มู่นวลนวลมองในห้องห้องของเขาแล้วรู้สึกมีความอยากรู้อยากเห็นมาก
ที่มุมโต๊ะหนังสือเธอเห็นรูปผู้หญิงและเด็ก
รูปนี้ถ่ายในช่วงฤดูร้อน เด็กผู้ชายในรูปหน้าตาน่ารัก สวมชุดนักเรียนกับกางเกงขาสั้นแขนสั้น มองกล้องด้วยรอยยิ้มที่สดใสมาก
และผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขารูปร่างสมส่วนสวมชุดเดรสสีขาว ยิ้มอย่างอ่อนโยนและมีความสุขุมเล็กน้อย
“แม่ของฉัน”
เสียงแหบๆของโม่ถิงเซียวดังมาจากด้านหลัง
หลังจากนั้นเขาก็เอาแขนมาโอบเอวของเธอ หน้าอกที่บึกบึนและอบอุ่นของเขาแนบชิดกับหลังของเธอ เธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายความเยือกเย็นบนร่างกายของเขา
มือที่ว่างเปล่าของเขายื่นไปสัมผัสผู้หญิงที่อยู่ในรูป และค่อยๆอธิบายที่มาของรูปนี้ให้เธอฟัง
“ในวันเด็กปีนั้น เธอไปโรงเรียนของฉันเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมพ่อแม่ลูก หลังจากนั้นก็ถ่ายรูปรูปนี้”
มู่นวลนวลหันกลับไปมองเขา และจ้องมองเด็กผู้ชายในรูปอีกครั้ง
เด็กน้อยในรูปยิ้มอย่างสดใสโดยไม่มีร่องรอยของความทุกข์ มันยากที่จะจินตนาการว่าสิบกว่าปีต่อมาโม่ถิงเซียวจะเป็นเหมือนในตอนนี้
เขาหน้าตาหล่อเหลาและฉลาด แต่เข้าเก็บความทุกข์ที่คนธรรมดาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ และอารมณ์ของเขาก็ไม่คงที่ เมื่อใดก็ตามที่เขาพบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแม่ของเขา เขาจะกลายเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและไร้เหตุผล
ถ้าเป็นไปได้ ทุกคนก็อยากอยู่อย่างมีความสุข
แต่โม่ถิงเซียวก็ถูกบังคับให้กลายเป็นแบบนี้
จิตใจมนุษย์จะเลวร้ายได้แค่ไหนกัน?
มู่นวลนวลก็ยากที่จะจินตนาการ ซึ่งตอนนั้นโม่ถิงเซียวอายุเพียงสิบเอ็ดขวบ เขาเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา เธอถูกดูถูกเหยียดหยามต่อหน้าต่อตาเพื่อที่จะช่วยเขาไว้
มันยิ่งยากที่จะจินตนาการว่าต่อมาเขาต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการที่จะเดินออกมา
ถึงแม้ว่านิสัยของโม่ถิงเซียวจะยากที่จะคาดเดา และไม่ใช่คนที่ใจดีอะไร แต่มู่นวลนวลรู้ว่าเขาจะไม่กลายเป็นเหมือนกับคนที่ทำร้ายและดูถูกเหยียดหยามแม่ของเขาในปีนั้น
ถ้าหากว่าในปีนั้นคดีของแม่เขาเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลโม่จริงๆ……
มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
โม่ถิงเซียวรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในอ้อมแขน จึงถามเธอว่า:“เครื่องทำความร้อนต่ำเกินไปหรอ?หนาว?”
“เปล่า” มู่นวลนวลส่ายหัว เพราะเรื่องของโม่ถิงเซียว ทำให้เธอรู้สึหดหู่:“ตระกูลโม่ของพวกคุณมีกี่คน?”
แม้ว่าวันนี้ที่เธอกับโม่ถิงเซียวเข้ามาแล้วเห็นเพียงคนรับใช้กับบอดี้การ์ด รวมถึงเจ้าสัวโม่กับโม่ชิงเฟิง แต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ น่าจะมีคนอื่นอาศัยอยู่อีก
โม่ถิงเซียวส่ายหัว:“ไม่รู้ นับไม่ถ้วน มีทั้งคนที่อยู่ที่บ้านเก่า คนที่ไปอยู่ที่อื่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ……เยอะแยะมากมาย”
โม่ถิงเซียวลดสายตาลง มองไปที่สีหน้าที่เคร่งขรึมของเธอ และเปลี่ยนเรื่องอย่างสงบเยือกเย็น:“คุณปู่ให้ซองอั่งเปาคุณ ไม่เปิดดูหรอ?”
แน่นอนว่ามู่นวลนวลหันมาสนใจเขาทันที เธอหยิบซองอั่งเปาออกมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช็ค”
โม่ถิงเซียวยิ้มตาม:“คุณปู่เป็นคนใจกว้าง”
เขาหมายถึงว่าการให้เช็คไม่ถือว่าใจกว้าง?
มู่นวลนวลไม่เข้าใจโลกของคนรวย
คนรวยในละครทีวีไม่ใช่ชอบเซ็นเช็คให้หรอ?
“ลองเปิดดูสิ” โม่ถิงเซียวดึงเธอไปนั่งลงที่เตียง และจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อึมครึม
มู่นวลนวลเปิดซองอั่งเปา และดึงบัตรใบบางๆออกมา
มองแค่แวบเดียวดวงตาของมู่นวลนวลก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
เธอรู้จักบัตรใบนี้ นี่เป็นบัตรสีดำที่เคยทำให้มู่หวันฉีกับเซินชูฮันตกตะลึง!
ไม่รอให้เธอพูด โม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้วและพูดว่า:“นี่สิถึงจะเป็นความจริงใจของคุณปู่”
“ว่ากันว่านี่เป็นบัตรสีดำรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นระดับโลกของโม่กรุ๊ป?” หลังจากที่มู่นวลนวลถูกมู่หวันฉีหลอกก่อนหน้านี้ เธอก็ไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่ถูกต้อง
“มีเพียงคนของตระกูลโม่เท่านั้นที่มี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมี” โม่ถิงเซียวหยิบบัตรสีดำขึ้นมาดู แล้วพบว่ามันเป็นบัตรที่เพิ่งทำใหม่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
ดูเหมือนว่าคุณปู่จะเตรียมของขวัญที่จะให้เมื่อพบกันครั้งแรกไว้แล้ว ดูท่าเขาคงทำความรู้จักกับมู่นวลนวลแล้ว
มู่นวลนวลถามกลับ:“แล้วข้างในนี้มีเงินเท่าไหร่?”
โม่ถิงเซียวตอบอย่างสบายๆว่า:“ไม่รู้สิ”
“ไม่รู้หมายความว่ายังไง?”
“ฉันใช้บัตรนี้รูดมาตั้งแต่เด็ก ซื้อรถซื้อคฤหาสน์ และก่อตั้งบริษัท แต่ฉันก็ยังใช้ไม่หมด”
มู่นวลนวล:“……”
……
มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวพักอยู่ที่บ้านเก่าของตระกูลโม่หนึ่งคืน
เช้าวันต่อมา มู่นวลนวลตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นโม่ถิงเซียวอยู่ข้างๆแล้ว
มู่นวลนวลเดาว่าเขาน่าจะไปหาเจ้าสัวโม่
ห้องของโม่ถิงเซียวอยู่ไม่ใกล้กับที่พีกของเจ้าสัวโม่ มู่นวลนวลล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินมาหาเขาที่ชั้นล่าง
เธอเดินมาได้ครึ่งทางก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินมา
มู่นวลนวลเห็นไกลไกลว่าผู้หญิงคนนั้นเดินตรงมาทางเธอ เธอหันข้างให้ผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไป แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีแววตาราวกับว่าไม่เห็นมู่นวลนวล และไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกทางให้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั้งชนเข้ากับไหล่ของมู่นวลนวล
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอเย็นชา และมองไปที่มู่นวลนวลด้วยความรังเกียจ:“เธอเป็นคนใช้ที่มาใหม่ใช่ไหม?ไม่รู้กฎของตระกูลโม่หรอ?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหน้าตาสะสวยและแต่งตัวดี มองดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลโม่
มู่นวลนวลตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา:“ตระกูลโม่มีกฎอะไรฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าเธอชนฉันก่อน”
ตระกูลโม่ไม่มีคนรับใช้ที่กระด้างกระเดื่องอย่างนี้
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินที่มู่นวลนวลพูดก็เงยหน้าขึ้นมอง
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นมองมู่นวลนวล ในแววตาของเธอก็มีความประหลาดใจ ตอนที่เธอเดินมาไม่ได้สังเกตว่ามู่นวลนวลหน้าตาสวยมากขนาดนี้
และมู่นวลนวลมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอก็รู้สึกว่าคุ้นเคย
เธอคิดๆดูแล้วก็นึกออกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังโด่งดังมากในตอนนี้ เธอคือโม่เอินหยา เป็นพิธีการรายการวาไรตี้
โม่เอินหยาจู่ๆก็โด่งดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ข่าวคราวก็ไม่มีใดๆ บนโซเซียลมีการคาดเดาเบื้องหลังของเธอว่าเป็นคนของตระกูลโม่ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
“ไม่ใช่คนรับใช้ในบ้านหรา แล้วทำไมมาเดินเพ่นพ่าน เป็นแขกก็ควรตระหนักถึงสิ่งที่แขกควรมี อย่าคิดว่าถูกพามาที่บ้านตระกูลโม่แล้ว จะสามารถปีนขึ้นไปบนปลายกิ่งไม้ได้เหมือนหงส์” โม่เอินหยามองด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วก็หันเดินจากไป
ตระกูลโม่มีผู้ชายหลายคน บางครั้งพวกเขาก็จะพาผู้หญิงกลับไปพักค้างคืน โม่เอินหยาจะคิดว่ามู่นวลนวลเป็นผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่แปลก
มู่นวลนวลฟังความหมายของเธอออก
เธอกลอกตาและพบว่าไม่ใช่ทุกคนในตระกูลโม่ที่จะฉลาดเหมือนโม่ถิงเซียว ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่เข้าใจความจริง และเข้าใจว่าความคิดของตนเองถูกต้อง
โม่ถิงเซียวออกมาจากสวนหลังบ้าน และกำลังจะไปเรียกมู่นวลนวลมาทานอาหาร แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหา
เมื่อเห็นว่าสีหน้าจองเธอไม่ค่อยดีนัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:“เป็นอะไร?”
“เปล่า” มู่นวลนวลยักไหล่
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปทางอื่น เมื่อตะกี้โม่เอินหยาไปหาคุณปู่ ตอนที่เธอออกมาน่าจะเจอกับมู่นวลนวล