เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นของชายหนุ่มทำลายบรรยากาศโดยรอบไปทันที ลู่จื่อซีเบนสายตาไปมอง พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาจากโถงทางเดินคือชายหนุ่ม เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ระยะเวลาหนึ่งปีที่เธอมาทำงานที่บ้านตระกูลลี่ เธอเห็นเด็กๆ ทะเลาะกันอยู่ไม่น้อย สถานการณ์เหล่านั้น……
ทำให้เธอที่ต่อให้โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วยังอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กน้อยสองคนอย่างลี่หมิงกับซีซี
แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับรู้สึกว่าหัวใจของเธอมันจุกอยู่ที่ลำคออย่างอธิบายไม่ถูก เธอรู้ดีว่าคุณลี่ห้ามทุกคนพูดเรื่องราวเบื้องหลังของ‘คุณนายลี่’ เข้มงวดมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เป็นเพราะเธอเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้เด็กทั้งสามคนต้องทะเลาะกันอีก…
เธอรู้สึกใจแป้ว อยากจะโทรหาลูกพี่ลูกน้องอย่างลู่ส้าวหลิงขึ้นมาทันที เผื่อจะได้ขอให้เขาออกมาช่วยเธอด้วย!
ลี่เฉินซีเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน ไหนจะมีประชุมอีก ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก ร่างสูงภายใต้ชุดสูทที่ถูกสั่งตัดอย่างปราณีต เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเย็นชาและดูมืดมน นัยน์ตาที่เย็นยะเยือกกวาดสายตามองอย่างไร้ความรู้สึก จนในที่สุดเขาก็เดินมาทาง ลู่จื่อซี
ลู่จื่อซีรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอทักเขาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “คุณ….คุณลี่กลับมาแล้วเหรอคะ…”
ลี่เฉินซีไม่ได้ตอบอะไร เขามองผ่านเธอไป ก่อนจะเพ่งสายตาไปทางลี่เจิ้ง ไม่จำเป็นที่เขาต้องพูดอะไรต่อ ทันใดนั้น ซีซีที่กำลังน้อยใจอย่างหนัก ก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับขอบตาที่แดงก่ำ “คุณพ่อคะ! พี่ใหญ่รังแกหนูอีกแล้วค่ะ!”
พอได้ยินลูกสาวโอดครวญออกมาแบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มลงไปลูบแก้มของเธอ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อจัดการเขาแทนหนูเอง ตกลงไหมคะ?”
ซีซีพยักหน้ารับเบาๆ “คุณพ่อคะ พ่อต้องรีบจัดการพี่ใหญ่นะ! พี่เขาดุเกินไปแล้ว!”
ลี่เฉินซียิ้มพร้อมกับลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆ อย่างอบอุ่น จากนั้นก็กวาดสายตาไปทางลี่เจิ้งและ ลี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกที อันที่จริงเขาก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังถามออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ลี่หมิงเม้มปากเล็กๆ ของเขาอย่างลังเล แต่ก็ยังอดไม่ได้อยู่ดี “คุณพ่อครับ ผมคิดถึงแม่ เกิด…เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่เหรอครับ ทำไมผ่านมานานขนาดนี้แล้วเธอถึงยังไม่กลับมาหาเรา”
ทันทีที่เขาพูดออกมา ลี่เฉินซียังไม่ทันได้ตอบอะไร ลี่เจิ้งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็ทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที พร้อมกับมองดูน้องชายตัวเองด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ตำหนิออกไปว่า “ก็เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะนายไม่ใช่รึไง ยังมีหน้ามาถามอีก!”
ถึงแม้จะพูดเหมือนตำหนิ แต่จริงๆ แล้วเหมือนเป็นการตะคอกอยู่ในลำคอเสียมากกว่า ทั้งน้ำเสียงที่ระเบิดออกมาใส่ทุกคน รวมถึงคำพูดที่ออกมานั้นครอบคลุมอารมณ์ที่หลากหลาย
แววตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีกระเพื่อมเบาๆ “ลี่เจิ้งพูดอะไรออกมาน่ะ?”
ลี่เจิ้งเงยขึ้นมองผู้เป็นพ่อก่อนจะตอบว่า “ผมพูดผิดเหรอ?”
เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะมองไปยังน้องสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของลี่เฉินซี “ส่วนเธอ เธอมันก็เป็นตัวปัญหา ที่แม่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกเธอ พวกเธอทุกคน…”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เหมือนมีความโกรธบางอย่างที่มันไม่สามารถระบายออกมาได้ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเต็มไปความไม่พอใจ หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกไป
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วพร้อมกับตบหลังลูกสาวเบาๆ จากนั้นจึงมองไปที่ลู่จื่อซี “ ครูลู่ผมคงทำให้
หลังจากพูดจบ พ่อบ้านก็เดินเข้าไปหา ลู่จื่อซีพร้อมกับผายมือให้เธอด้วยความเคารพ ‘เชิญครับ’
ลู่จื่อซีอยากจะออกไปจากตรงนี้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ลี่เจิ้งที่ระเบิดอารมณ์ออกมาใส่ทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าลี่เฉินซีตอบกลับไปอีก สถานการณ์จะเป็นยังไงต่อ
หลังจากที่เธอเดินออกไป ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็ค่อยๆ หม่นลง สายตาที่เย็นชาของเขามองลี่เจิ้งอย่างสงสัย หลังจากที่คิดทบทวนอยู่นาน สุดท้ายเขาก็แค่ระงับความโกรธของตัวเอง จากนั้นก็พูดแค่ว่า “ใช้ได้นี่ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่ไหม? ไม่มีอะไรทำก็มารังแกน้องๆ ตัวเองเหรอ?”
ลี่เจิ้งเหลือบมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ จากนั้นก็เดินอ้อมเขาไป โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
ลี่เฉินซีมองดูลูกชายตัวเองอย่างขุ่นเคือง แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร มือเล็กของคนที่อยู่ข้างๆ ก็เอื้อมออกมาโอบเขาไว้ เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่โศกเศร้า พร้อมกับน้ำตาที่นองหน้า “แม่จะกลับมา ใช่ไหมคะ? คงไม่ใช่ว่าแม่ไม่ต้องการเราแล้ว ใช่ไหมคะ?”
หัวใจของเขาหล่นลงไปทันที นัยน์ตาเริ่มมืดลง เขาก้มลงอุ้มลูกสาวขึ้นมา ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ใช่ค่ะ คุณแม่จะกลับมาในเร็วๆ นี้ พ่อรู้จักเธอดี เธอรักพวกหนูมากที่สุด และเธอจะไม่มีวันไม่ต้องการพวกหนูแน่”
คำพูดเพียงไม่กี่คำ ทำให้ลี่เจิ้งที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบนต้องหยุดชะงักลงอย่างน่าแปลกใจ
ลี่เฉินซีเกลี้ยกล่อมเด็กสองคนอยู่สักพัก จน ซีซีและ ลี่หมิงเริ่มผ่อนคลายลง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาถึงได้เดินออกมา
ซีซีจับมือเล็กๆ ของลี่หมิงจากนั้นก็กะพริบตาคู่สวยของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่รอง ฉันบอกแล้วว่าคุณแม่แค่ไปทำงานข้างนอกแล้วก็เที่ยวเล่น พี่คิดมากเกินไปแล้ว!”
ลี่หมิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะอายุเท่ากัน แต่ ลี่หมิงที่เคยผ่านประสบการณ์มามากกว่า เลยดูเป็นผู้ใหญ่กว่าน้องสาวไปโดยปริยาย คำพูดที่ผู้ใหญ่พูดออกมา เรื่องไหนจริง เรื่องไหนโกหก เขาก็พอจะดูออกอยู่ไม่มากก็น้อย
เขายกมือขึ้นมาลูบหัวน้องสาวเบาๆ “เด็กโง่ ก่อนหน้านี้คุณแม่ทำงานหนักมามากแล้ว ตอนนี้มีโอกาสไปเที่ยวเล่นสักหน่อย เราอย่าโกรธแม่เลยนะ!”
ซีซีพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง “คุณแม่ดีที่สุด เพราะงั้นหนูจะไม่โกรธคุณแม่! หนูจะคอยจับตาดูคุณพ่อไว้ให้ดี จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนมีโอกาสเลย!”
ลี่หมิงถึงกับพ่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านบนเหนือหัวพวกเขา “พวกไม่ได้เรื่องอย่างพวกเธอสองคน ยังไม่รีบไสหัวไปเข้านอนอีกรึไง?”
ทันทีที่ซีซีเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอเห็นลี่เจิ้งคนนิสัยไม่ดียืนอยู่บนบันได เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มไม่พอใจอีกครั้ง เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ถูกลี่หมิงเอามือปิดปากเธอไว้เสียก่อน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พอแล้ว ไม่ต้องไปยั่วโมโหพี่ชายแล้วนะ เด็กดี!”
จากนั้น ลี่หมิงก็ดึงมือเล็กๆ ของเธอพร้อมกับวิ่งตรงขึ้นไปชั้นบน พอเดินผ่านลี่เจิ้ง เขาก็ถูกเยาะเย้ยด้วยคำพูดที่แสนจะเย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอสองคน แม่ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ ไปซะ อย่าให้ฉันได้เห็นหน้าพวกเธออีก!”
ฝีเท้าของลี่หมิงช้าลง เขาพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าตำหนิตัวเอง
แต่ซีซีที่อยู่ข้างๆ กลับหันหน้าออกจากอ้อมแขนลี่หมิงพร้อมกับแลบลิ้นใส่ลี่เจิ้ง “ถ้าต้องออกพี่นั่นล่ะออกไป ฉันไม่ออกหรอกนะ! แบร่ๆๆ…”
ลี่หมิงกลัวจริงๆ ว่าเด็กหญิงคนนี้จะก่อปัญหาอะไรให้ลี่เจิ้งอีก เขาจึงรีบดึง ซีซีให้รีบกลับไปในห้อง
………
ที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ไหาเก๋อลี่ซือ
บนปราสาทสุดหรูหลังหนึ่ง แสงแดดส่องกระทบเข้าไปภายในห้องด้านบน ลำแสงที่สวยงามมากมายตกกระทบไปบนลำตัวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังนอนเอนกายอยู่ ภาพที่เห็นราวกับว่าทั้งตัวเขานั้นชุบไปด้วยทองคำ เสียงเปียโนอันไพเราะ อ่อนหวานดังขึ้นเบาๆ ในหู
‘เอี๊ยด’ อยู่ๆ ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น จากนั้นชายในชุดสูทสวมใส่รองเท้าหนังก็เดินเข้ามา
“ท่านครับ” เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม พร้อมกับก้มลงส่งเอกสารในมือให้ด้วยความเคารพ “นี่เป็นการเคลื่อนไหวของบริษัทลี่ซื่อในช่วงสองปีที่ผ่านมาครับ เหมือนกับว่าประธานตั้งใจจะขยายตลาดต่างประเทศเป็นการส่วนตัว ทำให้เราตรวจสอบอะไรได้ไม่มาก”
หลังจากหยุดพูดไปสักพัก ชายคนเดิมก็พูดต่ออีกว่า “แค่พวกเขาไม่มีหลักฐาน และพวกเราทำงานกันไม่ให้พลาด ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบยังไงมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
ส่วนชายหนุ่มที่เอนกายพิงเก้าอี้อยู่ก็แทบจะไม่ได้อ่านเอกสารด้วยซ้ำ เขาโยนมันออกไปข้างๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลงช้าๆ
ชายที่อยู่ข้างๆ จึงพูดต่อไปอีกว่า “แต่หลังจากที่บริษัทลี่ซื่อเข้าสู่ตลาดยุโรปกับอเมริกาแล้ว เขาจะดึงทรัพยากรและลูกค้าของเราไปจำนวนมากนะครับ ซึ่งมันจะทำให้เรา…”
เขาลากเสียงออกไป พร้อมกับถอนหายใจอย่างลังเล จากนั้นจึงพูดต่อ “ดูสิ ว่าจะส่งใครไปจัดการหน่อยไหมครับ?”
ชายหนุ่มเอนกายอยู่บนเก้าอี้ มือเรียวยาวราวกับหยกเคาะที่วางแขนอย่างไม่เป็นจังหวะ เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลดูลึกล้ำ และซับซ้อนราวกับขุมนรกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดเขาเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นช้าๆ ริมฝีปากบางยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ปล่อยเธอไปเถอะ”
เลขาของเขาชะงักไปชั่วครู่ “คุณหมายถึง…”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ?”
เลขารู้สึกลังเลเล็กน้อย “ร่างกายของคุณหนูพึ่งจะอยู่ตัว รวมถึงสภาพอารมณ์ก็กำลังผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณตอนนี้ก็ไม่เลวเลย ในเวลาแบบนี้ ถ้าคุณส่งเธอออกไป ผมเกรงว่า…เกรงว่ามันจะไม่ดีสำหรับคุณนะครับ!”
ชายหนุ่มกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับ เขาเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ นัยน์ตาสีเข้มมีประกายเบาๆ “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”
เลขายังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อมองดูท่าทางที่แน่วแน่ของเจ้านาย เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับ “ครับ ผมจะไปคุยกับคุณหนู”
ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน “ฉันไปเองดีกว่า”