สีหน้าของซูฉีไห่ถึงจะดูดีขึ้นมาหน่อย
เขาจึงนั่งลงและทานอาหารต่อไป จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “หลังจากที่ผ่านครึ่งปีนี้ไปให้ใช้กฎข้อบังคับ 8 ข้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น”
“ผู้อาวุโส ตระกูลซูของพวกเราไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้ลำบากขนาดนั้นเลย ต่อให้ซูหยู่พ่ายแพ้ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็ต้องยื่นมือออกมาช่วยอยู่แล้ว” เสียวหยู่เชี้ยนพูดขึ้นมาอีกครั้ง
ซูฉีไห่หันไปมองที่เธอและพยักหน้า
นี่คือข้อได้เปรียบของเสียวหยู่เชี้ยนเธอสามารถจัดการกับเรื่องของตระกูลซูได้อย่างเหมาะสมไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กและสามารถบอกได้ว่าเป็นมือขวาของซูฉีไห่
“และก็ทางด้านของซูเป่ยเป็นอย่างไรบ้าง?” ในตอนนั้นซูฉีไห่ก็ถามออกมา
ซูเป่ยก็คือคุณปู่ของซูวาน หรือก็คือคุณปู่ซู
เสียวหยู่เชี้ยนขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ตาแก่คนนี้ปากแข็งมาก เราใช้วิธีนับไม่ถ้วนแต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่สามารถทำให้เขาพูดออกมาได้”
“งั้นก็ต้องการคนเอาญานแห่งการหยั่งรู้ของเขาออกมาแล้ว” ซูฉีไห่ขมวดคิ้วและพูดออกมา
“ฉันได้ลองทำไปแล้ว” เสียวหยู่เชี้ยนพูด “แต่ญานแห่งการหยั่งรู้ของซูเป่ยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับของสิ่งนั้นเลย ฉันสงสัยว่ามันถูกผนึกโดยใครบางคนด้วยวิธีลับๆ”
อันที่จริงเขาไม่ได้ถูกผนึกหรือทำอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะคุณปู่ซูเขาไม่รู้ว่ามรดกที่ต้องการนั้นคืออะไร
ซูฉีไห่เงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็มองไปที่ซูหยู่และพูดออกมาว่า “ตระกูลซูของเราไม่ได้ถูกประคบประหงมมาเป็นเวลานาน และซูเป่ยคนนี้ก็คือความหวังของพวกเรา เข้าใจไหม?”
“ครับพ่อ ผมมีวิธีหนึ่ง” ในตอนนั้นจู่ๆซูหยู่ก็พูดออกมา
เขาลุกขึ้นมาจากพื้นและพูดต่อว่า “ในตอนที่ผมกับฉินเฉิงกำลังต่อสู้กัน นี่ถือได้ว่าเป็นการแข่งขัน เราจะให้สมาคมศิลปะการต่อสู้ของจิงตูมาเป็นกรรมการ พ่อคุณว่าอย่างไงครับ?”
“ฉินเฉิงคนนั้นรู้เรื่องนี้ไหม?” ซูฉีไห่ขมวดคิ้วและถามออกไป
“ครับ” ซูหยู่พยักหน้า “เจ้าฉินเฉิงนั้นเป็นคนปลิ้นปล้อน ตอนนี้ผมลงมือเลยมันยังไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่”
ซูฉีไห่พยักหน้า “ได้”
หลังจากนั้นซูฉีไห่ก็ชัดปากของตัวเอง ยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน ยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก”
เสียวหยู่เชี้ยนพูดออกมาด้วยความไม่สบายใจว่า “ผู้อาวุโส คืนนี้พักที่นี่ไม่ดีเหรอ?”
ซูฉีไห่เหลือบมองไปที่เธอและพูดว่า “ฉันบอกว่ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไว้วันหลังละกัน”
จากนั้นซูฉีไห่ก็เดินออกไป
และในตอนนั้นเหมือนกับว่าเสียวหยู่เชี้ยนคิดอะไรออกมาได้ เธอรีบวิ่งตามไปและพูดว่า “ผู้อาวุโส ยังมีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง”
สีหน้าของซูฉีไห่ไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว เขาถามออกมาว่า “เรื่องอะไร?”
“เรื่องของ ตำหนักเทพโอสถ…เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการปกป้องฉินเฉิง เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาได้เชิญชูชีเชิงแห่งตระกูลชูเข้าไปที่งานประชุมกลั่นยาของเขา” เสียวหยู่เชี้ยนหรี่ตาลง “นี่เป็นเรื่องที่ตระกูลซูของเราจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้”
” ตำหนักเทพโอสถ?” ซูฉีไห่ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ” ตำหนักเทพโอสถไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก แล้วพวกเขาจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไง?”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ” เสียวหยู่เชี้ยนตอบ
มีแสงวาบวาบวาบบนใบหน้าของเธอ และเธอกล่าวว่า “ถ้าหากปล่อยเอาไว้อาจจะไม่เป็นผลดี ดังนั้นควรจะทำลาย ตำหนักเทพโอสถทิ้ง!”
“ทำลาย ตำหนักเทพโอสถ?” ซูฉีไห่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เสียวหยู่เชี้ยน เธอคิดว่าทุกอย่างบนโลกนี้อยู่ในกำมือของเธอทั้งหมดหรือไง? ถ้าเธออยากลงมือกับ ตำหนักเทพโอสถเธอก็ต้องถามผู้มีอำนาจอื่นๆที่อยู่ด้านบนอีกว่าเห็นด้วยหรือไม่! เธอคิดว่าไม่มีตระกูลไหนกล้ายุ่งกับตระกูลซูจริงๆหรือไง?”
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนเปลี่ยนไป เธอพูดออกมาว่า “ความหมายของคุณก็คือ…. ตำหนักเทพโอสถมีความสัมพันธ์กับคนชั้นสูง?”
“แล้วเธอคิดว่าไง?” ซูฉีไห่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น “ร่างกายของคนพวกนั้นล้วนแต่มอบให้ ตำหนักเทพโอสถเป็นคนจัดการ ถ้าหากเธอคิดจะมีเรื่องกับ ตำหนักเทพโอสถ ฉันก็คิดว่าเธอคงจะเบื่อชีวิตแล้ว”
เสียวหยู่เชี้ยนตอบกลับมาว่า “ต้องขอโทษด้วย ผู้อาวุโส ฉันประมาทไปเอง…”
“ไปตรวจสอบมาว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไง” ซูฉีไห่พูดออกมา “เราจะไปยุ่งกับ ตำหนักเทพโอสถไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าสำนักของ ตำหนักเทพโอสถจะเปลี่ยนไม่ได้”
เสียวหยู่เชี้ยนผงะ จากนั้นเธอก็รีบพยักหน้าทันที “ผู้อาวุโส ฉันรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไง!”
…..
หลายวันต่อมาฉินเฉิงก็ยังคงฝึกวิชาของเขาต่อไป ระยะเวลาสั้นๆนี้การฝึกของเขาคงที่ เรื่องเกี่ยวกับวัตถุดิบของยานั้นเขาไม่ต้องกังวล
และวันหนึ่งของครึ่งเดือนต่อมา แขกที่ไม่ได้รับเชิญมาที่เมืองเถาหยวน
โรลส์รอยซ์สีดำคนหนึ่งที่มีป้ายทะเบียนจิงตูหยุดที่หน้าประตูสโมสร
คนนี้ไม่ใช่ใคร เธอก็คือเสียวหยู่เชี้ยนแห่งตระกูลซู
“คุณผู้หญิง คุณมาแล้ว” เถ้าแก่ของสโมสรรีบออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี
เสียวหยู่เชี้ยนพยักหน้าและพูดออกมาไปว่า “อีกเดี๋ยวไปเรียกถางหยิงมา ให้เขามาหาฉันที่ห้อง”
“ครับ คุณผู้หญิง” เถ้าแก่พยักหน้า
นี่คือสโมสรระดับไฮเอนด์ ทันทีที่เธอเข้าไปนั่งในห้อง ก็มีชายหนุ่มรูปงามร่างกายกำยำเดินเข้ามา
“พี่สาว พวกเรามาบริการคุณ” ชายหนุ่มเหล่านั้นนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเสียวหยู่เชี้ยนและพูดออกมา
เซียวหยูเชียนยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของพวกเขาและยิ้ม “ผิวพรรณไม่เลว ไปรอฉันบนเตียง”
“ครับ พี่สาว” ชายหนุ่มเหล่านั้นทำตามคำพูดของเสียวหยู่เชี้ยนทันที พวกเขากระโดดขึ้นไปบนเตียง
“ออกไปข้างนอก” เสียวหยู่เชี้ยนพูดกับพ่อบ้าน
“ครับ คุณผู้หญิง”
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้พ่อบ้านก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเขาก็เห็นอยู่บ่อยๆ
ในเมื่อซูฉีไห่ชอบไปมั่วกับผู้หญิงด้านนอก เสียวหยู่เชี้ยนเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเขา
ไม่นานถังหยิงก็เดินมาถึงหน้าประตู
“นายคือถังหยิงใช่ไหม?” พ่อบ้านมองไปที่ถังหยิงและถามออกไป
ถังหยิงรีบพยักหน้าและตอบว่า “ครับ ขอถามหน่อยครับนี่คือห้องของคุณผู้หญิง เสียวหยู่เชี้ยนใช่ไหมครับ?
“รออยู่ด้านนอกก่อน” พ่อบ้านพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
ถังหยิงถูมือของเขาและยืนอยู่ข้างๆ
แม้ว่าฉนวนกันเสียงที่นี่จะยอดเยี่ยม แต่ในฐานะนักรบความสามารถของการได้ยินเสียงของถังหยิงนั้นก็ต้องดีกว่าคนทั่วไป
เขาได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงแห่งความสุขดังออกมาจากห้องอย่างชัดเจร
ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มทั้งหลายออกมาจากห้อง
“เข้ามา!” มีเสียงของเสียวหยู่เชี้ยนดังออกมาจากด้านใน
ถังหยิงรีบวิ่งเข้าไปทันที เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของเสียวหยู่เชี้ยนหัวใจของเขาก็เบ่งบานขึ้นมาทันที และสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่ร่างที่ยั่วยวนของเสียวหยู่เชี้ยน
“ไม่อยากเก็บลูกตาไว้แล้วใช่ไหม?” เสียวหยู่เชี้ยนถามออกมาอย่างเย็นชา
ถังหยิงรีบก้มหน้าทันที และตอบกลับไปด้วยความกลัวว่า “สะ…สวัสดีครับคุณผู้หญิง”
เสียวหยู่เชี้ยนพ่นลมหายใจออกมา เธอไม่ได้สนใจถังหยิง และหันไปพูดกับพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆว่า “ไปจัดการกับคนพวกนั้นให้หมด”
“ครับ คุณผู้หญิง” พ่อบ้านพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไป
นี่คือนิสัยของเสียวหยู่เชี้ยน หลังจากที่เธอเล่นกับผู้ชายคนไหนแล้ว ผู้ชายเหล่านั้นจะต้องตาย ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น
และเมื่อถังหยิงได้ยินแบบนั้น เขาก็ตกใจและความคิดชั่วร้ายในใจของเขาก็หายไปทันที
“นายคือถังหยิงใช่ไหม?” เสียวหยู่เชี้ยนสูบซิการ์และถามออกไป “ได้ยินมาว่านายมาจากสมาคมกลั่นยานานนาชาติ?”
ถังหยิงรีบพยักหน้าทันที “ครับ ถ้าหากสามารถช่วยอะไรคุณผู้หญิงได้ ผมเต็มใจอย่างยิ่งครับ!”