บทที่ 313 ไม่ทำตามสัญญาเหรอ
ในห้องผู้ป่วยที่กวางใหญนี้ ซูย้าวเอนตัวนอนลงบนเตียงที่นุ่มสบายนี้ พร้อมกับมองไปที่ชายที่อยู่ริมหน้าต่าง “เห็นว่าประธานเจี่ยงนั้นไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็แปลว่าฉันทายถูกแล้วน่ะสิคะ เหตุผลต่อๆไป คุณคิดว่าฉันยังจำเป็นต้องถามอีกเหรอ?”
เจี่ยงหลินยกริมฝีปากขึ้น “คุณนี่ฉลาดจริงๆเลยนะครับ เป็นคนแบบที่ผมชอบเลย!”
“ประธานเจี่ยงก็พูดไปค่ะ ก็แค่สามารถพูดได้ว่าที่นี่เป็นต่างประเทศ อีกฝ่ายก็เป็นคนใหญ่คนโต แต่ว่าคนที่ฉันรู้จักนั้นก็มีไม่กี่คนเอง ดังนั้นจึงหาเหตุผลมาเดาได้ง่ายๆน่ะค่ะ” เธอกล่าว
ในความเป็นจริง หากซูย้าวโง่กว่านี้หน่อย เธอก็ยังสามารถเดาได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ที่นี่คือต่างประเทศ เธอรู้จักคนไม่มากนักและคนที่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำก็มีอยู่เพียงสองคน
และไม่ว่าหานฉ่ายหลิงนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เธอเองก็ไม่สามารถที่จะระดมคนมาช่วยตนเองและลี่เฉินซีได้ เธอไม่มีความสามารถและความแข็งแกร่งนี้ และเป็นไปได้ว่าต่อไป ก็จะมีเพียงเจี่ยงหลินเพียงคนเดียว
ป้าหลินกรุ๊ปของเขานั้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องในตลาดยุโรป ตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าเขาจะเป็นคนจีนก็ตาม แต่เขาก็สามารถที่จะหารายได้จากชาวต่างชาติ กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือแม้แต่ตัวตนของเขาเองก็ไม่สั่นคลอน ถ้าเขาต้องการช่วยชีวิตคนคนหนึ่ง วิธีมีอย่างแน่นอน เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งก็ได้แล้ว
ดังนั้น การที่ซูย้าวนั้นขอบคุณ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน
เธอมองไปที่เจี่ยงหลินและพูดอีกครั้งว่า “ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณประธานเจี่ยงจริงๆสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ค่ะ”
ด้วยคำพูดเหล่านี้นั้น ทำให้เจี่ยงหลินเองก็รู้สึกละอายใจที่จะรับมันและรีบพูดว่า “เมื่อคุณรู้ทุกอย่างแล้วก็หยุดขอบคุณผมได้แล้ว! ท้ายที่สุดทุกๆอย่างมันเป็นเพราะผมอยู่ดี”
พูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ สิ่งที่เจี่ยงหลินทำทั้งหมอนี้ก็เพื่อคนคนเดียวจริงๆ
คนคนนั้นไม่ใช่ซูย้าวแต่อย่างใด
แต่เป็นคนที่เกลียดเข้ากระดูกดำและต้องการที่จะกำจัดในทันทีอย่างซูหยวนนี่เอง
สุดท้ายก็เป็นผู้หญิงของตัวเอง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่เมื่อได้เลือกแล้วก็ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าวันใดวันหนึ่งจะต้องเลิกกัน เจี่ยงหลินก็ต้องการที่จะจบมันด้วยดี และให้ความสัมพันธ์จบลงด้วยความสำเร็จ
นี่คือสไตล์ของเขาและคือเหตุผลว่าที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงช่วยทั้งสองคนไว้ได้
เมื่อพูดถึงตอนนี้ เขาก็มองไปที่เธอ และถามความสงสัยที่มีในใจออกไป “ในเมื่อเธอเดาถูกแล้ว เรื่องนี้ก็ควรจบลง มีผลลัพธ์ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มของซูย้าวก็ยิ้มออกมาบางๆ “การที่ประธานเจี่ยงมาหาฉันด้วยตัวเองและมาถามฉันแบบนี้ ฉันก็รู้เลยว่า เธอเลือกผู้ชายไม่ผิด”
หากเจี่ยงหลินนั้นโหดร้ายกว่านี้สักหน่อย ก็คงส่งซูหยวนให้ตำรวจจัดการไปแล้ว ทำไมเขาทำไมต้องมาโรงพยาบาลและถามซูย้าวเป็นการส่วนตัวด้วย?
มันไม่มีอะไรมากไปกว่ายังคงห่วงใย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซูย้าวก็รู้สึกว่า พี่สาวคนนี้ที่ตั้งแต่เด็กก็มักจะระมัดระวังและหยิ่งผยองและหลงผิด แต่ไม่ว่ายังไงเมื่อพบกับเจี่ยงหลิน ก็ถือว่าเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
เจี่ยงหลินยืนอยู่ตรงนั้นและถามว่า “เธอต้องการให้เรื่องนี้จบลงยังไงกัน?”
“การที่ประธานเจี่ยงเสียแรงที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าฉันทำอะไรไปมากกว่านี้ มันคงมันจะดูเป็นการคุ้นเคยกันเกินไป ทำตามที่คุณต้องการก็พอ อีกอย่าง ฉันอยากเจอหน้าเธอด้วย” ซูย้าวกล่าว
เขาพยักหน้า “ผมนี่ชอบคุยกับผู้หญิงฉลาดๆจริงๆ รอตอนเย็นผมจะนัดเธอให้”
เมื่อเจี่ยงหลินกำลังจะจากไป เขาก็ได้มอบดอกไม้ช่อใหญ่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กับเธอ นั่นคือกุหลาบแชมเปญมากกว่าเก้าร้อยดอก
ตั้งแต่ตอนที่เขาถือเข้ามาในห้องของผู้ป่วย ซูย้าวเองนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นดอกไม้มากมายขนาดนี้ และก็ไม่ใช่ว่าตกใจที่มีคนมามอบดอกไม้ให้ แค่รู้สึกว่าพฤติกรรมนี้ที่มาจากคนอย่างเจี่ยงหลินนั้น มันช่างดูน่าประหลาด
“มันสมเหตุสมผลแล้วที่จะมอบดอกไม้ให้กับคนสวยๆเช่นนี้” เขายิ้มและวางดอกไม้ช่อใหญ่ที่แทบจะไม่สามารถกอดได้วางไว้ข้างเตียงของเธอ
ท่าทางประหลาดใจของซูย้าวนั้นมองไปที่เขาอย่างสงสัย
เขาพูดว่า “ร่างกายของเธอก็ใกล้จะฟื้นตัวแล้ว ผมคิดว่าสองสามวันนี้ เธอควรกลับประเทศไปได้แล้ว!ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีก ถือว่านี่ของขวัญสำหรับการจากลาก็แล้วกัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมัน
นอกจากนี้ดอกไม้สำหรับผู้หญิงนั้น ความเย้ายวนนี้เป็นสิ่งที่ต่อต้านไม่ได้เสียจริง
ช่วงเวลาที่เจี่ยงหลินก้าวออกจากห้องของคนไข้ไป มีเพียงแค่คำสองคำที่ผุดขึ้นมาในใจ–เสียดาย
การเผชิญหน้ากันในตอนนี้ ถือเป็นเวลาที่ผิดพลาดที่มาพบคนที่ใช่ในเวลานี้
หากเร็วกว่านี้ เขาเองก็คงจะดื้อด้านมากกว่านี้!แต่ว่าตอนนี้สำหรับเขานั้น แรงกระตุ้นแบบนี้ คงเป็นสิ่งที่เด็กหัวหงอกนั้นคงทำ เขาเลือกไม่ได้และไม่คิดที่จะทำด้วย
เมื่อเติบโตขึ้น ก็ต้องละทิ้งอะไรบางอย่าง ต่อให้มันจะยากหนักหนาแค่ไหน เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่ใช่เหรอไง?
ท้ายที่สุด ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การควบคุมตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมี
ซูย้าวนั่งบนเตียง ทองไปที่ดอกไม้ช่อใหญ่ช่อนั้นพร้อมกับแตะมันเบาๆ เยอะขนาดนี้ คงต้องเอาไปใส่ในแจกันซะแล้ว ไม่อย่างนั้นสองสามวันก็คงจะเหี่ยว น่าเสียดายจริงๆ
ในขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งจะออกไป ประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับลี่เฉินซี
ชายที่แต่งกายด้วยชุดลำลองสีอ่อน ใบหน้าหล่อเท่และแว่นกันแดดที่สวมอยู่บนใบหน้า ได้ปรากฏตัวอยู่ในห้องผู้ป่วย ใบหน้าอันหล่อเหลานี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา เขาได้รับบาดเจ็บซี่โครงหักอย่างสาหัส
เขาปกปิดดีเกินไปหรือเธอไม่สนใจเกินไปกันนะ?
ซูย้าวนั้นไม่ต้องการคิดอีกต่อไป เหลือบไปมองเขาและพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ร่างกายของนายเป็นยังไงบ้าง?”
“ประโยคควรเป็นประโยคที่ฉันถามเธอต่างหาก”เขาเข้ามาข้างในพร้อมกับยืนพิงโต๊ะ ด้วยรูปร่างที่ชัดเจนและดวงตาสีดำที่ลึกล้ำนี้ ทำให้รู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย
เธอยังคงจดจ่อกับดอกไม้พร้อมกับพูดอย่างสบายๆว่า “ฉันดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้ก็จะกลับจีนแล้วล่ะ”
“ยังเจ็บท้องอยู่ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา โดยที่ไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะจู้จี้จุกจิก
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้แยกจากกันมาหลายปีแล้ว
เธอส่ายหัว “เพิ่มยาแล้ว ต่อให้เจ็บก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มที่ริมฝีปาก
ซูย้าวนั้นเป็นคนฉลาด รู้ว่าเขานั้นบอกกับหมอเป็นการส่วนตัวว่าให้เพิ่มยาที่ทำให้เธอได้นอนหลับ เรื่องนี้เธอก็พอจะเดาได้
ไม่งั้นเธอจะนอนหลับสนิทได้อย่างไรตั้งหลายวัน
เขายังคงอยู่ตรงนั้น พร้อมกับมองไปที่เธอด้วยสายตาที่หนักอึ้ง “นี่เธอชอบดอกไม้หรือชอบคนที่ให้ดอกไม้กันแน่?”
นิ้วที่สัมผัสกลีบดอกไม้อยู่นั้นหยุดนิ่ง เธออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก พร้อมกับมองไปที่เขาและพูดว่า “ประธานลี่อยู่ดีๆก็ถามแบบนี้ มีวัตถุประสงค์อะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ฟังเธอเรียกตนว่า‘ประธานลี่’อย่างสุภาพ ลี่เฉินซีก็ได้ขมวดคิ้วอย่างแรง พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่ได้อะไร ก็แค่ถาม”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้นฉันก็ขอไม่ตอบนะคะ” ซูย้าวเลี่ยงดอกไม้ที่ข้างเตียงไป พูดอีกว่า “แต่ก่อนมีใครบางคนเคยเตือนฉันว่า ให้ฉันทำตัวให้ห่างจากผู้ชายบางคนเอาไว้ ดังนั้นถ้าประธานลี่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นเชิญกลับไปก่อนนะคะ!”
ไม่ช้าก็มีคำสั่งที่ดูขับไล่กันออกมา ลี่เฉินซีเองก็ไม่ได้ขยับร่างกายใดๆ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อยและเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ถ้าอย่างงั้นมีคนเตือนเธอหรือเปล่าว่าให้ใช้น้ำเสียงดีๆกับผู้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้?”
“ผู้ช่วยชีวิต?” ดูเหมือนเธอจะได้ยินคำพูดที่น่าสนใจและพูดซ้ำเบา ๆ
ลี่เฉินซียืดตัวขึ้นก้าวไปข้างหน้า อ้อมผ่านช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ข้างเตียง มองไปที่เธออย่างสบายๆ ร่างสูงราวกับภูเขาที่เย็นยะเยือกนี้ค่อยๆเคลื่อนตัวลงมา ซูย้าวเองก็หนาวสั่นด้วยความงุนงงการที่เขาเข้ามาใกล้นี้ ทำให้ซูย้าวเอนตัวลงอย่างช่วยไม่ได้
ชายคนนั้นวางมือข้างหนึ่งไว้ที่ขอบเตียงส่วนมืออีกข้างก็แนบหูของเธอ ใบหน้าที่ชั่วร้ายมองไปที่เธอ เสียงที่แข็งกระด้างนี้พูดอีกครั้ง “ผมจำได้ว่า มีบางคนที่อยู่บนเรือได้สัญญาอะไรบางอย่าง ตอนนี้ก็ช่วยให้มีชีวิตรอดแล้ว ก็ควรจะทำตามสัญญาไม่ใช่เหรอ?”
“อือ……”