ในห้องที่กว้างใหญ่ ความอบอุ่นค่อยๆหายไป
ในหัวของลู่จื่อซีเอาแต่เพ้อฝันความโรแมนติกที่อยู่กับเขาสองต่อสอง……แต่ว่า เขากลับเดินผ่านเธอไป
เธอยังพูดไม่จบก็ตกใจ
ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็แย่ลง ค่อยๆหันกลับไปอย่างช้าๆ หันไปเห็นลี่เฉินซียืนอยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ ยืนมองดูเกมที่ยังเล่นอยู่บนหน้าจอ เขาขมวดคิ้ว เด็กคนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเกมทุกวัน แต่การเรียนก็ยังดีขนาดนั้น……
“คุณลี่?” ลู่จื่อซีเรียกเขาอีกครั้ง “เอ่อ เอ่อ……”
เธอพูดจาติดๆขัดๆ ไม่รู้ว่าควรจะขอโทษต่อหรือพูดเรื่องอื่นดี
ลี่เฉินซีได้สติขึ้นมา เขาหันหน้ามามองเธอ ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะคอมพิวเตอร์ ผ่านไปตั้งนานถึงได้มีแนวโน้มที่จะพูดออกมา เขาแค่พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ที่ร้านอาหารครั้งก่อน ผมไม่ได้ไปส่งคุณครูลู่ ผมขอโทษด้วยครับ”
เขาขอโทษก่อนอย่างสุภาพ ใบหน้าที่เย็นชา ถึงแม้ว่าจะไม่มีอุณหภูมิ แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนไม่น้อย
หัวใจของลู่จื่อซีเต้นแรง เธอก้มหน้าลงและรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ!”
“แล้วก็” สายตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีมองไปที่เธอ เขาพูดต่อ “ตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ที่ผมบอกว่าคุณเป็นแฟนผม ผมก็ต้องขอโทษด้วย”
ลู่จื่อซีตกใจ “นี่……”
เธอพูดจาติดๆขัดๆ พูดไม่เป็นประโยคสักคำ หรือว่า พวกเขาเป็นแฟนกันเหรอ? !
แต่ว่า ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา เขาควรจะดูออกไม่ใช่เหรอ!
สีหน้าของเธอซับซ้อน บอกได้ว่ามีทุกสีสัน ลี่เฉินซีรู้ว่าเธอคิดอะไร เขาจึงพูดว่า “คุณครูลู่ คุณมีนิสัยอ่อนโยน หน้าตาก็ดี ดีพร้อมทุกอย่าง แต่คุณเป็นน้องสาวของส้าวหลิง ดังนั้นเรื่องบางเรื่อง ผมไม่ควรปกปิดคุณ”
เขายิ้มอ่อน และหัวใจของลู่จื่อซีก็เต้นแรงขึ้นพร้อมกับคำพูดของเขา เธอมองไปที่เขาด้วยความตื่นเต้นและเขินอาย
เขาพึมพำเบาๆ สายตามือมนลงแล้วพูดต่อว่า “ผมไม่เหมาะกับคุณ แล้วผมก็มีคนในใจอยู่แล้ว ผมจะทำให้คุณครูลู่เสียเวลาไม่ได้ ผมต้องขอโทษด้วย”
หลังจากที่พูดแบบนั้นออกมา เขาก็พูดเสริมอีกว่า “แล้วเรื่องสอนพิเศษของหมิงเอ๋อและซีซี คุณสอนถึงวันนี้ก็พอแล้ว! เดี๋ยวผมจะให้คนโอนค่าใช้จ่ายและค่าสอนพิเศษให้คุณ”
ลี่เฉินซีพูดจบ เขาก็พยักหน้าให้เธออีกครั้งเบาๆ จากนั้นก็เดินผ่านเธอไปอย่างสุภาพและไม่ห่างเหินเกินไป เดินออกไปข้างนอกทันที
ลู่จื่อซีตกใจแล้วตกใจอีก กว่าเธอจะได้สติขึ้นมา และเมื่อหันไปมองลี่เฉินซีอีกครั้ง เขาก้าวเดินออกไปจากห้องนอนตั้งนานแล้ว
เธอค่อยๆได้สติกลับมา เดินตามเขาไปอย่างไม่คิดอะไร “คุณลี่……”
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างสูงใหญ่และหล่อเหลา เขาไม่หันหน้ากลับมา แม้แต่หยุดเดินสักครึ่งนาทีก็ไม่มี รอบตัวของเขาเปล่งประกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเย็นชาราวกับจักรพรรดิ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดันที่แรงกล้า
เขาหล่อและมีออร่าเกินไป แต่ลู่จื่อซีไม่อยากยอมแพ้แบบนี้ เพราะเขาคือผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบมาตั้งปีกว่า และนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของเธอ!
“คุณลี่ ฉันคิดว่าฉันไม่ได้มีดีพร้อมอย่างที่คุณพูด และฉันก็ชอบพวกเด็กๆมาก ฉันรู้ว่าคนที่คุณเป็นห่วงอยู่ในใจก็คือคุณอาน ใช่ไหมคะ?”
ลู่จื่อซีพูดพร้อมกับเดินมาข้างหน้าลี่เฉินซี หัวใจของเธอเต้นแรง สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ยังหวังว่าพระเจ้าจะช่วยเธอ ทำให้ผู้ชายที่เย็นชาและคาดเดายากที่อยู่ตรงหน้ายอมจำนนต่อเธอ
เธอพยายามเก็บสีหน้าขอตัวเองอย่างรวดเร็วและยิ้มออกมาอย่างสดใส ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ และราวกับไวน์ที่ส่งกลิ่นชวนให้มึนเมา จ้องมองลี่เฉินซีที่อยู่ตรงหน้า
“คุณอานคืออดีตภรรยาของคุณใช่ไหนคะ!” เธอรีบพูดออกมา “คุณยังมีความรู้สึกกับเธอ เรื่องนี้ฉันเข้าใจ เพราะว่าพวกคุณมีลูกด้วยกันตั้งสามคน! แต่ว่า ฉันคิดว่าคุณอานดูเหมือนจะลืมคุณและพวกเด็กๆไปตั้งนานแล้ว ถ้าคุณยังดื้อรั้นต่อไป เกรงว่ามันคงไม่มีอะไรดีขึ้น!”
“ทำไมคุณถึงไม่ลองคิดถึงตัวเองให้มากๆ?คุณลี่ ชีวิตยังมีหนทางอีกยาวไกล คุณอานปล่อยวางแล้ว ทำไมคุณถึงทำไม่ได้?”
น้ำเสียงที่เร่งรีบของเธอพูดอย่างรวดเร็ว รวบรวมความกล้าขึ้นมา แต่เมื่อพูดจบ เธอก็รู้สึกเสียใจทันที
เพราะว่าลู่จื่อซีสังเกตเห็นใบหน้าที่เย็นชาของลี่เฉินซี เย็นชาราวกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง ไม่น่ามองเลยสักนิด
“ฉัน……” ลู่จื่อซีกัดปากด้วยความลำบากใจ ลังเลและพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าคุณอานไม่ดี แต่ฉันแค่หวังว่าคุณลี่จะคิดถึงตัวเองให้มากๆ คุณเป็นคุณพ่อที่ดี แต่ลูกๆไม่สามารถเป็นทั้งชีวิตให้คุณได้!”
สายตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีมองผ่านใบหน้าของเธอไป เขาก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ เดินลงไปชั้นล่าง
แต่ลู่จื่อซียังไม่ยอมแพ้ เธอเดินตามเขาไป “คุณลี่ เงื่อนไขและสถานะของคุณ ที่จริงแล้วคุณอานไม่คู่ควรกับคุณเลยแม้แต่น้อย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?”
ฝีเท้าที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่างของลี่เฉินซีก็หยุดเดินทันที เขาหันหน้ากลับมา ใบหน้าที่เย็นชาและเคร่งขรึม มองลู่จื่อซีตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาหรี่ตาแล้วพูดว่า “คุณครูลู่ คุณน่าจะรู้ว่าอะไรคือแค่พอหอมปากหมอคอก็หยุดใช่ไหม?”
ทันทีที่เขาพูดจบ ไม่ให้เวลาลู่จื่อซีได้โต้ตอบและคิดอะไร ลี่เฉินซีก็หันไปมองชั้นล่างแล้วออกคำสั่ง “พ่อบ้าน ส่งแขก”
พ่อบ้านรีบตอบรับและวิ่งขึ้นมาชั้นบน ก้มตัวให้ลู่จื่อซีด้วยความเคารพ “คุณครูลู่ เชิญครับ”
ลู่จื่อซีหมดหนทางแล้วจริงๆ แต่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้ มองดูแผ่นหลังที่กำลังเดินลงไปชั้นล่างของเขา เธอยังลังเลที่จะตามเขาไป แต่กลับถูกพ่อบ้านหยุดเอาไว้
พ่อบ้านอายุมากแล้ว สายตาเฉียบแหลมที่ลึกซึ้งคู่นั้น เขามองลู่จื่อซีแล้วพูดว่า “คุณครูลู่ เชิญทางนี้ครับ”
ถึงแม้ว่าพ่อบ้านไม่พูดอะไร แต่สายตาที่ไม่อาจต้านทานได้ของเขาพุ่งออกมาไกลกว่าทุกสิ่ง ลู่จื่อซีกำมือของตัวเองอย่างอ่อนแรง แต่เธอทำอะไรไม่ได้ จึงเดินตามพ่อบ้านออกไป
และในขณะเดียวกัน ในห้องนอนชั้นบน ลี่เจิ้งมองดูน้องชายที่อยู่ข้างๆอย่างช่วยไม่ได้ เขาขมวดคิ้วขึ้นมา
เดิมทีลี่หมิงร้องไห้ไม่หยุด กว่าลี่เฉินซีจะเกลี้ยกล่อมเขาและพาเขากลับมาที่ห้องได้ แต่เมื่อคุณพ่อออกไป ลี่หมิงก็หยุดร้องไห้ทันที
และในตอนนี้ ลี่หมิงกำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ของลี่เจิ้ง ถือแท็บเล็ตเล่นเกมอย่างตั้งใจ
ลี่เจิ้งตกใจกับพฤติกรรมที่’พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ’ของเขา เขาขมวดคิ้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดินไปหาเขาและพูดว่า “เฮ้ นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
“ผม?” ลี่หมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำที่กลมโตมองไปที่พี่ชายของตัวเอง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมทำเพื่อคุณพ่อไง!”
ลี่เจิ้งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “หมายความว่าอะไร? พูดให้มันชัดเจนหน่อย”
“คุณครูลู่ชอบคุณพ่อมาตลอด พี่มองไม่ออกเหรอ?” ลี่หมิงถามกลับ
แน่นอนว่าลี่เจิ้งมองออก ดังนั้นทุกครั้งที่คุณครูลู่มาที่บ้านเขามักจะทำหน้าบึ้งตลอด ทำสีหน้าไม่ดีใส่เธอ
ลี่หมิงลุกขึ้นนั่ง แต่ยังถือแท็บเล็ตอยู่ในมือ ก้มหน้าเล่นเกมพร้อมกับพูดว่า “ดังนั้น ผมแค่ให้โอกาสคุณพ่อไล่เธอออกไปก็แค่นั้น!”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าลี่เฉินซีรักและเอ็นดูลูกๆมากแค่ไหน ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาว บอกได้ว่าเป็นดวงใจของเขา คนอื่นพูดแค่ประโยคเดียวก็ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำให้เขาร้องไห้!
ครั้งนี้ใจกว้างกับลู่จื่อซีขนาดนี้ ก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าของลู่ส้าวหลิง
ลี่เจิ้งเข้าใจแล้ว เขาพยักหน้าและเข้าไปนั่งข้างน้องชาย ยื่นมือไปตบที่ไหล่ของเขา “ไม่เลว ทำได้ดีมาก!”
ลี่หมิงมองหน้าเขา ทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาด้วยความเข้าใจ
ซีซีก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก วิ่งขึ้นไปบนเตียง กอดถุงขนมมันฝรั่งไว้ในอ้อมแขน พอขึ้นมาบนเตียงเธอก็แกะถุงขนม ออกแรงมากเกินไป ทำให้มันฝรั่งกระเด็นออกมาเลอะเต็มเตียง
สีหน้าของลี่เจิ้งมืดมนลงทันที มองไปที่น้องสาว “เธอ……”
เขามีนิสัยรักความสะอาดอยู่แล้ว สำหรับพฤติกรรมแบบนี้ เขาโมโหเป็นอย่างมาก แต่ซีซีกลับหัวเราะและจับแขนเขาไว้ “พี่ชาย พี่กินขนมสิ”
ลี่เจิ้งกัดฟันด้วยความโมโห เขาทำอะไรน้องสาวคนนี้ไม่ได้จริงๆ!
เด็กสองสามคนพากันหัวเราะอย่างมีความสุข และนอกบ้าน ลู่จื่อซีที่นั่งอยู่ในรถ ใบหน้าที่หมดความอดทนและความเศร้าโศกของเธอ มองดูรูปถ่ายที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ในโทรศัพท์แล้วครุ่นคิด…..