เพราะคดีที่เกิดขึ้นในเมือง W โม่หันจึงต้องมาอยู่ในห้องประชุมด่วนเช่นนี้ หลังจากหารือกันเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเสร็จ เขาก็เดินออกมาจากห้องประชุม ในตอนแรกเขาอยากทิ้งทุกอย่างแล้วมุ่งหน้าไปสถานีตำรวจแล้วด้วยซ้ำ เขาพอจะรู้จักเจ้าหน้าที่อยู่บ้างและเขาก็ต้องการสอบถามถึงสถานการณ์ของเด็กสาวที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมาเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีข้อมูลของคนอื่นน้อยขนาดนี้
เพราะทำงานเป็นทนายความมานาน เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าคู่สนทนาฝ่ายตรงข้ามกำลังคิดอะไรอยู่ รู้ก่อนที่พวกเขาจะพูดมันออกมาเสียอีก
แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
ทว่าหลิวจื้อหย่วนกลับมาก่อนที่เขาจะออกจากสำนักงานเพราะกำลังจัดการกับเอกสารมากมายบนโต๊ะ
โม่หันขมวดคิ้วก่อนเดินไปหาเขาที่โต๊ะ “ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ”
หลิวจื้อหย่วนลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นเจ้านายเดินมาหา “ทนายโม่ เธอหนีไปก่อนที่เราจะถึงสถานีตำรวจครับ”
“หนีไป?”
“หลังจากออกรถไม่นาน เธอก็บอกว่าปวดท้องและให้ผมไปส่งเธอที่ห้องน้ำ” หลิวจื้อหย่วนเล่าด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่กล้ามองหน้าเจ้านายของเขาเพราะความผิดพลาดที่ก่อขึ้น “เธอดูไม่ได้พูดโกหก ผมเลยพาเธอไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดแล้วรออยู่ข้างนอก
“ผมรออยู่นาน แต่เธอก็ไม่ออกมาสักที เลยขอให้คนที่ผ่านมาช่วยเข้าไปดูเธอให้ พวกเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลยครับ” เขาเหลือบมองเจ้านายที่เริ่มไม่พอใจขึ้นทุกทีขณะที่เขาเองก็เริ่มพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ
โม่หันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คุณก็เลยกลับมาคนเดียว…”
เขามักจะเห็นท่าทางแบบนี้ในศาลซึ่งมันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย เขาโค้งตัว ก้มหน้าลงต่ำ “ผมขอโทษครับ…”
“ไม่เป็นไร ทำงานของคุณต่อไปเถอะ” โม่หันตอบอย่างเย็นชา
เด็กสาวปริศนาที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแต่เขาก็ทำเกินหน้าที่ด้วยการจ่ายค่ารักษาให้เธอ ครอบครัวของเธอต้องตามหาและมารับเธอกลับไปแน่ ท่าทางจะยังเป็นนักเรียนอยู่และต้องกลับไปเรียนต่อ
ในขณะที่เขาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั้น เขาก็หัวเราะกับตัวเอง แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ พวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันอีกด้วยซ้ำ เขาพึมพำและเริ่มกลับไปทำงานต่อ
หลังจากที่เด็กสาวหนีออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เดินไปเรื่อยๆ อยู่นาน พอมองจนแน่ใจแล้วว่าหลิวจื้อหย่วนไม่ได้ตามมาถึงค่อยกล้าหยุดพัก และขณะที่พักเอาแรงนั้นเอง เธอก็เพิ่งสังเกตว่าเธอกำลังอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักมาก่อน
ผู้คนจากทั่วสารทิศเดินขวักไขว่ผ่านเธอไปแต่เธอกลับไม่รู้จักใครสักคน พวกเขายิ้มและพูดคุยกันขณะสวนทางกับเธอ และในขณะนั้นเอง เธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวของเธอล่องหน เธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้แม้กระทั่งมีใครที่รู้จักเธอบ้าง
ก่อนหน้านี้เธอถามชายหนุ่มที่พาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล จริงๆ แล้วเธอตกใจมากที่ได้ยินสิ่งที่เขาบอก เธอแค่ต้องการที่จะอยู่กับเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่หนีออกมาจากโรงพยาบาล เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เธอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเธอ แม้จะรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเย็นชาเหลือเกิน เขาไม่ชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้า ที่เขาจ่ายเงินค่ารักษาให้เธอก็เพียงเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก เธอรู้ว่าคนอย่างเขาไม่มีทางรับคนแปลกหน้าอย่างเธอไปอยู่ด้วยแน่
ในขณะที่เธอมองไปรอบๆ เธอก็รู้สึกเจ็บที่หน้าท้อง เธอก้มมองและเห็นเลือดซึมผ่านเสื้อผ้าออกมา แผลต้องปริตอนที่ชายร่างใหญ่เตะเธอแน่ๆ ความเจ็บที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอร้องออกมาและงอตัวลงอย่างทรมาน เธอต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปทำแผลดีๆ อีกอย่างการเดินไปตามถนนทั้งที่ยังอยู่ในชุดผู้ป่วยมันสะดุดตามากเกินไป
แต่เธอไม่มีเงินเลยสักนิด เธอจะซื้อเสื้อผ้าได้ยังไง แล้วจะไปที่ไหนดีล่ะ
เธอมองสำรวจรอบๆ และในที่สุดก็เจอร้านค้าขนาดใหญ่ ต้องมีห้องอาบน้ำของพนักงานข้างในแน่ บางทีเธอน่าจะตรงไปที่นั่นดู