เหมือนช่วงเวลาหยุดลงเพียงไม่กี่วินาที ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกตะลึงก่อนเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เธอลุกขึ้นยืนและยกยิ้มหากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชายร่างอ้วนก้าวถอยหลังออกไปเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่เป็นอะไรเลย เขาจ้องไปที่ขวดแก้วในมืออย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เขายกขาขึ้นด้วยความโมโหหมายจะเตะเธออีกครั้ง แต่ใครบางคนกลับเข้ามาขวางไว้และกระชากตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเห็นคือทนายโม่ เจ้านายของพวกเขา ดึงตัวเด็กสาวมาไว้ข้างตัวก่อนที่จะกระโจนเข้าไปเตะกลับหลังด้วยท่าทางสวยงาม ร่างใหญ่ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เขากดไหล่ชายคนเดิมไว้อย่างรวดเร็วโดยใช้ทั้งร่างในการบังคับชายที่กำลังดิ้นหนีไม่ให้ขยับไปไหนจนกระทั่งเขานิ่งไป
“รปภ.ช่วยมาทางนี้ทีครับ ผมฝากที่เหลือด้วย” โม่หันกล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉยขณะยืนขึ้นพร้อมนวดข้อมือไปด้วย
ในที่สุดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็จบสักที ทุกคนหันไปมองเด็กสาวที่เพิ่งพูดจาท้าทายชายร่างใหญ่ไป เดิมทีตัวเธอก็บาดเจ็บมาอยู่แล้วทั้งยังต้องมาถูกเขาทำร้ายซ้ำ ตอนนี้เธอเลยยิ่งดูอิดโรยลงไปอีก ตลอดเวลาที่เธอมองดูเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น สีหน้าของเธอกลับไม่เปลี่ยนไปสักนิด
“คุณ! มากับผม ทุกคนช่วยจัดการที่นี่ให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” โม่หันมองไปที่เธอก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องรับรองอีกครั้ง
เธอเดินตามเข้าไปและยืนนิ่งอยู่หน้าประตู โม่หันทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง คลายเนกไทของเขาลง ถามขึ้นว่า “เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
สายตาของเธอมองมาที่เขาอย่างสับสน “คุณหมายความว่าอะไรคะ ที่ว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”
“คุณรู้ได้ยังไงว่านั่นไม่ใช่น้ำกรด” โม่หันอธิบายอย่างใจเย็น
“ฉันเดาเอาน่ะค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
โม่หันยกยิ้มขณะที่มองสำรวจเด็กสาวที่ไร้ความเกรงกลัวตรงหน้าเขา “คุณดูกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะครับ” จากนั้นเขาก็หุบยิ้มลงเหมือนสิงโตที่รอจับเหยื่อ เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น “อย่ามาโกหกผม คุณรู้ได้ยังไงว่านั่นไม่ใช่น้ำกรด”
น้ำเสียงเรียบเรื่อยทว่ากลับทิ้งความรู้สึกคล้ายถูกข่มขู่ไว้ให้ผู้ฟัง ได้ยินแล้วกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูก บางทีอาจเพราะเหตุนี้ ฝ่ายตรงข้ามถึงได้พ่ายแพ้ให้กับเขาในชั้นศาลทุกครั้งไป
เธอมองนิ้วของเขาที่ขยับเคาะแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “คือ…จริงๆ ฉันรู้ว่ากรดกำมะถันมันไม่มีสีแล้วก็มีผิวสัมผัสเหมือนน้ำมัน สิ่งที่เขาเอามามันไม่ได้มีลักษณะแบบนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นน้ำเปล่ามากกว่าน่ะค่ะ”
“แค่นั้นเหรอ” โม่หันเค้นถาม
“ปกติแล้วกรดกำมะถันเข้มข้นไม่ค่อยถูกนำมาใช้เท่าไหร่ พอเป็นแบบนั้นละอองของมันจะมารวมกันที่ปากขวด ส่วนขวดที่เขาถือแค่มองดูก็รู้แล้วว่าผ่านการใช้งานมาแล้วหลายครั้งแล้ว บางทีเขาอาจจะบังเอิญหยิบมาผิดขวดตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะ”
“คุณรู้ทั้งหมดนี้ได้ยังไง”
เธอส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…ฉันบอกคุณไปแล้วไง…ว่าฉันจำอะไรไม่ได้ มีหลายอย่างที่ฉันก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน”
โม่หันเงียบลง เขาพิงตัวกับเก้าอี้ ก่อนจะครุ่นคิดระหว่างที่เคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะ บรรยากาศในห้องราวกับเหตุการณ์ที่ราชสีห์ที่กำลังจะกระโจนเข้าหาเหยื่อ ยากเกินกว่าจะทำเป็นไม่สนใจได้ ความตึงเครียดในห้องยังคงดำเนินต่อไปและมันก็เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาที่ขยับในทุกวินาที
“ทนายโม่ครับ ช่วยมาดูทางนี้หน่อยครับ มีคดีที่เกี่ยวข้องกับเมือง W รอให้คุณจัดการอยู่”
หลิวจื้อหย่วนเปิดประตูเข้ามาแล้วพูดกับเขาอย่างร้อนรน
โม่หันเดินไปทางประตูก่อนบอกกับหลิวจื้อหย่วน “ไปส่งเธอที่สถานีตำรวจ เธอความจำเสื่อม ลองสืบดูว่าเราจะรู้ว่าเธอเป็นใครได้จากที่ไหนบ้าง เดี๋ยวผมจะตามไปหลังจากจัดการงานทางนี้เสร็จแล้ว”
หลิวจื้อหย่วนทำตามที่เจ้านายของเขาสั่ง เขาผายมือเชิญให้เด็กสาวออกไปกับเขา เธอมีท่าทีลังเลอยู่นานและเอาแต่เหลือบมองไปทางโม่หัน ดูเหมือนเธอจะไม่อยากไปจากที่นี้แต่ท้ายที่สุดเธอก็เดินตาม
หลิวจื้อหย่วนออกไป