“อาวุโสหยูข้าสงสัยว่าท่านพอจะให้ข้ายืมผลึกวิญญาณระดับต่ำ 500 ก้อนได้หรือไม่?”เสิ่นถู๋เสวี่ย เหลือบมองไปที่ อาวุโสหยู ที่มีใบหน้าซีดเผือก
“เสิ่นถู๋เสวี่ย เจ้าต้องการผลึกวิญญาณจำนวนมากไปเพื่ออะไร?”เผชิญหน้ากับความเศร้าโศกอาวุโสหยูเปล่งเสียดัง
เเม้ว่าเขาจะเป็นถึงอาวุโสของนิกายเพลิงผลาญฟ้าเเต่เขาก็ได้รับผลึกวิญญาณในเเต่ละเดือนที่ค่อนข้างจำกัด เเละ ผลึกวิญญาณระดับต่ำ 500 ก้อน ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อย ๆ หากเขาสูญเสียไปในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้จะทำให้เขาลำบากในทันที
“เสิ่นถู๋เสวี่ย ความอดทนของข้ามีจำกัด ถ้าเจ้าไม่ทำตามเงื่อนไขตามที่ตกลงกันเอาไว้อย่าโทษข้าว่าข้าไม่ได้ให้โอกาสเจ้า”เย่เฉินเฟิง พูดอย่างเฉยเมย เมื่อเขาจ้องมองไปที่ เสิ่นถู๋เสวี่ย ที่มีสีหน้าเหมือนสีเลือดหมู
“ให้เวลาข้าหนึ่งชั่วโมงข้าจะกลับไปที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าเพื่อขอยืม”เสิ่นถู๋เสวี่ย กัดฟันเเน่นเเละตอบกลับ
“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งชั่วโมงถ้าเจ้าไม่รีบกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ข้าก็จะไม่รีรออีกต่อไป”เย่เฉินเฟิง กล่าวเตือนอย่างเย็นชา
“ข้าจะรีบกลับมาเเน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ เสิ่นถู๋เสวี่ย ได้รีบหันหน้ากลับเเละพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“อาวุโสหยู ท่านคงไม่ลืม โอสถเก้าวิญญาณสองเม็ดตามที่สัญญากันไว้ใช่หรือไม่?”ขณะที่เขาจ้องมองเสิ่นถู๋ จากไป เย่เฉินเฟิง ก็เผยให้เห็นถึงความเย็นชา เเละ จ้องมองไปที่ การเเสดงออกของ อาวุโสหยู
“เเน่นอน ข้าไม่กลับคำอยู่เเล้ว!”
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน อาวุโสหยูไม่สามารถเเสดงท่าทีกิริยาไม่เหมาะสมได้ พรสวรรค์ของ เย่เฉินเฟิง ทำให้เขารู้สึกกลัวเเละทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดเเละยื่นสองโอสถเก้าวิญญาณสองเม็ดให้เเก่เย่เฉินเฟิง
เย่เฉินเฟิงได้รับกล่องหยกมาเเละเปิดออกภายในบรรจุโอสถเก้าวิญญาณเอาไว้ เพียงเเค่สูดดมก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรที่เเพร่กระจายรุนเเรงออกมา โอสถสีขาวสองเม็ดนี้ ทำให้จิตวิญญาณของ เย่เฉินเฟิง รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“ตามที่คาดไว้โอสถระดับเก้าเพียงเเค่กลิ่นหอมของมันก็เพียงพอที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณของข้าเเล้ว ถ้าข้าปรับเเต่งมันเสร็จอย่างน้อยการบ่มเพาะพลังของข้าน่าจะเพิ่มขึ้น 1 ขั้น”เย่เฉินเฟิงดีใจอย่างมาก เขาจ้องมองไปที่ การเเสดงออกที่บูดบึ้งของอาวุโสอยูเเละพูดว่า”ขอบคุณท่านมากอาวุโสหยูสำหรับโอสถเหล่านี้”
“พี่หลิว ชายชราคนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องจัดการที่นี่เเล้วเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
อาวุโสหยูเลือกที่จะจากไปด้วยความโกรธหากเขายังอยู่ที่นี่เขากลัวว่าเย่เฉินเฟิงอาจจะทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาสะบัดเเละเเละจากไปในทันที
“เย่เฉินเฟิง เจ้าคือผู้ที่ทำได้ดีที่สุดในการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าในปีนี้ โอสถเก้าวิญญาณ เม็ดนี้ สมควรเป็นของเจ้าเเล้ว”หลังจากอาวุโสหยูจากไป อาวุโสหลิว ก็เริ่มเเจกจ่ายของรางวัล จากนั้นก็มอบโอสถเก้าวิญญาณให้กับ เย่เฉินเฟิง อีกหนึ่งเม็ด
“ชางกวนเป็ง,เสิ่นถู๋เย่ พวกเจ้าได้สร้างผลงานโดดเด่นเป็นอันดับ สอง เเละ สาม สำหรับการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าปีนี้ นี่คือรางวัลของพวกเจ้า โอสถวิญญาณปฐพี เเละ โอสถเพลิงหยกขาว”
หลังจากให้รางวัล เย่เฉินเฟิงเเล้ว อาวุโสหลิว ก็ให้รางวัลกับ ชางกวนเป็ง เเละ เสิ่นถู๋เย่ ตามลำดับ
“ชางกวนเป็ง,เสิ่นถู๋เย่ รางวัลในมือพวกเจ้าสมควรเป็นของข้าถูกต้องหรือไม่?”ขณะที่ ชางกวนเป็ง เเละ เสิ่นถู๋เย่ ที่เพิ่งได้รับของรางวัลมาไม่ทันได้จับจนอุ่นมือ เสียงของ เย่เฉินเฟิง ก็ดังขึ้นข้างหูของพวกเขา
“เอาไป!”
เเม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจส่งมอบโอสถระดับ 8 ทั้งสองนี้ให้กับ เย่เฉินเฟิง เเต่การพนันก่อนหน้านี้นั้นอาวุโสหลิวก็เป็นพยานพวกเขาไม่กล้าฝ่าฝืนกฏ
โอสถเก้าวิญญาณ 3 เม็ด,เเละโอสถระดับ 8 อีกสองเม็ด การเก็บเกี่ยวระดับนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เเห่งนี้ต่างรู้สึกอิจฉาจนถึงที่สุด
“เย่เฉินเฟิงเปลี่ยนไปเเล้วจริง ๆ “
จี้ฉิงเสวี่ย จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่ยืนอย่างภาคภูมิใจ ตอนนี้ ตัวตนของ เย่เฉินเฟิง ไม่ใช่ตัวตนที่ เธอเคยรู้จักอีกเเล้ว
“เฟิงเสี่ยวเซียว,จี้ฉิงเสวี่ย เสิ่นถู๋ปิง พวกเจ้าทำได้ดีเป็นอันดับ สี่ถึงหกนี่คือของรางวัลของพวกเจ้า”
หลังจาก ประกาศรางวัลสามอันดับเเรกเเล้ว อาวุโสหลิว ก็ยังมอบของรางวัลให้กับ จี้ฉิงเสวี่ย เเละ อีกสองคนที่เหลือ
“เอาล่ะตอนนี้ข้าขอประกาศว่าพวกเจ้าทั้งหกคนได้กลายเป็นศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างเป็นทางการ”อาวุโสหลิว กล่าวประกาศ
ได้ยินคำพูดของอาวุโสหลิว จี้ฉิงเสวี่ย รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในขณะที่ เสิ่นถู๋ปิง นั้นกลับสั่นด้วยความหวาดกลัวเธอรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ไปยั่วยุ เย่เฉินเฟิง
เวลาผ่านไปหลายนาทีจากนั้นก็ผ่านไปจนครบหนึ่งชั่วโมง เสิ่นถู๋เสวี่ย ที่มีสีหน้าหม่นหมองได้กลับมาในที่สุด
“เย่เฉินเฟิง ข้าได้นำทุกสิ่งที่เจ้าขอก่อนหน้านี้มาหมดเเล้ว อย่างไรก็ตามข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาเเละให้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้มันจบลงที่นี่อย่าได้เก็บมันมาคิดอีก”เสิ่นถู๋เสวี่ย กล่าวอย่างเย็นชา
เย่เฉินเฟิงไม่คิดเลยว่า เสิ่นถู๋เสวี่ย จะสามารถรวบรวมของที่เขาขอไปก่อนหน้านี้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง อาจกล่าวได้ว่าภายในไม่กี่ปีต่อจากนี้ เขาจะต้องทำงานหนักเพื่อชดใช้คนอื่น
“ดี ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะให้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จบลงที่นี่เเละไม่ขุดคุ้ยขึ้นมาอีกหากในอนาคตคตใครยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดขอให้ทันฑ์สวรรค์ผ่ามันตายอย่างน่ากลัว”เย่เฉินเฟิงพยักหน้าเเละกล่าวสาบาน
“เช่นนั้นเจ้าจะช่วยมอบศิลาบันทึกให้ข้าได้หรือไม่?”
ได้ยินเย่เฉินเฟิงกล่าวสาบานความเย็นชาบนใบหน้าของ เสิ่นถู๋เสวี่ย ค่อย ๆ จางลง เขาได้โยนถุงจักรวาลในมือของเขาไปให้กับ เย่เฉินเฟิง เพื่อที่จะขอเเลกกับศิลาบันทึก
“โอ้วจริงสิ เสิ่นถู๋เสวี่ย ก่อนที่ข้าจะจากไปข้าคงต้องบอกอะไรให้เจ้าฟังสักอย่าง”เย่เฉินเฟิงรับถุงจักรวาลมาเเละพูดกล่าวกับ เสิ่นถู๋เสวี่ย”จริง ๆ เเล้วข้าหลอกเจ้า ข้าไม่ได้ใช้ศิลาบันทึกเพื่อถ่ายภาพเจ้าขณะที่พวกเจ้าได้ลงมือฆ่า เหวิ่นเฟยหง หรอก”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
เช่นเดียวกับที่ เย่เฉินเฟิง พูดจบ เสิ่นถู๋เสวี่ย เเละ การเเสดงออกของอีกสองคนที่เหลือกลายเป็นเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะ เสิ่นถู๋เสวี่ย เขาได้รับเอาศิลาบันทึกที่เย่เฉินเฟิงโยนมาให้เเละตรวจสอบข้อมูลภายในนั้น
“ข้าล่ะเชื่อว่าพวกเจ้านั้นโง่จริง ๆ ในสถานการณ์ตอนนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะมีเวลามากพอจะใช้ศิลาบันทึกอย่างงั้นเหรอ?”เย่เฉินเฟิง พูดออกมาขณะที่จ้องมองไปที่ใบหน้าที่โกรธเคืองของทั้งสาม
“เย่เฉินเฟิง เจ้ากล้าหลอกข้า…”
เสิ่นถู๋เสวี่ย เมื่อรู้สึกว่าตนเองถูกหลอก เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ความโกรธในใจของเขาได้ เขาได้คำรามใส่ เย่เฉินเฟิงทันที
สำหรับ ชางกวนเป็ง เเละ เสิ่นถู๋เย่ พวกเขาถูกผลักไสด้วยความจริงทำให้เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ ต้องการสับเขาออกเป็นพัน ๆ ชิ้น
“เรื่องมันก็ผ่านไปเเล้ว พวกเจ้าโกรธไปก็ไม่ได้อะไรจริงมั้ย?”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสามคนเเละเผยรอยยิ้มออกมา
“เจ้า…”
เมื่อนึกถึงราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับสิ่งนี้ทำให้ ความรู้สึกละอายที่ไม่อาจต้านทานได้เเพร่กระจายไปทั่วหัวใจของ เสิ่นถู๋เสวี่ย เขารู้สึกราวกับว่าได้รับความอัปยศแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอนนี้เขาเเทบจะกลายเป็นบ้าคลั่งเพราะสูญเสียเหตุผลของตัวเอง
“อั๊ก…”
เพราะความโกรธของเขาพุ่งทะลุจนถึงขีดสุดทำให้ เสิ่นถู๋เสวี่ย รู้สึกได้ถึงความหวานในลำคอ โลหิตของเขาเเทบจะพ่นออกมาจากปาก
เสิ่นถู๋เสวี่ยไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงที่ว่าเขาถูก เย่เฉินเฟิงหลอก เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง จนเส้นเลือดปูดขึ้นที่ใบหน้า