ซูเถานั้นเป็นหมอที่เก่งกาจ เขาจึงมีวิธีรักษาอาการปวยของฮั่วหยาน อย่างไรก็ตาม หยานจิ้งรู้สึกว่าเธอควรอยู่ห่างๆซูเถาเอาไว้ตามสัญชาติญาณของเธอ
ถึงแม้ว่าอันตรายจะไม่ได้มาจากตัวซูเถาเอง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาค่อยๆเข้ามาในชีวิตของเธอทีละน้อย และถ้าหากวันหนึ่ง เธอต้องคอยพึ่งพาซูเถาเหมือนกับฮั่วหยานในตอนนี้ล่ะ ?
หยานจิ้งรู้ดีว่าการที่ต้องอยู่ในสภาพที่ต้องพึ่งพาใครซักคนนั้นมันน่ากลัวขนาดไหนซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่ทําให้เธอกลัว หากวันใดวันหนึ่งคนๆนั้นหันมาแทงข้างหลังเธอเข้า มันคงจะรู้สึกเจ็บไปจนถึงก้นบึงของหัวใจ
หลังจากคุยโทรศัพท์กับหยานจิ้งเสร็จ ซูเถาก็เห็นไคหยานยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า หน้าตาแดงไปหมด
ซูเถากระแอม “นิสัยที่ชอบดักฟังคนอื่นนี่ดูไม่ดีเลยนะ”
ไคหยานเช็ดน้ำตาก่อนจะตอบกลับ “ใครดักฟังล่ะ ? ชั้นแค่เพิ่งเดินผ่านมาเท่านั้นเอง”
นี่แหละคือผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆซึ่งมักจะชอบต่อปากต่อคําเป็นพิเศษ ซูเถายืนขึ้นและเดินเข้าไปกอดเธอเบาๆ น่าแปลกที่ใคหยานไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเลย
ซูเถาพูด “วางใจเถอะ ชั้นมีวิธีช่วยลุงไค”
“มันทั้งยากและเต็มไปด้วยอันตรายนะ” ไคหยานพูดด้วยความเป็นห่วง
ซูเถายิ้ม “ไม่งั้นชั้นจะได้โชว์ฝีมือเหรอ ?”
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่ามือของซูเถถานั้นกําลังเอื้อมไปจับเอวของเธอ เธอขมวดคิ้ว “มือ ! มือ ! จับที่ไหนของนายน่ะ ?”
ซูเถากอดไคหยานแรงขึ้น “ก็ได้ๆ !” ยังไงซะ เขาก็ได้เอามือไปลูบก้นของเธอก่อนจะเอื้อมมาจับที่แก้มของเธอ ผิวสัมผัสของมันทั้งนุ่มทั้งลื่น เหมือนกับกําลังจับผ้าฝ้ายยังไง ยังงั้น
“หน้าไม่อาย !” ในที่สุดไคหยานก็ทนไม่ไหว เธอผลักซูเถาออกก่อนจะวิ่งออกไป
ทําไมพวกผู้ชายถึงบ้ากามนักนะ ? เมื่อกี้มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การกอดก็จริง ถ้าเขาใช้แค่มือกอดเธอเบาๆ แต่เขากลับจับลูบคลําซะขนาดนั้น มันทําให้ไคหยานรู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาเกาะที่หัวใจ
ไคหยานก้มหน้า เธอรู้สึกทั้งอายทั้งโกรธจนหน้าแดง เธอก่นด่าซูเถาในใจเป็นร้อยๆครั้ง ถึงแม้ซูเถาจะดูปราณีตและสง่างาม แต่อีกด้าน เขาก็เป็นพวกขี้โกงเช่นกัน !
ซูเถาเคาะนิ้วไปมา ผู้ชายเป็นพวกที่สามารถสร้างบรรยากาศโรแมนติคได้เก่งมาก และก็ทําลายบรรยากาศนั้นได้เก่งมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าใคหยานคงจะเข้าใจ เขาก็เป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดาๆที่ได้กอดร่างกายนุ่มๆ ถ้าเขายังคงทําตัวสุภาพบุรุษอยู่ ก็หมายความว่าเขาน่าจะสมองมีปัญหาไม่ก็เป็นพวกปากว่าตาขยิบ
เขาไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองผิดแม้แต่น้อยบนใบหน้าของเขา ก่อนจะเดินบิดเอวและเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่และมองหาเหล่าลูกศิษย์ทั้งสามซึ้งกําลังทํางานอยู่ อีกด้านหนึ่ง ไคหยานนั่งอยู่หน้าคอมเพื่อจัดแจงข้อมูลอยู่ เธอมองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูก และรังเกียจ เขารู้สึกสบายใจ ซึ่งเขาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสี่คนในที่นี้ และขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เปลี่ยนชีวิตของซูเถาด้วย
ช่างเป็นชีวิตที่วิเศษจริงๆ !
มือถือของเขาดังขึ้น เป็นเลขหมายที่ไม่รู้จัก เขาขมวดคิ้วก่อนที่จะตัดสาย หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีข้อความส่งมา “รับสายอีกทีสิ แล้วดูว่าชั้นพาใครมาหานาย”
โทรศัพท์ของเขาดังอีกครั้ง ซูเถารับสายก่อนจะได้ยินเสียงชัดแจ๋วจากอีกฝั่ง เขาจําได้ว่ามันเป็นเสียงของน้องสะใภ้ของชีหยวน ผู้ประกาศข่าวคนงามคนนั้นนั่นเอง