ตอนที่ 22 ฉันชอบนอนบนพรมของคุณ
“ถึงตอนนี้คุณจะเป็นพี่ชายของฉันแต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้สักหน่อยนะคะ” ซย่าชิงอีไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ โม่หันถึงได้โพล่งเรื่องที่เขาเป็นพี่ชายของเธอออกมา พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆ สักหน่อย! ถึงอย่างนั้นในสถานการณ์ที่ต่างคนต่างไม่ยอมกันแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความยากในการเถียงกับทนายความอย่างเขาขึ้นมา
เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนเงียบไป
ตั้งแต่เด็กก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าปฏิเสธคำขอของเขา และจนถึงตอนนี้ก็มีไม่กี่คนที่กล้าทะเลาะกับเขาเช่นกัน เขาไม่ชอบพูดมากความตั้งแต่เด็กแล้ว ถึงแม้จะชอบอยู่เงียบๆ แต่เขาก็เป็นคนมีเหตุผลและมักจะพิจารณาสิ่งต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางครั้งที่เขาเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่ผลที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าเขามักจะตัดสินใจถูกต้องทุกครั้งไป ทำให้พนักงานที่สำนักงานกฎหมายต่างยอมรับและทำตามความคิดและวิธีการของเขา
แต่ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ บางอย่างจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว
โม่หันมองซย่าชิงอีที่กำลังโมโหซึ่งยังคงจ้องมาที่เขาราวกับว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนผิดเต็มประตู ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด อะไรบางอย่างทำให้เขาใจอ่อนลง “เอาแบบนี้ไหมครับ คุณไม่ต้องไปเรียนมัธยมปลายก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องไปเรียน เพราะผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปทำงาน”
“ถ้าไม่ไปเรียนมัธยมปลาย แล้วคุณจะให้ฉันไปเรียนที่ไหนละคะ” เป็นอีกครั้งที่ซย่าชิงอีรู้สึกงุนงง
“ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยครับ คุณเลือกเรียนได้ตามที่คุณต้องการเลย ถ้าเราตกลงกันได้ คุณก็สามารถเข้าเรียนได้ภายในสามวันนี้เลย”
“แต่ว่า…” สุดท้ายแล้วเธอก็ยังต้องไปเรียนหนังสืออย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างนั้นเธอเลยยังรู้สึกไม่เต็มใจอยู่ในอกอยู่บ้าง
เธอเองก็ไม่ได้อยากทำให้โม่หันวุ่นวาย แค่รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตัวเองไม่ค่อยถูกกับการเรียนหนังสือสักเท่าไหร่ สำหรับเธอ การเรียนหนังสือดูจะเป็นสิ่งที่ไกลตัวเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรในช่วงก่อนสูญเสียความทรงจำไปก็ตาม แต่บางทีก็อาจจะจริงอย่างที่เขาพูด นักเรียนมัธยมปลายก็ควรที่จะเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนสิ
แม้เธอจะความจำเสื่อมแต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้เรื่องราวในอดีตมากมายขนาดนั้น อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างหรือแม้แต่ทำไมเธอถึงได้มานอนใกล้ตายอยู่หน้าโรงพยาบาลด้วยร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลด้วยซ้ำ
จริงๆ เธอเดาได้อยู่แล้ว รู้หรอกน่าว่าคนพวกนั้นคงไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่
สู้ปล่อยให้พวกเขาคิดว่าเธอตายไปแล้วดีกว่า ตอนนี้เธอคือซย่าชิงอี เด็กสาวอีกคนต่างหาก
เป็นน้องสาวของทนายโม่หน้าตายคนนี้ คนที่ยังรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์
แต่เธอก็ยังสร้างปัญหาให้เขาตั้งแต่แรกเจอจนถึงตอนนี้ที่กำลังทะเลาะกันเรื่องไปเรียนหนังสือ เธอนี่ช่างเอาแต่ใจจริงๆ
ซย่าชิงอีมองหน้าของเขาที่ไม่เคยยอมให้ใครมาต่อว่า ก้มหน้าก่อนยอมลงให้ “ตกลงค่ะ ฉันจะไปเรียนมหาวิทยาลัย คุณเลือกสาขาที่คิดว่าดีให้ฉันได้เลย สาขาที่คุณเห็นว่าเหมาะกับฉัน ฉันแล้วแต่คุณเลยค่ะ”
ชายหนุ่มจ้องมองเธอ “ทำไมเปลี่ยนใจล่ะครับ คุณเพิ่งพูดไปเองว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ไปเรียนหนังสือเด็ดขาด”
เด็กสาวเอ่ยขึ้น “ตอนนี้คุณเป็นพี่ชายของฉันนี่คะ ฉันก็ต้องเชื่อฟังคุณสิ”
ใบหน้านิ่งของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง “ยังไงคุณก็ยังอายุน้อยอยู่ คงดีกว่าถ้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในโลกภายนอก ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย คุณจะได้หาตัวเองเจอว่าอยากทำอะไร หลังจากเรียนจบจะได้หางานทำได้”
ซย่าชิงอีพยักหน้ารับเงียบๆ
อีกฝ่ายมองเด็กสาวที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นแมวเชื่องๆ ด้วยสายตาไม่คุ้นชิน เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร แม้เธอจะยอมทำตามที่เขาบอกแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเหมือนทำอะไรผิดลงไป อยากจะพูดบางอย่างออกมาแต่เมื่ออ้าปากจะพูดก็พูดไม่ออก สุดท้ายจึงยอมแพ้ โบกมือไล่เธอออกไป “ไปนอนได้แล้ว ตกลงไหมครับ พอแผลคุณหายดีในเร็วๆ นี้ ผมจะพาคุณไปลงทะเบียนเรียนนะ”
เธอกอดผ้าห่มในอ้อมแขนอย่างเชื่อฟัง เดินตรงไปที่ห้องนอนของเธอช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โม่หันมุ่นคิ้วพลางวางเอกสารที่เธอเพิ่งลงชื่อบนโต๊ะ ทรุดตัวลงบนโซฟาขณะมองไปที่ลายมือชื่อเป็นระเบียบเรียบร้อยของเธอบนกระดาษ อยู่ๆ ก็นึกไปถึงท่าทางเคร่งเครียดของเธอตอนที่ตัดสินใจลงชื่อในเอกสาร
เขาเริ่มอยากช่วยเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน
ดูเหมือนจะตั้งแต่ตอนที่เธออยู่ที่โรงพยาบาล ยามที่เธอร้องขอออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ร่างกายยังอิดโรยและดูไร้ชีวิตชีวาอยู่ หรืออาจจะตั้งแต่ตอนที่เห็นเธอถูกถีบออกมาจากรถในเทปบันทึกภาพ
ฝ่ายซย่าชิงอีเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันกับโม่หันในฐานะน้องสาวอย่างนี้
เธอรู้ตัวเองดีว่าตัวตนของเธอเหมือนกับเปลือกหอยที่ว่างเปล่า จริงอยู่ที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ แต่ก็เหมือนอย่างที่เขาพูดนั่นล่ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น เขาเป็นถึงทนายความชื่อดังของเมืองนี้ มีอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน การที่เขาให้ที่ซุกหัวนอนกับเธอเป็นเรื่องบังเอิญเกินที่คาดคิดไว้
ทว่าในตอนนี้เขาถึงกับอนุญาตให้เธอสวมเป็นน้องสาวของเขาเพียงเพื่อสร้างตัวตนใหม่ให้กับเธอ
เธอพบว่าบางทีเขาอาจจะแค่สงสาร หลังจากนี้เขาอาจจะโบกมือไล่เธอออกจากบ้าน ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับคนแปลกหน้าก็เป็นได้
เด็กสาวมุ่นคิ้ว คิดว่าทำไมโม่หันถึงทำแบบนี้แต่ก็คิดไม่ออก สีหน้าท่าทางนิ่งเฉยของเขายากที่จะคาดเดาความคิดได้ เธอส่ายหัว บอกตัวเองให้เลิกคิดเสียที กระชับผ้าห่มในมือก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อเดินมาถึงเตียงและก้มลงมองฟูกนุ่มนิ่มที่คิดว่าต้องทิ้งตัวนอนลงบนนั้น เธอก็ชะงักไป
เธอไม่อยากนอนบนเตียงนี้สักนิด เมื่อวานเธออ่อนเพลียมากเลยผล็อยหลับบนเตียงนี้ได้ เทียบกันแล้วพรมในห้องของโม่หันยังนอนสบายกว่าอีก
อีกอย่างแสงไฟในห้องก็มืดมาก พอตกกลางคืน แสงก็แทบจะส่องไม่ถึงด้านในห้อง และความมืดนั้นทำให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย สำหรับเธอมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ดึงผ้าห่มคลุมตัวพร้อมนอนลงบนเตียง แผลของเธอยังไม่หายดี เธอยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่มาก แต่เมื่อเอนกายลงนอนกลับไม่สบายตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เธอก็ไม่สามารถนอนหลับลงได้ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอหลับบนเตียงแบบนี้ไปได้อย่างไร