“เซี่ยเฟิง ข้าได้ยินมาว่า เจ้าได้เก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณที่ล้ำค่ามา ไม่ทราบว่าเจ้าจะช่วยส่งมันมาให้ข้าได้หรือไม่”
ชายหัวโล้นที่มีร่างกายกำยำเเละสวมใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ได้เดินเข้ามาปรากฏตัวที่ด้านหน้าของพวกเขาทั้งสาม
“ซวนเหล่ย…?”
เมื่อจ้องมองไปที่อีกฝ่าย ใบหน้าของ พี่น้องเเซ่เซี่ย ได้เปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะหญิงสาวทั้งสองคน เซี่ยหยวน เเละ เซี่ยหลิน ร่างกายของพวกเธอสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาทั้งสามคนไม่คิดเลยว่าการเดินทางขึ้นภูเขาหิมะคราวนี้จะต้องเผชิญหน้ากับชีวิตเเละความตาย
“มอบถุงจักรวาลของเจ้ามาซะบางทีข้าอาจจะอารมณ์ดีเเละช่วยอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับพวกเจ้า”จ้องมองไปที่ ร่างของ เซี่ยหยวน เเละ เซี่ยหลิน ซวนเหล่ย ได้พูดออกมาอย่างเผยเจตนาบางอย่าง
“ซวนเหล่ย อย่าให้มันมากเกินไป”
เเม้ว่าความเเข็งเเกร่งของ ซวนเหล่ย จะเเข็งเเกร่งกว่าพวกเขา เเต่เซี่ยเฟิงก็รู้ว่าถ้าเขาทุ่มกำลังจัดการอีกฝ่ายอาจจะพอทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บได้
“อะไรเห็นหน้าข้าเเละมันทำให้เจ้าโกรธมากเลยงั้นเหรอ ? ข้าละอดใจไม่ได้เเละอยากจะชื่นชมร่างกายของน้องสาวทั้งสองของเจ้าจริง ๆ “ซวนเหล่ย กล่าวพูดออกมาอย่าง เย่อหยิ่ง
“เจ้า ! ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรพวกเรา ท่านพ่อของข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อล้านเเค้นให้กับพวกเรา”เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายจากอีกฝ่าย เซี่ยหยวน ได้เผยสีหน้าซีดขาวเเละพูดออกมาอย่างติดอ่าง
“ไม่ต้องห่วง ทันทีที่ข้าเล่นกับร่างกายของเจ้าจนสนุกมากพอเเล้ว ข้าจะช่วยฆ่าเจ้า อีกอย่าง ใครจะเป็นพยานว่าพวกเจ้าตายในเงื้อมมือของข้ากัน?”มุมปากของ ซวนเหล่ย เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา ราวกับว่า ชีวิตของทั้งสามคนตกอยู่ในมือของเขา
“ไม่ต้องห่วง พวกเจ้าสองคนจะได้สัมผัสกับรสชาติอันหอมหวานก่อนที่จะตาย บางทีในชีวิตหน้าพวกเจ้าอาจจะไม่หลงลืมความสุขนี้ก็ได้”
ซวนเหล่ยจ้องมองไปที่หญิงสาวทั้งสองเเละหัวเราะออกมา
“น่าหัวร่อจริง ๆ “
ขณะที่ ซวนเหล่ย กำลังหัวเราะ จู่ ๆ เสียงที่น่าเหยียดยามก็ดังทะลุเข้าไปในหูของเขา มันเป็นเสียงของ เย่เฉินเฟิง
“ใคร?”
เเม้ว่า ซวนเหล่ย จะเเปลกใจว่าอีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร เเต่เมื่อรับรู้ถึงความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ที่เป็นเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 6 สีหน้าของ ซวนเหล่ย ก็เผยสายตาเหยียดยามออกมา
“น้องชายเย่ เจ้ารีบหนีไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า…”
เซี่ยเฟิง ที่เห็น เย่เฉินเฟิง ปรากฏตัวออกมา เขาก็ได้รีบกล่าวเตือนอีกฝ่ายให้รีบหนีไป
“หืม?”
เย่เฉินเฟิงมองสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายอย่างละเอียด
วินาทีต่อมาปราฯดาบที่น่าตกใจก็ได้ตัดผ่านทุ่งหิมะนี้พุ่งเข้าใส่ ซวนเหล่ย ที่อยู่ไม่ไกล
“ฟวั่บ!”
ซวนเหล่ย ที่ประมาท ได้ถูกปราณดาบเฉือดเฉือนจนปรากฏบาดเเผลลึกจนเห็นกระดูก เขาสูญเสียเลือดจำนวนมากเเละไม่อาจควบคุมจนล้มลงกับพื้นได้
ถ้าไม่ใช่เพราะว่า เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายก่อนหน้านี้เเละเรียกใช้เกราะจิตอสูรเพื่อป้องกัน ปราณดาบของ เย่เฉินเฟิง ก็เพียงพอเเล้วที่จะตัดร่างของเขา
“เเม้ว่าซวนเหล่ย จะเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 3 เเต่เขาอ่อนเเอกว่า เสิ่นถู๋ซือหมิง มาก”
เพียงเเค่การโจมตีหนึ่งครั้งกลับสามารถทำร้าย ซวนเหล่ย ได้ เย่เฉินเฟิง ได้รับรู้ถึงความเเข็งเเกร่งที่เเท้จริงของอีกฝ่าย
“อะไร…”
พี่น้องเเซ่เซี่ย ทั้งสามคน ที่เห็น เย่เฉินเฟิง โจมตีอีกฝ่ายได้ พวกเขาได้ตกตะลึงโดยสมบูรณ์
“มารดามันเถอะ เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
ซวนเหล่ย ไม่กล้ายอมรับความจริงที่ว่าเขาถูกโจมตี โดยเย่เฉินเฟิง ที่เป็นเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 6 เขาคำรามออกมาอย่างรุนเเรงจากนั้น จิตอสูรพยัคฆ์ทมิฬก็ปรากฏออกมาก่อนที่จะผสานเข้ากับร่างกายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
“ดาบฟันฉลาม!”
ดาบฟันฉลามได้ปรากฏขึ้นในมือของ ซวนเหล่ย ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างดุเดือด
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือ ฆ่า เย่เฉินเฟิง เพื่อลบล้างความอัปยศของเขา
“พวกท่านหลบไปก่อน ข้าจะจัดการเขาเอง”
เย่เฉินเฟิง ได้ตะโกนใส่ พี่น้องเเซ่เซี่ย ทั้งสามคน
“พวกเราจะช่วยเจ้าจัดการกับเขา”เซี่ยเฟิง ได้หยิบดาบภูเขาที่ทรงพลังของเขาออกมา เเละ เตรียมช่วย เย่เฉินเฟิง จัดการกับ ซวนเหล่ย
“ไม่จำเป็น ด้วยกำลังของข้าคนเดียวก็เพียงพอเเล้ว หากพวกท่านยังรั้งอยู่ที่นี่จะเป็นตัวเกะกะข้าเปล่า ๆ “
“ก็ได้,พวกเราจะเชื่อเจ้า เราจะหลบหนีออกจากที่นี่ทันที”
“เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
เซี่ยเฟิง ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ตัวตนของอีกฝ่ายได้เหนือการหยั่งรู้ของเขา เขาได้กัดฟันเเละ พาน้องสาวทั้งสองคนหลบหนีไป
“พวกเจ้าคิดจะไปไหนกัน”
ซวนเหล่ย ที่เห็นทั้งสามคนหลบหนี เขาได้โบกตวัดดาบฟันฉลามในมืออย่างรุนเเรงเพื่อสกัดกั้นทั้งสามคน
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
เห็น ซวนเหล่ย เคลื่อนไหว เย่เฉินเฟิง ได้ปรากฏที่เบื้องหน้าของเขา เเละ ใช้ปราณดาบของเขาต้านทานการโจมตีของอีกฝ่าย
“ในเมื่อเจ้ากำลังมองหาที่ตายข้าจะช่วยสงค์เคราะห์ให้”
ซวนเหล่ย กรีดร้องออกมาอย่างรุนเเรง ดาบฟันฉลามในมือของเขาได้ฟาดออกไปที่เบื้องหน้าของ เย่เฉินเฟิง เพื่อหวังจะฟันเขาออกเป็นสองท่อน
“ระเบิดพละกำลัง 70,000 จิน”
เย่เฉินเฟิง ที่เห็นดาบฟันฉลามของ ซวนเหล่ย ที่โจมตีเข้ามา เขาไม่ได้หลบ เขาได้หยิบดาบหักออกมาเเละถ่ายเทพละกำลังของตนเองเเละฟาดฟันออกไป
เมื่ออาวุธวิญญาณทั้งสองเข้าปะทะกัน ประกายเพลิงเล็ก ๆ ก็ถูกจุดขึ้น พื้นหิมะ โดยรอบได้ปลิวไปจากคลื่นเเรงกระเเทกของอาวุธวิญญาณทั้งสอง
“เป็นไปไม่ได้ มันจะมีความเเข็งเเกร่งเช่นนี้ได้ยังไง”
เมื่อสัมผัสได้ถึงเเรงสั่นสะทเอนที่ถูกส่งผ่านจากดาบฟันฉลามมาถึงเเขนของเขา ซวนเหล่ย รู้สึกชาที่เเขน ราวกับว่ากระดูกของเขากำลังเเตกหัก
“เป็นการโจมตีที่ดี”
กลับกัน เย่เฉินเฟิง ได้กล่าวชมอีกฝ่าย ดูเหมือนพละกำลังทางกายของ ซวนเหล่ย จะเเข็งเเกร่งมาก มันสามารถป้องกันพละกำลังที่เเข็งเเกร่งของเขาอีกทั้งยังบังคับให้เขาต้องบาดเจ็บอวัยวะภายในเล็กน้อย จนโลหิตได้ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“ทักษะร่างเเปลงเงา”
เมื่อรับรู้ถึงการโจมตีที่น่ากลัวของ ซวนเหล่ย เย่เฉินเฟิง ได้ใช้ความเร็วของเขา เคลื่อนไหวหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายที่พุ่งปะทะเข้ามา
“สารเลวน้อยนี่ มันเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”
ซวนเหล่ย ไม่สามารถโจมตีถูก เย่เฉินเฟิง ได้เลย อีกทั้งเขายังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายอีก ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ไปหาเรื่องพี่น้องเเซ่เซี่ย เมื่อครู่
“น้องชายได้โปรดไว้ชีวิตสุนัขใกล้ตายเช่นข้าเถอะ”ซวนเหล่ย ได้กล่าวพูดออกมา หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง
“เสียใจด้วยข้าไม่ต้องการไว้ชีวิตสุนัขไร้ค่าไว้ดูเล่น”
เย่เฉินเฟิง ได้เดินเข้าหาร่างของอีกฝ่าย พร้อมกับถ่ายเทพลังวิญญาณจากไข่โลหิตจำนวนมากลงในดาบหัก เขาได้ซัดการโจมตีออกไป
ซวนเหล่ย ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะน่ากลัวเพียงนี้ เห็นการโจมตีที่พุ่งเข้ามาเขาเร่งปกป้องตัวเองทันที
อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ของ เย่เฉินเฟิง ได้เหนือเกินจินตนาการของเขา มันได้ฟาดดาบฟันฉลามของเขาจนกระเด็นหลุดลอยเเละผ่าร่างของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย
“ทักษะกลืนวิญญาณ,กลืนกิน”
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ใช้มือของเขาจับไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย เเละใช้ทักษะกลืนวิญญาณของเขาในการดูดกลืนจิตอสูรของ ซวนเหล่ย หลังจากเสร็จเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็เอาดาบฟันฉลามพร้อมกับถุงจักรวาลของอีกฝ่ายหลบหนีหายไปจากที่นี่