จากระยะไกล สายตาของลี่เจิ้งที่อายุน้อยก็เชื่อมโยงกับการจ้องมองของซูย้าว หลังจากระยะห่างใกล้เข้ามาเด็กน้อยก็ไม่สามารถจะสงบนิ่งได้อีก
เมื่อกำลังจะก้าวเท้าออกไปกลับถูกลี่เฉินซีขวางไว้ จากนั้นก็ส่งสายตาชำเลืองมองอย่างเย็นชา ลี่เจิ่งเอาก็รู้เรื่องแล้วจึงได้สงบจิตใจที่พลุ่งพล่านของเขา
ทางด้านซูย้าวนั้นกลับอึ้งไป เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าสายตาของเด็กน้อยที่มองตนเองนั้น ทั้งลึกซึ้งและหนักแน่นแบบนั้น เหมือนกับมีคำพูดเป็นหมื่นพันคำอยากจะบอก และดูเหมือนจะมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายนับร้อยพัน
เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เห็นที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีสายตาแบบนี้
หรือว่าจะเข้าใจผิดว่าเธอคือแม่อีกคนแล้ว? !
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซูย้าวก็รู้สึกได้เพียงถึงความขมขื่นจากก้นบึ้งของหัวใจ และอดไม่ได้ที่จะบ่นหลินเจว๋ ที่ทำเรื่องวุ่น ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้แล้ว!
ตรงนั้น ลี่เฉินซีอยู่ในตำแหน่งที่ถูกจู่โจมและถูกผู้คนปิดล้อม เมื่อคนด้านหน้าเห็นเขาไม่ตอบสนองอยู่นาน จึงมีคนพูดขึ้น “ว่าไงล่ะ? อาลัยอาวรณ์กับอำนาจงั้นเหรอ? หรือว่าอดไม่ได้กับตำแหน่งท่านประธาน?”
“อย่างนั้นก็ได้ อย่างมากก็เผาหยกดั่งหิน! แจ้งความเลย!” มีคนที่เตรียมพร้อมจะทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม
และมีบางคนพูดตรงๆ “คำพูดแค่นี้ไม่เพียงพอจะเอามาเป็นหลักฐานในการแจ้งความ บันทึกกล้องวงจรปิดล่ะ? เอาบันทึกกล้องวงจรปิดเมื่อวานมาตรวจสอบดู แล้วส่งให้ตำรวจ…”
เมื่อพูดแบบนี้ หัวใจของซูย้าวก็บีบแน่น
บันทึกกล้องวงจรปิด? !
บ้านหรูอย่างคฤหาสน์ตระกูลลี่ คงจะไม่ได้มีกล้องวงจรปิดแค่ตัวสองตัวแน่นอน เป็นไปได้ว่าคงจะมีซ่อนไว้ในมุมอับและมีอยู่หลายตัวด้วย หลินเจว๋ได้ละเลยและมองข้ามเรื่องพวกนี้ไป ถ้าหากว่าถูกกล้องจับภาพอะไรไม่ดีเอาไว้ได้ อย่างนั้น คนที่ซวยจะต้องเป็นเธอแน่ๆ!
ที่นี่คือเมือง A ไม่มีอำนาจของอานเจียเย้นคุ้มครอง เธอหัวเดียวกระเทียมลีบไม่มีเรี่ยวแรงอะไร จะต่อสู้ได้ยังไงกัน?
เมื่อคิดว่ากว่าจะได้กลับประเทศมามันก็ไม่ง่ายเลย แต่ก็ต้องมาเผชิญกับความเสี่ยงต้องติดคุกติดตะรางแล้ว คิ้วสวยของซูย้าวก็ขมวดแน่นและขณะที่มันยังไม่คลายนั้น ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหู
ลี่เฉินซีทักทายทุกคนและพูดเบาๆ “เมื่อวานเกิดปัญหาเล็กน้อยกับกล้องวงจรปิด ไม่มีบันทึก”
เพื่อยืนยันสิ่งนี้พ่อบ้านวัยชราจึงได้อธิบายโดยละเอียด
เนื้อหาโดยรวมคือ เมื่อวานนี้ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องและไม่ได้เปิดกล้องวงจรปิดทั้งวัน ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้การถ่ายไว้และไม่มีหลักฐาน
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น บางคนก็มืดแปดด้าน และมีบางคนโกรธมาก “พูดแบบนี้ แสดงว่าแกเป็นคนทำจริงๆ สินะ!”
“ลี่เฉินซี ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นอาสามของแกแท้ๆ นะ? ทำไมแกถึงได้ใจร้ายได้ถึงขนาดนี้!”
ซูย้าวถอนหายใจเบาๆ แต่เมื่อมองออกไปไกลๆ ตรงที่ของลี่เฉินซี ที่ถูกรุมมากกว่าเดิม
ถูกกล่าวหาว่าทำร้านอาของตัวเอง ข้อหานี้พุ่งเข้าหาเขาเต็มๆ ครั้งนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำหวงก็ไม่อาจชะล้างให้สะอาดได้
ลี่เฉินซีที่หมดความอดทนไปนานแล้ว เขาลุกขึ้นและเดินอ้อมโซฟาไปช้าๆ มือหนึ่งจูงลูกชายที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้น “หรือว่าทุกท่านจะรออีกสักครู่ รอจนอาสามฟื้นขึ้นมาแล้วฟังว่าเขาจะพูดอะไร”
“ยังมีอีก คิดจะให้ผมส่งมอบอำนาจก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่พวกคุณแน่ใจว่าหรือว่าหลังจากผมสละตำแหน่งแล้วจะมีคนมาแทนที่ผมได้รึเปล่า?”
น้ำเสียงที่แผ่วเบาและไม่ราบเรียบของลี่เฉินสี ดูแล้วนิ่งสงบ ไม่มีการแรงกระทบ แต่ในความเป็นจริง ด้วยความหนาวเย็นของร่างกายที่ค่อยๆ เอ่อล้น แรงกระตุ้นอันสูงส่งก็เลือนรางไปนานแล้ว
เขาบริหารบริษัทลี่ซื่อมาหลายปี เขาได้ชุบเลี้ยงคนที่ไว้ใจได้ไว้ไม่น้อย พูดได้ว่าบริษัทลี่ซื่อเป็นเหมือนดั่งดินแดนที่กว้างใหญ่ที่ใช่ว่าคิดจะเปลี่ยนโอนเจ้าของก็เปลี่ยนกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่
ทุกคนเงียบลงในทันใด บางคนที่ยังเสียงดังก่อนหน้านี้ต่างก็เงียบลง
มีแต่พวกขี้ขลาดตาขาว บริษัทลี่ซื่อดูจากภายนอกเหมือนจะเจริญรุ่งเรือง ทุกคนต่างใช้ชีวิตหรูหรา แท้จริงแล้วกลับเน่าเฟะเหม็นเหมือนท่อน้ำทิ้ง หากว่ามีความกล้าและกลยุทธ์ ก็คงไม่ใช้เรื่องนี้มาโจมตีคนอื่นหรอก
เพราะกลอุบายที่ไม่ได้เรื่องจึงไม่สามารถจะทำอะไรลี่เฉินซีได้เลย
ลี่เฉินซีใช้สายตาเย็นชากวาดมองทุกคน มีความไม่พอใจอยู่เต็มอก “สิ่งที่ทุกคนควรจะเป็นกังวลในตอนนี้คือเรื่องที่เมื่อไหร่อาสามจะฟื้นขึ้นมา และร่างกายแข็งแรง แต่ไม่ใช่มาคิดถึงเรื่องไม่ที่ไม่มีประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากว่าคิดถึงอาสามด้วยความจริงใจ ก็สวดภาวนาด้วยความศรัทธาเถอะ!”
“ส่วนเรื่องฆาตกรนั้น ทุกท่านไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วง!”
ลี่เฉินซีพูดจบแล้วก็จูงลูกชายรีบเดินขึ้นข้างบนไปโดยไม่สนใจทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ส่วนคนเหล่านั้นก็ทำได้เพียงจ้องพวกเขาสองพ่อลูกขึ้นไปข้างบนอย่างไม่วางตาและไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำเดียว
ในที่สุดบรรยากาศที่ตึงเครียดและซึมเศร้าก็คลายลงได้ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตร เบิกเนตรเห็นตะวัน
ซูย้าวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย ภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่ บางคนลุกขึ้นแล้วออกไป บางคนนั่งคุยกัน บรรยากาศผ่อนคลายลงมากและเป็นมิตรมากขึ้นมาก
แต่ในเมื่อซูย้าวมาแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงต้องขึ้นไปเยี่ยมคุณท่านลี่เหิงจิ่ว ไม่อย่างนั้นแล้วจะถือว่าเสียมารยาทเกินไปไม่ใช่เหรอ?
เธอสงบสติอารมณ์ คิดหาเหตุผล หลังจากสอบถามจากพี่เลี้ยงแล้วจึงก้าวเดินขึ้นไปข้างบน
ที่โถงทางเดินชั้นบนมีคนยืนออกันเต็มไปหมด มีบอดี้การ์ดสวมสูทสีดำคนหนึ่ง และมีแขกเหรื่อที่เข้ามาสอบถาม และมีบางคนที่พิเศษกว่านั้น เป็นผู้ชายและผู้หญิงอายุน้อย สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก และหญิงสาวก็ร่ำไห้ ส่วนผู้ชายก็มีสีหน้าเศร้า
ซูย้าวไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปได้แต่อยู่ห่างๆ และได้ยินจากพี่เลี้ยงที่เดินผ่านมา เธอจึงได้รู้ว่าชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นั้นเป็นลูกเลี้ยงที่ลี่เหิงจิ่วรับเลี้ยงมา และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชายชรา จึงย่อมรู้สึกเจ็บปวดกับความเจ็บป่วยของชายชราเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว สุภาพบุรุษสูงวัยคนนี้ก็ดูจะเป็นคนที่ไม่เลวและใจดี
ซูย้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าเธอไม่ถูกบังคับ เธอก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับชายชราคนนี้จริงๆ เธอเสียใจนิดหน่อยเพราะเขาเป็นแบบนี้…
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพ่อบ้านบังเอิญผ่านมา เธอจึงถามออกไป “ไม่ทราบว่าตอนนี้อาการของคุณเขาเป็นยังไงบ้าง…”
พ่อบ้านได้ยินแล้วเงยหน้าพร้อมส่ายหน้าไปมา “ไม่ค่อยจะสู้ดีครับ ยังคงไม่ฟื้น คุณหมอก็บอกว่าคุณเขาอาจจะ…”
พ่อบ้านไม่พูดอะไรต่อแต่กลับมีความเศร้าที่เล็ดลอดออกมาทางหางตาและคิ้วของเขา มันได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
คาดว่าครั้งนี้ชายแก่คงจะไม่รอดแล้ว
ใจของซูย้าวรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เธอกล่าวแสดงความเสียใจเล็กน้อยแล้วลงไปชั้นล่าง
ชายชรายังไม่ฟื้นและสถานการณ์ก็ดูไม่ค่อยดี แม้แต่ลูกเลี้ยงที่เขาชุบเลี้ยงมายังไม่สามารถเข้าไปในห้องเพื่อเยี่ยมไข้ได้ แล้วจะนับอะไรกับคนนอกอย่างเธอ อย่าหาเรื่องให้ลำบากเลยจะดีกว่า
ที่ชั้นล่างยังมีคนรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย เมื่อเธอลงมาก็มีคนสังเกตเห็นเธอเข้าพอดี ในขณะที่ดวงตาของเธอประสานกัน ก็มีคนอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ “เธอคือ…ผู้หญิงที่เฉินซีคิดถึงมาตลอดคนนั้นไม่ใช่เหรอ? นี่เธอกลับมาแล้วเหรอ?”
มีบางคนตามเข้ามาสมทบหลังจากได้ยิน และมีหญิงที่ค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งจ้องมองไปที่ซูย้าวแล้วขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แม่เจ้า! นี่ฉันตาลายรึเปล่า? หรือว่าฉันตายไปแล้ว?”
ซูย้าวตกใจเล็กน้อย เธอแอบถอนหายใจ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนเหล่านี้เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นภรรยาเก่าของลี่เฉินซี
เธอขมวดคิ้วแน่นและไม่รอให้ทุกคนเข้ามารุมล้อมแล้วพูดขึ้น “พวกคุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่ภรรยาเก่าจองคุณลี่หรอกค่ะ ก็แค่หน้าตาเหมือนกันเล็กน้อยเท่านั้น”
พูดจบก็รีบเดินผ่านคนเหล่านั้นไปที่โถงทางเดิน
ถึงแม้เธอจะเดินไปแล้วแต่กลุ่มคนที่ตกใจอยู่ด้านหลังได้สติกลับมาอีกครั้งและกลับมาพูดคุยกันอีก “เธอนั่นแหละ ใช่ไหม? ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด!”
“แน่นอน ยังจะบอกว่าไม่ใช่อีก ต่อให้แต่งหน้ายังไงก็ไม่มีทางเหมือนได้ขนาดนี้หรอก! เห็นชัดๆ ว่าเป็นยายใบ้ในตอนนั้น ยังจะตามมาหลอกหลอนเหมือนผีไม่มีผิด ตอนนั้นก็ไม่ตาย แล้วยังจะกลับมาอีก!”
“มิน่าล่ะปฏิกิริยาของลี่เฉินซีเมื่อกี้ หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเธอนะ?” มีบางคนกล้าที่จะคาดเดาและยืนกรานมั่วซั่ว “เธอมีลูกกับลี่เฉินซีตั้งสามคน หรือว่าจะทำเพื่อลูกทั้งสามคน จึงทำร้ายอาสามเพื่อที่จะแย่งหุ้นไป?”
ทุกคนต่างพากันพูดไปต่างๆ นานาและยังคงพูดคุยกันต่อไป แต่เพิกเฉยต่อร่างที่เดินลงบันไดเวียนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาโดยสิ้นเชิง และดวงตาที่เย็นชาก็จ้องมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างสมบูรณ์