ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะพบเด็กสาวนอนอยู่หน้าโรงพยาบาล รถยนต์สีดำถูกขับมาจอดตรงมุมอับหน้าโรงพยาบาล มองจากมุมนี้ไม่สามารถเห็นป้ายทะเบียนรถได้ รถคันนั้นจอดนิ่งและไม่มีใครก้าวออกมา แต่แล้วจู่ๆ ประตูผู้โดยสารก็เปิดออกท่ามกลางแสงสลัวทำให้ยากที่จะมองเห็นหน้าแต่ละคนได้ชัด และหลังจากนั้นไม่นาน โม่หันก็เห็นร่างของเด็กสาวที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดถูกเตะออกมาจากรถราวกับเป็นกระสอบข้าวที่โดนทิ้ง
เขาที่เห็นดังนั้นรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา
เธอยังพอมีสติอยู่และพยายามลุกขึ้นยืน มือกุมหน้าท้องขณะก้าวเดินด้วยขาสั่นระริก อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าจะไปทางไหนจึงก้าวไปได้เพียงสองก้าวก่อนทรุดตัวและหมดสติไปที่ด้านหน้าโรงพยาบาล
หลังจากนั้นเธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามามุงรอบๆ ตัวเด็กสาวที่นอนนิ่ง พวกเขางุนงงและเริ่มถกเถียงกันว่าตกลงเธอเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเธอสักคน
หัวหน้าจางย้อนกลับไปดูช่วงเวลาที่ประตูรถยนต์ต้องสงสัยเปิดออก เขาหยุดหน้าจอค้างไว้ที่ภาพของเธอซึ่งถูกถีบออกมาจากตัวรถ “แปลกจริง! ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้ถูกโยนออกมาจากรถแบบนั้นกันนะ”
ใบหน้าของโม่หันฉายแววเคร่งเครียด เขาขมวดคิ้วมุ่นพลางคิดตามเงียบๆ ด้วยความสงสัย ตาจ้องมองไปที่รถซีดานสีดำบนหน้าจอ
หัวหน้าจางสัมผัสได้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เห็นได้ชัดว่าก่อนที่จะล้มลงหน้าโรงพยาบาล เธอถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บมาแต่แรก คนพวกนั้นคงไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ แต่หากเป็นแบบนั้นทำไมพวกเขาถึงเอาเธอที่สภาพร่อแร่ใกล้เสียชีวิตเต็มทีมาทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาลกัน เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มหาคำตอบให้กับเรื่องนี้อย่างไร
โม่หันถามขึ้น “พอจะตามหาคนที่อยู่ในรถได้ไหมครับ”
อีกฝ่ายส่ายหน้า “มันค่อนข้างยากเหมือนกันนะ ว่ากันตามจริงแล้ว เทปบันทึกภาพช่วงที่เธอถูกถีบออกมาเป็นมุมอับ เรารู้แค่สีและขนาดของรถเท่านั้น ส่วนป้ายทะเบียนกับคนที่อยู่ข้างใน…แทบจะมองไม่เห็นเลย”
หัวหน้าจางมองไปยังโม่หันที่ตอนนี้ทำหน้ากังวล ถามขึ้นอย่างสงสัย “แล้วเด็กคนนี้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับนายล่ะ เธอเป็นเหยื่อของคดีที่นายทำอยู่หรือเป็นฝ่ายจำเลยอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ แค่คนรู้จัก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคดีที่ผมทำอยู่ครับ” เขาตอบเสียงดังฟังชัด
คนฟังยกยิ้ม ตบบ่าเขาเบาๆ “ทนายโม่ นายมาที่นี่เป็นการส่วนตัวแถมไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายอีก ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเธอเป็นใครกัน”
เขาหัวเราะออกมาอย่างหมายจะเปลี่ยนเรื่อง “ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากให้ช่วยครับ”
อีกฝ่ายตบลงบนอกตัวเองอย่างมั่นใจ “บอกฉันมาได้เลย! ถ้าไม่ช่วยทนายโม่ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แล้วจะให้ฉันไปช่วยใครล่ะ! นี่นักกฎหมายคนดังแห่งเมือง S เชียวนะ!”
โม่หันเอ่ยขึ้น “คุณช่วยผมหาประวัติของเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบปีที่หายตัวไปจากเมือง S ช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ให้ผมได้ไหมครับ แล้วก็ถ้าได้ข้อมูลของเด็กกำพร้ากับเด็กที่ผู้ปกครองไม่ได้อยู่ในเมืองด้วยจะดีมากเลยครับ”
หัวหน้าจางสงสัย “นายจะเอาไปทำอะไรน่ะ”
ชายอายุน้อยกว่าตอบ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมไม่เอาไปทำอะไรผิดกฎหมายหรอก ยังไงผมก็เป็นทนายความนะครับ”
เขาเชื่อใจโม่หัน แม้โม่หันจะเป็นนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายเศรษฐกิจ แต่คดีที่เขาทำส่วนใหญ่ก็เป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชน เขาไม่เคยรับทำคดีแพ่งสักครั้ง อย่างไรก็ตามความต้องการข้อมูลของเด็กผู้หญิงที่หายตัวไปของอีกฝ่ายก็ยังทำให้หัวหน้าจางรู้สึกงุนงง
เขาเปิดตู้เก็บของแล้วเริ่มพลิกกองเอกสารหา นิ้วเลื่อนไปบนกระดาษที่มีฝุ่นเกาะสะสมอยู่ “ฉันให้ข้อมูลกับนายได้อยู่แล้ว ฉันไม่ได้ใช้ทำอะไร บางทีนายอาจได้ใช้มันช่วยฉันตามหาบางคนด้วย”
โม่หันกล่าว “ขอบคุณครับ ไว้วันหลังผมเลี้ยงข้าวตอบแทนนะครับ”
เขาปฏิเสธ “ไม่ล่ะ! ทนายโม่! ฉันมั่นใจว่ามีคนมากมายอยากไปทานข้าวกับนาย คนพวกนั้นที่เกี่ยวพันกับคดีความต่างก็อยากให้นายช่วยทั้งนั้น อีกอย่างฉันคิดว่าฉันควรไปพักสักหน่อยด้วย”
อีกฝ่ายยกยิ้ม หยิบเอกสารไว้ในมือ ก่อนลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไม่อยากรบกวนเวลาของอีกคนไปมากกว่านี้ และขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักงาน