ตอนที่ 49: สอดแนม ทรยศ และคังชอลอิน
การแสดงของโพดอลส์กี้ยังคงดําเนินต่อไปจนกระทั่งยามมืดมิดเริ่มมาเยือน
เหตุผลที่เขาต้องทําเช่นนี้นั้นก็เพื่อทําให้ผู้เฝ้าระวังของลีแชรินลดหย่อนการเฝ้าระวังที่มีต่อตัวเขาใน
[ท่านแชริน โปรดยกโทษให้กับความอวดดีในครั้งนี้แก่ข้าด้วยเถอะขอรับ แต่การจะทําให้คนพวกนั้นลดระดับการป้องกันลงได้ ข้าจําเป็นต้องใช้วิธีการเหล่านี้จริง ๆ]
หลังจากนั้นลีแชรินและโพดอลส์ก็เริ่มหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติกันอยู่สองคน
“อุ้! ฮ่า ๆ ๆ ข้าว่าข้าคงเริ่มเมาแล้วละมัง”
หลังจากได้ดื่มเหล้าองุ่นไปมากมาย ใบหน้าของโพดอลส์ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างกายที่โอนเอียงไปมา
“คิ ๆ ดูเหมือนว่าไวน์นี้จะเป็นของชั้นเยี่ยมจริง ๆ ไม่มีไวน์ ดี ๆ แบบนี้ที่บ้านพวกเราเลยใช่ไหมนะ?”
คําว่า “บ้าน” ที่โพดอลส์ก็เรียกหมายถึงโลกอย่างเห็นได้ชัด
“โอ้ โอ๊ะ ๆ ! ไวน์ชนิดนี้สามารถพบได้ที่ดินแดนของข้าเท่านั้น มันเป็นไวน์รสเยี่ยมจริง ๆ อย่างที่เจ้าว่า เจ้าต้องการมากกว่านี้อีกหรือไม่?”
แชรินติดตามการกระทําของโพดอลส์ก็ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความมุ่งมั่นของนางในการต้องการขึ้นเป็นราชันย์ที่แข็งแกร่งเช่นคังชอลอินทําให้นางรู้สึกต้องผ่านความอัปยศที่น่าอดสูนี้ไปให้ได้
“หูวว นี่…แชริน”
หลังจากได้ดื่มเข้าไปอีกหนึ่งแก้วโพดอลส์ก็เริ่มจ้องมองไปยังลีแชรินด้วยสายตาหยาดเยิ้มที่เหมือนเต็มไปด้วยตัญหา
“เจ้าไม่คิดหรือว่ามันก็ผ่านมานานแล้วนับตั้งแต่ที่เราต่างร่วมแบ่งปันความรักที่มีต่อกัน? ข้าคิดว่าครั้งสุดท้ายน่าจะเป็น “ที่นั่น”ใช่หรือไม่?”
เป็นครั้งที่สองที่ร่างกายของแชรินจําต้องแข็งที่อไปเพราะ คําพูดของโพดอลส์กี้ที่พูดจาออกมาโดยไม่ทันให้นางได้ตั้งตัว
“ฮิ ๆ” โพดอลส์ก็แกล้งหัวเราะขณะสวมกอดแชริน
ที่นี่มีหน่วยสอดแนมด้วยขอรับ
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการแสดง
[โปรดแกล้งทําเป็นว่าพวกเราทั้งคู่ต่างเมามากด้วยขอรับ เช่นนั้นถึงจะสามารถทําให้พวกเขาลดระดับการป้องกันลงได้]
“หืมมม….ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ทํา? ทําไมเล่า?”
“ข้าต้องการไวน์”
“ฮ่า ๆ แน่นอนสิ แน่นอน”
โพดอลส์ก็พยักหน้ารับ
“เจ้าจําเป็นต้องใช้ไวน์เพื่อเร่งความเร่าร้อนในตัวก่อนเสมอ เช่นในวันนั้น วันที่เจ้าได้ดื่มไปมากมายที่มากยิ่งกว่านี้”
“โฮ้ ๆ ๆ เช่นนั้นข้าคงได้เห็นเรื่องราวซ้อนทับต่อจากนี้หลังจากที่ข้าเริ่มเมามายยิ่งกว่านี้เสียแล้วละมัง?”
การกระทําของพวกเขาดําเนินต่อเนื่องไปได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างไม่คาดคิด นี่เป็นเพราะตัวของลีแชรินเองที่พยายามอย่างหนักเพื่อให้เข้าถึงกับการแสดงของเขา
“แต่ก่อนอื่น” โพดอลส์ก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
“ทําไมคนพวกนี้ถึงได้ดูหยายคายนัก? เพียงมองดูได้ไม่นาน ข้าก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าคงจะโดนดูถูกเหยียดหยามเป็นมากแน่ อย่างที่เจ้าเคยพูด คนพวกนี้สมควรถูกลงโทษโดยการเฆี่ยนตีเสียให้หมด”
ทันใดนั้นโพดอลส์กี้ก็พูดถึงความรู้สึกของเขาที่มีออกมาเสียงดัง และแน่นอนว่านางไม่ต้องการพลาดโอกาสในครั้งนี้ เพื่อปล่อยสิ่งที่มีอยู่ภายในออกมา
“ใช่ พวกนั้นทั้งดูหมิ่นและหยามเกียรติข้ายิ่งนัก”
นางพูดขณะกดฟันกรอดไปด้วยอารมณ์ที่มากมาย
“จองหองและยังดูหมิ่น?! แทนที่คนพวกนั้นจะฟังคําสั่งจากผู้เป็นราชันย์เช่นข้า แต่คนพวกนั้นกลับปฏิบัติต่อข้าเหมือนอย่างหุ่นไล่กาและไม่คิดมอบความเคารพแก่ข้าในฐานะราชันย์เลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นพวกคนหัวหินยิ่งนัก” (คําพูดที่หมายถึงงี่เง่าในภาษาเกาหลี)
“คนหัวหิน หืม?”
“ฮึก….ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าตัวเองจะต้องมาปกครองคนที่ไร้ซึ่งความคิดแล้วยังทําตัวไม่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้าเช่นนี้”
“อะ…อะไรนะ?! ฮึ่ม ข้าคิดว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องได้รับบทเรียนสักหน่อยเสียแล้ว!”
ขณะที่พูดออกไปแบบนั้น โพดอลส์ก็ได้เกร็งกล้ามเนื้อของเขาขึ้นมาในทันใด
“เจ้าพวกคนแคระงี่เง่านั่น”
“ฮืม?”
“พวกเขาคิดอยู่แค่เพียงเรื่องเดียวซึ่งก็คือการนํานีด้าเวลเลียร์กลับคืนมาแต่กลับไม่รู้วิธีใช้สมองของตัวเองแต่อย่างใด โอ้ ข้ากําลังพูดถึงสงครามที่เรากําลังได้เผชิญอยู่ในตอนนี้น่ะ”
“ที่เจ้าพูดถึงเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะหรือ?”
“ข้าบอกไปเช่นนั้นหรือ?”
“ฮี่ ๆ บางทีเจ้าอาจจะลืมไปแล้วก็ได้หลังได้ใช้เวลาที่น่าหลงใหลร่วมกันกับข้า”
“หืมม…เจ้าล่ะก็!”
ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยการสวมบทบาทเล่นละครตบตาที่แสดงถึงความสามัคคีโดยสมบูรณ์แบบได้อย่างแท้จริง
“อย่างไรก็ตาม คนแคระพวกนี้มุ่งเน้นแต่การยึดพื้นที่ตรงนั้นกลับคืนมา พวกเขาใช้กองทัพไปเกือบ 2,000 กองกําลังในการยึดมันกลับคืน แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ แม้จะใช้ทหารไปถึง 2,000 กองกําลังแต่คนแคระที่โง่เขลาเหล่านี้ก็ยังล้มเหลวในการยึดที่ดินตรงนั้นกลับคืน หากเราใช้เวลาส่วนใหญ่และกองกําลังไปกับการต่อสู้กับราชันย์โดยตรง เรื่องราวคงต่างไปจากนี้โดยสิ้นเชิง แต่เมื่อพวกเขาทําสิ่งเหล่านั้นลงไปแล้วข้าจะพูดอะไรได้อีกนอกจากบอกว่าพวกเขาช่างเป็นคนที่แสนโง่เขลานัก โฮ้ ๆ ๆ!”
โอ้…ดูเหมือนว่าราชันย์ท่านนี้เองก็รู้จักใช้กลยุทธ์นําพาเช่นกัน ไม่เลวนี่ขอรับ
โพดอลสกี้ที่ได้รับฟังคําพูดของลีแชรินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจเพียงแต่เขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ไปกับมัน
“สําหรับไอ้พวกสารเลวที่แสนโง่เขลานั่น เหตุใดเจ้าถึงไม่ทําอะไรกับพวกนั้นเสียบ้างเล่า?”
“เฮ้อ..หากเพียงข้าสามารถทําได้ก็คงดี ไม่มีใครคิดอยู่ข้างข้าแม้แต่ผู้เดียว พวกเขาไม่คิดฟังคําสั่งของข้า เช่นนั้นแล้วข้าควรจะทําเช่นไร?”
“ทีม เดาว่าข้าคงต้องเข้ามาช่วยเหลือเจ้าสักหน่อยแล้วละมัง … พรุ่งนี้เช้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าพวกนั้นให้หลาบจําเอง หากทําเช่นนั้นแล้วเจ้าจะได้รับสิทธิ์ที่ควรมีกลับมาหรือไม่?”
“เจ้าสามารถทําเช่นนั้นเพื่อข้าได้จริงหรือ?”
“แน่นอนว่าข้าทําได้ สหายข้าคนหนึ่งมีดินแดนอยู่ห่างที่นี่ออกไปประมาณ 100 กม. ด้วยทักษะของข้าและกองกําลังของเขาผนึกรวมกัน เราจะสามารถกําจัดพวกคนแคระที่แสนโง่เขลาของเจ้าออกไปได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นเจ้าก็จะได้รับสิทธิ์ราชันย์กลับคืน”
“ถ้านั้นสามารถได้ผลจริง ฮ่า ๆ หากมันได้ผลเช่นนั้นจริง ข้าคงได้ใช้เวลาที่มีความสุขร่วมกับเจ้าเช่นนี้ไปอีกนานแสนนาน”
หลังจากนั้นการสนทนาของพวกเขาก็ยังคงดําเนินต่อไปอีกสองสามชั่วโมงจนกระทั่งในที่สุดลีแชรินก็ไม่สามารถต้านทานผลกระทบของไวน์ได้และพล็อยหลับไป
“อืม นี่เราปล่อยให้นางดื่มมากเกินไปหรือเปล่านะ?”
หลังจากที่ลีแชรินหมดสติ โพดอลส์กี้ก็ได้พานางไปยังห้องนอนของนางในขณะที่ตัวเขาเองก็เดินโซซัดโซเซไปตลอดทาง
หลังจากที่เขาส่งนางเข้านอนบนเตียงเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินจากออกไป เขาพึมพํากับตัวเองแม้ว่ามันจะเป็นแค่การบ่นพึมพําจากฤทธิ์ของการเมาก็ตาม … จากนั้นเขาก็ล้มลงไปบนพื้นหญ้าและหลับไปสนิท
“ท่านผู้ช่วยสเลจน์”
คนแคระที่ทําหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมเข้าพบสเลจน์เพื่อรายงานผลทันที่ที่การดื่มสิ้นสุด
“ในที่สุดพวกเขาก็หยุดดื่มกันแล้วขอรับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“มันเป็นความโกลาหลและยุ่งเหยิงอย่างมากขอรับ พวกเขาไม่สามารถหยุดพูดคุยเกี่ยวกับแผนการไร้สาระในการยึดอํานาจของนางกลับคืนมาได้ตลอดทั้งการดื่ม”
“หืม ข้ารู้ว่านางแพศยานั่นจะดื่มไวน์เป็นบางครั้งแต่ไม่คิดว่าจะมีส่วนร่วมในบทสนทนาที่ไร้สมองเช่นนี้”
พวกเขาจะเรียกนางว่านางแพศยาเพื่อเลือกปฏิบัติต่อนาง มันจะเป็นเช่นนี้เสมอเวลาที่พวกคนแคระพูดคุยกันในตอนที่ไม่มีลีแชรินมาอยู่ใกล้ ๆ
“เท่าที่ข้าเฝ้าสังเกต บุคลิกลักษณะที่แท้จริงของนางจะเริ่มปรากฏก็ต่อเมื่อนางเริ่มเมาไม่ได้สติ ดั่งคําพูดสหายของนาง นางจะเริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้งเมื่อได้ดื่มจนมากเกินไป”
“หืมม? เช่นนั้นนางก็เป็นนางแพศยาจริง ๆ ใช่หรือไม่? เป็นอย่างที่คิด มนุษย์สตรีมักแสร้งทําตัวเป็นอ่อนแอและกระทําการแต่เรื่องฉาวโฉ่เสมอเมื่ออยู่ลับหลัง”
“ขอรับ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ยังมีอะไรอีกหรือไม่?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดแผนการที่จะกระทําการเพื่อยึดอํานาจกลับคืนมาจริง ๆ”
“แผนการ? แผนการอะไร?”
“ไอ้คนที่ร่วมดื่มกับนางกล่าวว่ามันจะช่วยให้นางได้รับสิทธิอํานาจกลับคืนมาขอรับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นเองก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการอย่างนั้นสินะ?”
“ขอรับ ข้ามั่นใจมากว่าเขาไม่ใช่คนที่จะต่อกรง่าย ๆ เช่นนั้นได้”
“เอาล่ะ ไหนเจ้าเล่าต่อมาสิ”
“เขาบอกว่าเขามีสหายที่เป็นราชันย์อยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณ 100 กม. อีกทั้งยังบอกอีกว่าเขาสามารถรวบรวมความช่วยเหลือจากราชันย์ท่านนั้นเพื่อทวงสิทธิอํานาจของนางกลับคืนมาได้ขอรับ”
“อะไรนะ?!” สเลจน์ตะโกนด้วยความตกใจ
“นางกล้าคิดที่จะนํากําลังภายนอกเข้ามาได้อย่างไรกัน…?”
“นายท่าน โปรดสงบลงก่อนเถิด”
“เจ้าจะยังให้ข้านิ่งเฉยอีกได้อย่างไร?! นางแพศยานั่นไม่คิดที่จะช่วยเหลือพวกเราในการกู้นีด้าเวลเลียร์กลับคืนมาด้วยซ้ำ แต่กลับคิดไปจะขอความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อมาสร้างความโกลาหลและไล่พวกเราออกไปจากดินแดนของเรา!”
“ท่านผู้ช่วย โปรดสงบสติอารมณของท่….”
“สงบรึ?!! แหกตามองสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นนี้ซะ! นางกําลังคิดก่อการสงครามเพื่อทวงคืนสิทธิราชันย์ในดินแดนของพวกเราไม่เห็นหรืออย่างไร!!”
“แต่ข้าไม่คิดว่าท่านจําต้องกังวลมากขนาดนั้นนะขอรับ”
“ฮะ? ทําไม?”
“แม้ฟังดูเหมือนว่าสหายนางจะยิ่งใหญ่ แต่การพูดว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหนนั้นข้าคิดว่ามันเป็นเพียงการโอ้อวดและดูเหมือนเป็นการโกหกเสียมากกว่า ไม่เพียงเท่านั้น แต่นิสัยการดื่มของเขาก็ยังแย่อีกเช่นกัน ขณะนี้เขากําลังนอนเมาหลับอยู่ภายในสวนขอรับ”
“โอ้ เป็นเช่นนั้นเองหรอกหรือ ที่?” สเลจน์เริ่มหัวเราะอย่างร้ายกาจ
“หึ ไม่ว่าเจ้าคิดจะทําการสิ่งใดแต่เจ้าจะไม่สามารถหลบหนี้ไปได้แม้แต่ปลายนิ้วของข้า ดูเหมือนว่านางแพศยานั้นเองก็ไร้โชคอยู่เหมือนกัน….ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางอยู่เพียงลําพังได้”
ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดที่จะลดการเฝ้าระวังทั้งหมดลงโดยสมบูรณ์
“จงไปตรวจดูความประพฤติของกลุ่มนักผจญภัยให้ดี มีโอกาสที่นางจะทําข้อตกลงกับพวกนั้นหรืออาจพยายามโน้มน้าวให้พวกนั้นพยายามเข้าร่วมกับสิ่งที่นางกําลังคิดทํา”
“ขอรับ!”
“ยังไม่เพียงเท่านั้น แต่หากมีใครที่ต้องการอยากพบ นางในตอนนี้ให้บอกพวกนั้นไปว่านางไม่สะดวกจะพบ อย่าให้นางได้พบเจอกับใครเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”
ณ ในตอนนั้นเอง สเลจน์ได้ก้าวข้ามเส้นที่ไม่ควรมีมาตั้งแต่ต้นเพื่อทรยศและหักหลังต่อราชันย์ผู้ปกครองแผ่นดิน
“นะ น้ำ”
ด้วยลําคอที่แห้งผากทําให้นางฟื้นตื่นจากการหลับใหล
“เฮ้อ นี่เราดื่มมากไปแล้วหรือเปล่า”
แม้เหมือนว่านางจะสลบจนต้องพล็อยหลับไปเป็นเวลานาน แต่อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่บรรเทาไปตามเวลาที่ผ่านไปด้วยเลย
นั่นอาจเป็นเพราะไวน์เจ็ดขวดที่ได้ดื่มกับโพดอลส์ก็ไปก่อนหน้า มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมากที่นางสามารถรักษา การแสดงของตัวเองเอาไว้ได้จนจบ
นางเหยียดมือเพื่อคว้าขวดน้ำ
แต่นางเหนื่อยเกินกว่าจะทําเช่นนั้นได้
แต่แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่ามีชายคนหนึ่งกําลังนั่งอยู่ใกล้ ๆ ตัวนาง
ชายคนนั้นมีผิวที่ดูเหมือนผิวเสือดาวสีดําที่พาดผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย มั่นชวนให้ความรู้สึกลึกลับขณะที่เขาปกคลุมแสงจากดวงจันทร์ด้วยร่างเงาของเขา
ไปทั่วทั้งร่างกาย มั่นชวนให้ความรู้สึกลึกลับขณะที่เขาปกคลุมแสงจากดวงจันทร์ด้วยร่างเงาของเขา
“ในที่สุดก็ตื่นเสียที ข้าคิดที่กําลังจะจากไปอยู่พอดีหากท่านยังหลับอยู่เช่นนั้น”
ด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ดังขึ้น นางสามารถบอกได้ในทันทีว่า มันคือเสียงของคังชอลอิน
“ฮ่า ๆ ชอลอิน ท่านเองหรือ แล้วมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
“เข้ามาทางหน้าต่าง”
“หน้าต่าง?!” นางรู้สึกประหลาดใจกับคําตอบที่ได้รับเป็นอย่างมาก
ด้านล่างของหน้าต่างเป็นหน้าผาที่เหยียดยาวเกินสามสิบเมตร มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถปีนไต่ขึ้นมาได้
“มันไม่ได้ยากเกินไปสําหรับข้า”
คังชอลอินพูดตอบอย่างไม่แยแส สําหรับเขาที่มีทักษะเต็มพิกัดอยู่ติดตัวนั้น ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถทําไม่ได้
“โอ้…”
“รับนี้ไป”
คังชอลอินโยนม้วนกระดาษสองแผ่นไปให้นาง
“นี่มันอะไร?” นางเอ่ยถาม
“หนึ่งในนั้นคือสัญญา ส่วนอีกอัน…” คังชอลอินหยุดพูดไป ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“รายชื่อต้องประหาร”
“รายชื่อต้องประหาร” มันคือรายการที่จะตัดสินว่าใครควรที่จะได้รับให้มีชีวิตอยู่ต่อหรือใครควรที่จะต้องจบสิ้นชีวิตไปเสียที