“เอาล่ะ เด็กดีไปเล่นคนเดียวเถอะ น้ายังมีธุระอยู่”
ซูย้าวพูดหนึ่งประโยค จากนั้นก็ลุกเดินตรงไปด้านนอกทันที
แต่พึ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกซีซีวิ่งเข้ามาหยุดไว้อีกครั้ง เด็กน้อยเงยหน้าไร้เดียงสาเล็กๆ ขึ้น มองไปที่เธอด้วยความน้อยใจและเก้อเขิน กะพริบตาสวยใสกลมโต “แม่คะแม่ อยู่เป็นเพื่อนหนูไม่ได้เหรอ…..”
อันที่จริง ซีซีอยากให้เธอช่วยแก้ชุดราตรีให้หน่อย เพราะที่ลี่เฉินซีทำไว้ มันช่าง……
แต่ซูย้าวเองก็ไม่ได้ล้อเล่น เธอกำลังรีบอยู่จริงๆ
เธอมองดูเวลาบนนาฬิกา พร้อมกับก้มศีรษะมองเด็กน้อย “ไม่ได้เหรอก น้ายังมีธุระต้องไปทำนะ! เอางี้ เด็กดี หนูเล่นคนเดียวไปก่อน ดีไหม?”
ซีซียังอยากพูดอะไรต่อ แต่ซูย้าวไม่ให้โอกาสแล้ว เดินตรงผ่านเด็กน้อย ออกจากคฤหาสน์ไป ด้านนอกอาตงสตาร์ทรถรออยู่นานแล้ว พอเธอขึ้นรถ ก็ขับออกไป
เพราะไปด้วยความเร่งรีบ จึงไม่ได้สังเกตด้านหลังประตูคฤหาสน์ ซีซียืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าหดหู่ ก้มศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างอ่อนแรง ถอนหายใจ
พี่เลี้ยงเดินออกมาได้เหมาะเจาะพอดี เอนตัวมองไปที่เธอ “คุณหนูน้อย ไม่พอใจชุดราตรีตรงไหนหรือคะ? ให้ฉันช่วยดูไหม?”
ซีซีมุ่ยปากเล็กๆ ขึ้นมาทันที “ไม่ได้เหรอก คุณครูบอกไว้ ว่าชุดราตรีครั้งนี้ ต้องให้คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยทำ……”
กิจกรรมในครั้งนี้ จากความหมายในอีกแง่หนึ่ง ก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่สะท้อนความเป็นครอบครัวในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นคุณครูจึงย้ำนักย้ำหนา ว่าจะต้องให้ผู้ปกครองกับลูกลงมือทำชุดออกงานด้วยตัวเอง จะเอาชุดสำเร็จรูปจากร้านเครื่องแต่งกายทั่วไปมาใช้ไม่ได้เด็ดขาด
และด้วยเหตุนี้ ลี่เฉินซีที่ยุ่งขนาดนั้น ก็ยังทนต่อคำร้องขอของลูกสาวไม่ได้ ลงมือทำชุดให้ลูกด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดาย….. พี่เลี้ยงเองก็ลนลาน ได้เพียงใช้วิธีต่างๆ นานามาปลอบเด็กน้อย
แต่อีกด้านหนึ่ง ซูย้าวรีบกลับมาที่โรงแรมอย่างเต็มที่ เธอเร่งรีบกลับมา แต่ก็สายไปแล้ว การเปิดงานแถลงข่าว ช้าไปสิบนาทีแล้ว
ภายในห้องโถง ผู้สื่อข่าวต่างๆ รวมตัวกันอยู่ คำพูดแก้ต่างต่างๆ นานา โจมตีอาเจว๋ที่อยู่บนแท่นเวที
ในสถานที่เสียงดังกึกก้อง เสียงวิจารณ์ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อาเจว๋ไม่รู้เลยสักนิดว่าจู่ๆ ซูย้าวจะเปิดงานแถลงข่าวขึ้นอีกครั้ง จะประกาศอะไรกันแน่ แล้วนี่ก็สายแล้ว จึงได้เพียงเลื่อนเวลาออกไปเท่าที่เป็นไปได้
โชคดีที่ในเวลาสำคัญ ซูย้าวก็มาถึงแล้ว เธอเดินตรงฝ่าฝูงคน ตรงไปที่แท่นเวที โดยไม่สนใจแสงวาบไม่รู้จบจากทั้งสองฝั่ง
เธอกวาดตามองทั่วห้องด้วยสายตาเย็นเยือก ค่อยๆ เอ่ยปากท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ทุกท่าน วันนี้เชิญพวกคุณมาที่นี่ เพราะมีเรื่องจะประกาศ”
สิ้นคำพูดนี้ ทุกคนด้านล่างเวทีก็โกลาหลทันที
ไม่รอให้นักข่าวเหล่านั้นเอ่ยถาม ซูย้าวพูดต่อ “เรื่องอุบัติเหตุในเขตพื้นที่ถนนกู่อานก่อนหน้านี้ เรื่องการชดเชยให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากการสอบสวนอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับ Double Aceกรุ๊ปของเรา ดังนั้นฉันขอถอนคำสัญญาก่อนหน้านี้ จะไม่ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น”
ในนาทีนั้น นักข่าวด้านล่างเวที ต่างก็ตะลึงไปตามคำพูดของเธอ หลังจากอึ้งกันไปชั่วครู่แล้ว คำถามและข้อสงสัยมากมายของผู้คน ก็ตามมา
แต่ซูย้าวยังคงไม่ให้เวลาพวกเขาได้เอ่ยถาม เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากทุกท่านหรือครอบครัวผู้เสียหายมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาเจรจากับฉันเป็นการส่วนตัว หากมีใครใส่ร้าย หมิ่นประมาทฉันต่อหน้าสาธารณะ ตลอดจนชื่อเสียงของบริษัท จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย ไม่ยอมความโดยเด็ดขาด!”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจไยดีการสักถามของเหล่านักข่าว หันตัวอย่างสง่า เดินฝ่าฝูงคนอย่างผ่าเผย ออกจากห้องโถงไป
เหลืออาเจว๋กับอาตงไว้ดูแลสถานที่ และทำงานเก็บกวาดที่เหลือ
ครู่ใหญ่ รอทั้งสองทำธุระเสร็จเรีบบร้อย ซูย้าวจิบ Bloody Mary ด้วยท่าทางสบายๆ อยู่ที่บาร์เล็กๆ ชั้นบนแล้ว
อาตงและอาเจว๋เดินเข้าไป โค้งตัวลงอย่างเคารพก่อน จากนั้นถึงพูดขึ้น “คุณผู้หนู ข่าวเมื่อกี้แพร่ออกไปแล้ว เกรงว่าจะส่งผลกระทบ ต่อชื่อเสียงของเราอีกนะครับ……”
ได้ฟังคำนี้ มุมปากของซูย้าวก็ยังโค้งขึ้น ใบหน้ายิ้มแต่ไม่ยิ้ม เผยรอยยิ้มจางๆ ที่อ่อนโยน นิ้วเรียวยาวขาวนวลจับตัวแก้ว มองดูไวน์แดงที่อยู่ข้างใน ใช้มือเล่นใบขึ้นฉ่ายที่อยู่ด้านข้าง “ชื่อเสียงของ Double Aceกรุ๊ปเดิมทีก็ไม่ยังไงอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจเรื่องเล็กๆ นี่เหรอก”
อาตงชะงัก มองหน้ากันกับอาเจว๋ที่อยู่ด้านข้าง ถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงกัน เขาพูดขึ้นอีก “แต่ว่าคุณผู้หนู ก่อนหน้านี้อยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นมีประธานอานอยู่ แต่ตอนนี้…..”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็หยุดเสียงไปโดยไม่รู้ตัว
เพราะอาตงสังเกตเห็นถึงสายตาที่มองมาทันทีของซูย้าว ลำแสงที่แหลมคม เต็มไปด้วยความสงสัยที่เข้ามาทีละนิด เธอพูด “ตอนนี้ทำไมเหรอ?”
“มีพี่ชายฉันอยู่ ชื่อเสียงของบริษัทนับว่าเละเทะ ก็ยังทำงานได้ตามปกติ พวกนายเองก็สงบใจไม่กังวล พอเปลี่ยนมาเป็นฉัน ก็ระมัดระวัง รู้สึกระแวงกังวลแล้ว?”
ซูย้าวพูดเน้นทีละคำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น มีความโกรธเล็กน้อย ผสมผสานกับออร่าที่สง่างาม ชายสองคนที่ตกตะลึง ก้มศีรษะลงตามๆ กัน ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“หรือพวกนายคิดว่าเพื่อชื่อเสียงที่แทบไม่สำคัญนั้น ถึงจะถูกใครไม่รู้มากัดแทะ ก็ได้แต่กล้ำกลืนอารมณ์ไว้ ใช้ความอ่อนโยนจากผู้หญิง มาฟื้นฟูชื่อเสียงที่น่าสงสารนั่นเหรอ?”
คำพูดของซูย้าว ดูเหมือนจะบางเบาและนุ่มนวล แต่ความเป็นจริงไม่เพียงแต่จะเผยพลังที่แข็งแกร่ง แม้แต่ความนัยที่อยู่ในคำพูด ก็ยังทำให้อาตงและอาเจว๋ตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองเพียงแค่ทำตามคำสั่งของอานเจียเย้น พยายามฟื้นฟูชื่อเสียงภายในประเทศของ Double Aceกรุ๊ป อีกอย่าง ซูย้าวก็จิตใจดีจริงๆ ออกตัวรับผิดชอบค่าชดใช้ให้ครอบครัวผู้เสียหาย เป็นการกระทำความดี เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
เพียงแต่แล้วผลลัพธ์เป็นยังไง?
ครอบครัวผู้เสียหายนั่นไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งขอบคุณ แต่กลับตลบหลัง จะให้ซูย้าวกับ Double Aceกรุ๊ปต่อสู้กับพายุสังคมให้ได้ ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เสียงร้องเรียนและสาปแช่งจากทั่วสารทิศ ก็วุ่นวายไปหมด
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทจะเป็นยังไง?
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะฟื้นฟูชื่อเสียงได้ไหม แม้แต่จุดแรกเริ่มของการพัฒนาในการทำงาน ก็ยากที่จะไปต่อ
นี่คือความอ่อนโยนของสตรีที่ว่าไป
ไม่ใช่ความผิดและความรับผิดชอบของตนเอง แต่ก็ยังชดใช้ให้อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล ความใจดีเกินไป จะไม่ได้รับสิ่งที่เรียกว่าการยกย่องสรรเสริญ มีแต่จะเพิ่มความโลภในจิตใจคน ให้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ภายในใจของทุกคน ล้วนแต่มีสัตว์ประหลาดอยู่ ก็เหมือนกับกล่องแพนดอร่า ที่ไม่สามารถสัมผัสได้เลย แต่ถึงกระนั้น ในชั่วขณะหนึ่ง เพราะเรื่องที่พิเศษบางเรื่อง ก็เป็นเหมือนชนวน ที่พอจุดแล้ว ก็ไม่สามารถเก็บกลับมาได้
เหมือนสัตว์ร้ายหนีออกจากกรง อ้าปากกว้าง กลืนกินมโนธรรม ทำลายธรรมชาติ และกลืนกินตัวเอง
หลักการนี้ เป็นสิ่งที่ลี่เฉินซีเตือนเธอ
คำพูดหนึ่งของเขา สี่คำ ราวกับสัจธรรม ทำให้เธอตื่นขึ้นมา รู้แจ้งในทันที
ตอนนี้เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ อาตงกับอาเจว๋ก็ค่อยๆ พิจารณา เกิดความเข้าอกเข้าใจ ทั้งสองต่างพยักหน้าตามสัญชาตญาณ “คุณผู้หนูมองการไกล พวกเรามองข้ามไปเอง”
ชื่อเสียงของบริษัท ไม่สามารถสร้างและรักษาไว้ได้ภายในวันเดียว และไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเดียว ก็สามารถฟื้นฟูได้ ต่อให้อยากชะล้าง ก็ต้องผ่านกระบวนการระยะยาวที่ค่อยเป็นค่อยไป
ไม่อาจเร่งรัด ไม่อาจบีบบังคับมากเกินไปได้
ซูย้าวมอบหมายงานอีกนิดหน่อยให้อาตงกับอาเจว๋ ทั้งสามคนปรึกษาความก้าวหน้าของงานในช่วงที่ผ่านมา เมื่อจัดการทุกอย่างหมด ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว
‘ก๊อกก๊อก’ เสียงประตูถูกเคาะขึ้นอย่างกะทันหัน
จากนั้น หวางอี้ในชุดสูทรองเท้าหนังก็เดินเข้ามา ก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยก่อน จากนั้นถึงพูดขึ้น “คุณผู้หนู ประธานลี่ตอนนี้ติดธุระไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ ให้ผมมารับคุณครับ”
ซูย้าวผงะเมื่อได้ฟังดังนั้น เกือบจะลืมเรื่องที่นัดไว้กับลี่เฉินซีเมื่อคืนนี้……