ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 129 ในคุก / ตอนที่ 130 ได้สติ

ตอนที่ 129 ในคุก

 

 

เห็นเพียงเท่านั้นโม่หันก็อดคิดที่หวังจะแบ่งเบาความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญอยู่ไม่ได้ เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองใบหน้าซีดนั้นและอยู่ข้างๆ เธอ

 

 

เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกสิ้นหวังเข้าจู่โจมเขาเข้าอย่างจัง

 

 

หลังจากหมอทำแผลให้เธอเสร็จและถอดถุงมือกับหน้ากากอนามัยออก เขาค่อยๆ วางศีรษะของซย่าชิงอีบนหมอนโดยหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณบาดแผล เมื่อขยับตัวของเธอจนเข้าที่เขาก็เอ่ยขึ้น “ผมเย็บแผลให้เธอไปหกเข็มนะครับ หลังจากนี้อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แต่มันอยู่ตรงท้ายทอยของเธอคงไม่ค่อยสังเกตเห็นมากนัก เดี๋ยวผมเธอก็จะยาวมาบังไว้”

 

 

หมดพูดต่อ “หลังจากนี้คุณต้องพาเธอไปตรวจภายในสมอง มันอาจไม่ใช่แผลธรรมดาหากมีเลือดคั่งอยู่ในศีรษะของเธอ อีกอย่างเราต้องตรวจว่ามีเลือดออกภายในอวัยวะส่วนอื่นหรือไม่ด้วย ส่วนกระดูกมือซ้ายที่อาจจะหัก หลังจากทำการตรวจภายในสมองคุณสามารถพาเธอไปตรวจที่แผนกศัลยกรรมกระดูกได้เลย เธออาจจะใช้แขนไม่ได้ไปประมาณสองอาทิตย์นะครับ”

 

 

โม่หันเพียงพยักหน้ารับพลางลูบมือเธอเบาๆ

 

 

“เธอต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักพักและรอให้ฟื้นไข้ ตอนนี้อาการของเธอค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะร่างกายอ่อนแรง”

 

 

เขารับคำ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณหมอนะครับ”

 

 

หลังจากหมอเดินจากไป เขาก็พาซย่าชิงอีตามพยาบาลไปตรวจร่างกาย พวกเขามุ่งหน้าจากแผนกหัวใจไปยังแผนกศัลยกรรมกระดูก ผลออกมาว่าเธอไม่ต้องได้รับการผ่าตัด ปัญหาเดียวตอนนี้คือเธอยังสภาพร่างกายของเธอยังไม่ค่อยแข็งแรงดีนักและต้องการเวลาสักพักในการพักฟื้น เมื่อตรวจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย โม่หันยังคงกุมมือเธอไว้ขณะที่นั่งอยู่ข้างๆ โล่งใจเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของเธอที่สวมหน้ากากออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจอยู่ พลันรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยระหว่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนเก้าอี้มาเป็นเวลานาน

 

 

ในเวลาเช้าตรู่นั้นเองที่โม่หันผละออกจากเธอเพื่อออกไปโทรหาหลิวจื้อหย่วน บอกว่าช่วงนี้เขาจะไม่เข้าบริษัทและให้ทนายเหลียวรับผิดชอบงานส่วนของเขา ถ้าติดขัดตรงไหนค่อยโทรหาเขา

 

 

หลังจากวางสายจากอีกฝ่าย เขาครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะต่อสายหาหัวหน้าจางจากกรมตำรวจ

 

 

“หัวหน้าจางครับ ผมรบกวนให้ช่วยเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ”

 

 

หัวหน้าจางแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วโม่หันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนัก

 

 

“เรื่องอะไรล่ะ”

 

 

“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับน้องสาวของผม ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

 

 

“เมื่อคืนมีกลุ่มผู้ชายรุมทำร้ายเธอกลางถนนและเกือบจะ…” เขาชะงักก่อนจะพูดต่อ “ช่วยผมสืบประวัติเบื้องหลังของพวกมันทีครับ”

 

 

“คุณอยากจะสืบแบบเปิดเผยหรือแอบสืบเงียบๆ ล่ะ”

 

 

“สืบสวนแบบเปิดเผยครับ ผมอยากลากพวกมันเข้าคุก” น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น

 

 

“ก็ได้ เข้าใจแล้ว อย่างนั้นฉันจะส่งเจ้าหน้าที่ไปที่โรงพยาบาลเพื่อสอบปากคำเธอ หลังจากเธอฟื้นขึ้นมาแล้วกัน”

 

 

“รออีกสักพักเถอะครับ ผมเกรงว่าเธอคงยังไม่พร้อมตอนนี้ กลัวว่าเธออาจจะ… นึกถึงเรื่องเลวร้ายนั้นขึ้นมาอีก”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหนล่ะ กี่โมง ฉันอยากรู้รายละเอียด”

 

 

“ที่ถนนซินเฉิงสาม ประมาณสามทุ่ม น่าจะยังเหลือเบาะแสอยู่ที่นั่นนะครับ”

 

 

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”

 

 

โม่หันอยากจะวางสายหลังจากนั้น หากแต่คนอายุมากกว่ากลับถามขึ้นมา “น้องสาวของคุณ อาการของเธอ… เป็นอย่างไรบ้าง คุณอยากให้เธอเข้ารับการพิสูจน์การถูกล่วงละเมิดไหม”

 

 

เขานิ่งไปชั่วครู่ขณะที่พิงตัวกับกำแพง “เธอ… ยังไม่ฟื้นครับ… ผมจะให้เธอตัดสินใจเองหลังจากเธอตื่นขึ้นมา”

 

 

สิ้นสุดสายโทรศัพท์ เขาสูดหายใจลึกหลายครั้งพร้อมทิ้งตัวยันกับกำแพง รู้สึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา เกานิ้วบนขา พอมาคิดดูแล้วมันก็สักพักแล้วที่เขาไม่ได้แตะบุหรี่เลย

 

 

เขาทนไม่ไหวและเดินออกไปที่มุมหนึ่งด้านนอกโรงพยาบาล ได้บุหรี่มาจากชายวัยกลางคนข้างตัว จุดไฟและเริ่มพ่นควันออกมา

 

 

สูบมันพลางหายใจเข้าลึกและหายใจพ่นควันออกมาช้าๆ ควันจางๆ ล่องลอยอยู่ตรงหน้าเขา นัยน์ตาสีเข้มที่ตัดกับสีควันบุหรี่ยิ่งฉายแววทรงเสน่ห์มากขึ้น แม้ว่าจะดูขัดกับหนวดเคราอ่อนๆ บนคางและเสื้อผ้าสภาพยับเยินที่เขาสวมอยู่ก็ตาม

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 130 ได้สติ

 

 

ชายวัยกลางคนที่ให้บุหรี่กับโม่หันยืนอยู่ข้างถนน ดูท่าทางต้องการเข้ามาคุยกับเขา แม้ว่าเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายด้วยความระวังตัว โม่หันทิ้งระยะห่างกับอีกคนขณะที่พิงตัวกับต้นไม้ สีหน้าเย็นชาทั้งยังคงเงียบเฉย

 

 

เขาสูบบุหรี่จนเสร็จ จากนั้นก็หยิบออกจากปากเมื่อมันถูกเผาไหม้ว่าจนสุดปลาย ใช้นิ้วมือคีบไว้ทว่ายังไม่ได้ดับมัน

 

 

ชายคนเดิมเอ่ยถามขึ้น “อยากได้อีกสักมวนไหม”

 

 

เขาส่ายหน้า มองบุหรี่ในมือพลางครุ่นคิดบางอย่าง เขาขยับมือบี้ดับบุหรี่บนถังขยะข้างตัว

 

 

ก้มศีรษะพูดขึ้นก่อนเดินจากไป “ขอบคุณครับ”

 

 

โม่หันเดินมุ่งหน้าไปยังห้องคนไข้ที่ซย่าชิงอีนอนรักษาตัวอยู่ เมื่อไปถึงทางเข้าก็ได้ยินเสียงกระเบื้องหล่นแตก

 

 

เขาเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปในห้องและเห็นซย่าชิงอีนอนตัวเอนอยู่ที่ขอบเตียง เอื้อมมือค้างไปหาโต๊ะทั้งที่ยังเสียบสายน้ำเกลือไว้อยู่ ขยับอีกนิดก็คงจะตกเตียงแล้ว

 

 

“เธอทำอะไรน่ะ” เขาเข้าไปช่วยและประคองเธอให้นอนบนเตียงดีๆ มองสำรวจมือของเธอที่มีเลือดไหลย้อนกลับ ก่อนค่อยๆ วางไว้ที่เดิมและห้ามไม่ให้เธอขยับอีก

 

 

จมูกของเธอยังมีสายออกซิเจนต่อไว้อยู่ ท่าทางดูอึดอัดอย่างมากขณะที่คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันโดยที่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก

 

 

เขามองแก้วที่แตกและน้ำที่หกบนพื้น ก่อนถามขึ้น “เธออยากดื่มน้ำเหรอ”

 

 

อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ

 

 

เขาประคองเธอขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงไว้เบาๆ เดินไปหยิบแก้วใบใหม่และเทน้ำลงไป ก่อนจะยกขึ้นจ่อริมฝีปากให้เธอ

 

 

ซย่าชิงอีจิบเพียงนิดเดียว ท่าทางของเธอก็ดูผ่อนคลายขึ้นขณะที่ปรือตามองโม่หัน

 

 

“มีอะไรเหรอ” เขาถามขึ้นมาอย่างอึกอักเมื่อเห็นเธอจ้องมองเขาอยู่

 

 

“สภาพพี่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เสียงแหบแห้งที่แฝงแววขบขันของเธอดังขึ้น “พี่ดูโทรมจังเลย หนวดพี่ขึ้นมาแล้วด้วย”

 

 

เขาเช็ดหยดน้ำที่หลงเหลือข้างริมฝีปากของเธอ อีกฝ่ายฉีกยิ้มขณะที่เขาเอาแต่เงียบ

 

 

“ฉันหลับไปนานแค่ไหนเหรอคะ”

 

 

“คืนหนึ่งได้”

 

 

เธอหลับตาลงอีกครั้ง “พี่สูบบุหรี่เหรอ”

 

 

“อืม”

 

 

“อย่าสูบอีกนะคะ กลิ่นมันเหม็น” เธอว่าขึ้นเบาๆ

 

 

“ได้สิ”

 

 

เธอปวดหัวขึ้นมาอีกรอบ รู้สึกได้ถึงแผลที่ถูกเย็บบริเวณท้ายทอยของเธอ ความเจ็บตึงจากแผลที่ยังไม่หายดีทำให้เธอเหงื่อตก ปวดเมื่อยไปทั้งร่างอย่างไม่รู้สาเหตุเหมือนไม่มีแรงขยับตัวสักนิด

 

 

“พี่ขอโทษที่ไม่ได้รับสายเธอ” เสียงทุ้มของเขาโพล่งขึ้นมาหลังจากเงียบมาสักพัก

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต่อให้พี่รับสาย เหตุการณ์ก็คงลงเอยแบบนี้เหมือนเดิมอยู่ดี” เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก

 

 

“พี่ขอโทษที่มาถึงช้าไป” เขาลูบไล้มือเธอ ก้มหน้าลงต่ำ พร้อมน้ำเสียงแหบที่ดังขึ้น

 

 

คนฟังตกใจเล็กน้อยด้วยไม่เคยได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน เขาดูเหมือนเจ้าป่าผู้โดดเดี่ยวที่โศกเศร้าจากการสูญเสียอาณาเขตของตัวเองไป

 

 

ทว่าเธอก็เปลี่ยนความคิดในวินาทีถัดมา ไม่มีเจ้าป่าคนไหนที่ปล่อยให้ตัวเองสูญเสียอาณาเขตไปหรอก

 

 

และโม่หันก็ไม่ใช่เจ้าป่าด้วย เขาสุขุม มั่นคง และเป็นนักกฎหมายทรงเสน่ห์

 

 

“พี่ไม่ได้มาช้าไปหรอกนะคะ อย่างน้อยฉันก็ยังมีชีวิตอยู่และผู้ชายพวกนั้นก็ไม่ได้สิ่งที่พวกมันต้องการ”

 

 

เธอสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่แรงและสั่นไหวขึ้นของเขาที่จับมือเธอไว้ขณะที่เธอเอ่ยประโยคนั้นออกมา

 

 

“พี่ควรไปถึงให้เร็วกว่านี้”

 

 

พลังงานจากการดื่มน้ำไปเพียงจิบเดียวของเธอเริ่มหมดลง เธออุ่นใจเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงนุ่มลึกของเขา รู้สึกเหนื่อยล้าก่อนจะเริ่มตกไปในห้วงนิทราอีกครั้ง

 

 

“พี่คะ ฉันอยากนอนสักพัก ฉันเหนื่อยจัง” เปลือกตาของเธอแทบปิดลง

 

 

“ไว้คุยกันอีกทีตอนฉันตื่นขึ้นมานะคะ” เธอยันตัวขึ้นอย่างต้องการเอนนอนบนเตียงแม้ว่าตอนนี้จะขยับร่างกายได้ไม่ง่ายนัก

 

 

โม่หันเงียบอย่างเห็นด้วยพลางช่วยประคองเธอนอนลง และคลุมผ้าห่มบนตัวเธออย่างระมัดระวัง

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset