บทที่ 302 ฉันยังตายไม่ได้
เมื่อซูย้าวลืมตาขึ้นอีกครั้ง รู้สึกแต่เพียงว่าท้องฟ้ากำลังหมุนติ้วๆ ศีรษะหนักอึ้ง เหมือนกับว่านอนหลับนานเกินไป แต่ก็คล้ายกับว่าเหมือนยังนอนหลับไม่เพียงพอ
หัวสมองสับสนปนเปไปหมด จำไม่ค่อยได้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น จำได้แต่เพียงว่าตัวเองกลับไปที่โรงแรม แล้วก็เอนตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย…..
เอนตัวนอนลง…..
เธอกวาดสายตามองบริเวณรอบๆ และสังเกตห้องโดยสารเรือ จากนั้นก็ตกใจขึ้น
ที่นี่ที่ไหน!
ไม่รอให้เธอได้คิดหาคำตอบ ประตูห้องโดยสารเรือก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของลี่เฉินซีปรากฏอยู่ตรงหน้า ร่างที่ย้อนแสงทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน แต่ร่างที่คุ้นเคย เพียงเธอเห็นแวบแรกก็รู้ได้เลยว่าเป็นเขา
ซูย้าวลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วพูดด้วยความโกรธ “ลี่เฉินซี นี่คุณกำลังจัดฉากอะไรขึ้นอีก”
เธอก้มลงสำรวจร่างกายของตัวเอง แน่ใจว่าเสื้อผ้าของตัวเองนั้นยังอยู่ครบ ถึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วพูดขึ้นต่อ “ที่นี่คือที่ไหน คุณพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร”
“……”
ลี่เฉินซีเงียบ ไม่พูดไม่จา
เดินเข้ามาที่ห้องโดยสารเรือ แล้วล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นหยิบออกมาหนึ่งมวนคาบไว้ริมฝีปากแล้วจุดไฟขึ้น
เมื่อเห็นเขาเงียบ ซูย้าวก็ยิ่งควันออกหู ลุกพรวดเดินตรงไปด้านหน้าของเขา ถึงได้สังเกตเห็นบาดแผลบนตัวของเขา บนใบหน้าอีกหลายจุดฟกช้ำดำเขียว ที่แค่มองก็รู้ว่าถูกทำร้ายมา ที่มุมปากด้านหนึ่งยังแตกจนบาดแผลแห้งตกสะเก็ดแล้ว
ชุดสูทบนตัวของเขาที่เดิมทีดูเรียบประณีตตอนนี้กลับดูยับเยิน ราวกับว่าเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เธองงงวยไม่เข้าใจ “ใครทำร้ายคุณ”
ยิ่งไปกว่านั้น ตามที่ซูย้าวเข้าใจ ไม่น่าจะมีใครกล้าแตะต้องเขานี่นา!
ปกติแล้วเป็นเขาเองที่บางทีหรืออาจจะไปชกต่อยกับคนอื่น แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่คนอื่นกล้าลงไม้ลงมือกับเขาเช่นนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ลี่เฉินซียังคงไม่พูดไม่จา ยืนก้มหน้าดูดบุหรี่อยู่ข้างๆอย่างเย็นชา
ซูย้าวไม่สนใจเขาอีก จึงเดินออกมานอกเรือ เรือประมงที่ขนาดลำไม่ได้ใหญ่มาก ยังมีกลิ่นคาวปลาคลุ้งไปทั่วทุกที่ มีห้องโดยสารเรือที่ขนาดเล็กๆ มีบริเวณพื้นที่ด้านนอกไม่ได้กว้างนัก อุปกรณ์ต่างๆบนเรือหายไปไม่เหลือสักชิ้น แม้แต่อุปกรณ์ไม้ที่ใช้พายเรือ ก็ยังหาไม่เจอ
รู้สึกรางๆถึงสิ่งผิดปกติ ซูย้าวจึงได้กลับไปที่ห้องโดยสารเรืออีกครั้ง จ้องมองเขาแล้วพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่ฝีมือคุณนิ มีคนจงใจจะโยนฉันทิ้งไว้ที่นี่ แต่ว่าคุณ…..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ถ้าบอกว่ามีคนต้องการจะทำร้ายซูย้าว หรือบางทีอาจต้องการใช้วิธีนี้เพื่อฆ่าเธอ เธอเชื่อ
แต่สำหรับสถานะหน้าที่ของลี่เฉินซี จะมีใครหน้าไหนกล้าแตะต้องตัวเขา ดังนั้นซูยาวจึงจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโดยสารเรือด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ลี่เฉินซีเดินออกจากห้องโดยสารเรือ แล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงทะเล จากนั้นหันกลับมาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่เรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง พูดเพียงว่า “คงจะบังเอิญมั้ง!”
บังเอิญ?!
ซูย้าวอึ้ง อธิบายแค่ไม่กี่คำนี้ ดูตลกไปหน่อยไหม!
เธอมองใบหน้าใสเนียนของชายหนุ่ม ภายใต้การส่องของแสงอาทิตย์ เงาร่างจึงถูกปกคลุมไปด้วยแสงจางๆ ทำให้ความหล่อเหลาที่เย้ายวนยิ่งชวนให้น่ามอง เธอยกริมฝีปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วยืนพิงข้างขอบเรือมองดูผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบ จากนั้นถอนหายใจขึ้น “คุณถูกทำร้ายและถูกโยนลงเรือลำนี้เพราะเข้ามาช่วยฉันใช่ไหม!”
ต่อให้จากกันห้าปี ต่อให้เขาจะยังคงเข้าใจผิดเธอ ต่อให้ระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก แต่ซูย้าวยังคงนึกภาพออกถึงตอนที่ชายหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วยเหลือเธอ จะต้องพยายามอย่างไม่คิดชีวิต และใบหน้าจะต้องเกรี้ยวกราดสุดๆ
เขาเป็นผู้ชายแบบนี้
เพราะฉันนั้นเธอถึงได้หลงใหล และหลงรักมานานหลายปีเช่นนี้…..
เมื่อปัดกวาดความสับสนที่อยู่ภายในจิตใจออกไปแล้ว ซูย้าวจึงมองมาทางเขาแล้วยิ้มขึ้น
ริมฝีปากบาง ลักยิ้มขยับ รอยยิ้มจางๆงามโสภี ไม่มีการแต่งแต้มแต่อย่างใด สวยสดและงามสง่า ความงดงามราวกับนางฟ้า ที่ทำให้คนไม่สามารถละสายตาไปจากได้
ลี่เฉินซีจ้องมองเธอ ทันใดนั้นดวงตาที่ลุ่มลึกก็หม่นลง
“ขอบคุณนะ ที่เสี่ยงชีวิตช่วยฉัน” เธอกล่าว
คำพูดเบาๆเพียงไม่กี่คำ แต่กลับหนักอึ้งราวกับก้อนหินก้อนมหึมาร่วงหล่นทับอยู่ในใจของเขา
ซูย้าวปัดผมที่ปรกหน้าทัดไปที่ข้างใบหู เงยหน้ารับกับแสงอาทิตย์แล้วหรี่ตาลง “แต่ก็ต้องขอโทษด้วย ที่ทำให้คุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้!”
เขามองเธอ ความหนักอึ้งภายในใจได้สลายไปในทันใด และรีบพูดขึ้น “ขอโทษอะไรกัน ผมก็ถูกคนลอบทำร้ายเช่นกัน ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย!”
เธอยิ้ม “โอเค ไม่เกี่ยวกับฉันก็ได้ แต่ว่าจะทำอย่างไรดี ฉันยังไม่อยากตาย ลูกยังรอฉันอยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้นมีวิธีที่จะสามารถเอาชีวิตรอดได้ไหม”
ลี่เฉินซีจ้องมองเธอ หรี่ตาขึ้น “ลูกที่คุณพูดถึง หมายถึงเฉพาะลูกสาว หรือหมายถึงเจิ้งเอ๋อด้วย”
ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็เดินเข้ามาหาเขา มือใหญ่อันทรงพลังของเขาจับเข้าที่ข้อมือบางๆของเธอทันที “หรือคำว่า‘ลูก’จากปากคุณไม่เคยรวมเจิ้งเอ๋ออยู่ในนั้น”
“……”
ซูย้าวหรี่ตาลงอย่างอ่อนแรง แล้วทอดถอนใจเบาๆ
“นี่มันเวลาไหนแล้ว ลี่เฉินซี คุณยังจะมาคิดสนใจเรื่องนี้อีก!” เธอหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น ไม่ค่อยพอใจกับน้ำเสียงการพูดของเธอสักเท่าไหร่ มือที่จับข้อมือของเธอไว้นั้นได้เพิ่มแรงจับให้แน่นขึ้น“ทำไมจะคิดสนใจไม่ได้ ซูย้าวทำไมคุณถึงทำเช่นนี้!”
ได้ยินดังนั้น เธอที่เกือบจะสงบสติอารมณ์ได้อยู่แล้ว กลับแปรปรวนขึ้นในทันใด แล้วสะบัดมือของเขาอย่างหมดความอดทน “คุณโวยวายพอหรือยัง อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังจะคิดหาเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า! ลี่เฉินซี นี่คุณบ้าไปแล้วหรือ”
เขาจับเข้าที่ไหล่ของเธอฉับพลัน แล้วหมุนเธอให้หันกลับมา “ซูย้าว ใครอนุญาตให้คุณใช้น้ำเสียงเช่นนี้คุยกับผม”
เธอเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้นกลับรู้สึกน่าขำสิ้นดี จึงก้มหน้าลงอย่างอ่อนแรง “คุณคิดว่าฉันเป็นคนทำร้ายเจิ้งเอ๋อจริงๆหรือ”
ลี่เฉินซีตกใจเล็กน้อย สายตาที่จ้องนิ่งได้ขยับขึ้น
“คุณคิดว่าฉันเป็นคนวางยาให้กับลูกชายของฉันเหรอ ต้องการจะทำร้ายลูกแท้ๆของตัวเองอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นบอกกับคุณอย่างไร และก็ไม่รู้ว่าในจิตใจของคุณฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่คุณจงฟังไว้ให้ดี ——”
ซูย้าวใช้แรงทั้งหมดดึงมือของเขาออก แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้น “ลี่เจิ้งคือลูกที่ฉันอุ้มท้องมากว่าสิบเดือน เป็นก้อนเนื้อที่ออกมาจากร่างกายของฉัน ไม่เจอกันหลายปี บางทีความสัมพันธ์อาจจะเหินห่าง แต่สำหรับความคิดถึงที่มีต่อลูกนั้น ในฐานะที่เป็นแม่ ความรู้สึกแบบนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”
“ถ้าหากเป็นเวลาคับขันหรือคราวจำเป็น ฉันสามารถยอมตายเพื่อลูกของฉันได้ตลอดเวลา ขอเพียงให้พวกเขาปลอดภัย”
แต่ละคำล้วนมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอ
ความจริงแล้วคำเหล่านี้ เธอไม่อยากจะพูดในเวลานี้ แต่ว่าเขานั้นเอาแต่ถามย้ำซ้ำๆ เธอเองก็จนปัญญา
ถึงแม้ว่าคำอธิบายเหล่านี้ ไม่รู้เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม
ซูย้าวหันหลังไปมองดูผิวน้ำทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในหัวสมองก็ผุดใบหน้าของลี่เจิ้งเมื่อสมัยวัยเตาะแตะ ส่งเสียงร้องอ้อๆแอ้ๆอยู่ในอ้อมกอด แล้วทำท่าทำทางร้องเรียก ‘มี้มี้ หิวๆ’
ดวงตาที่จ้องมองยังผิวน้ำทะเล ขนตายาวงามงอนเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา ลูกตาที่สดใสได้สะท้อนสีของท้องฟ้ากับน้ำทะเล เธอพยายามสูดลมหายใจเข้า แล้วควบคุมจิตใจตัวเองที่กำลังจะพังทลาย
“ถ้าหากฉันสืบได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการทำร้ายเจิ้งเอ๋อ ฉันไม่มีทางปล่อยไว้แน่! ไม่มีทางอย่างแน่นอน!”
ซูย้าวพึมพำเบาๆ คล้ายกับเป็นการให้คำสัญญากับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว วินาทีนั้นจิตใจเหมือนถูกหินที่หนักอึ้งทับไว้ ความรู้สึกนึกคิดบางอย่างที่ฝังแน่นอยู่ในสมอง ค่อยๆพังทลายลง สีหน้าของเขามึนงง แต่ซูย้าวกลับรีบควบคุมอารมณ์ของตัวเองขึ้น แล้วถาม “เพราะฉะนั้น ที่บ้านยังมีลูกๆรอฉันอยู่ ฉันยังตายไม่ได้ ลี่เฉินซีคุณมีวิธีที่หนีไปจากที่นี่ไหม”
เขามองเธอ ดวงตาดำขลับกะพริบเบาๆ ริมฝีปากขยับขึ้น “ไม่มี”
“…..ไม่มี” ซูย้าวตกใจชะงัก
ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เรือประมงเล็กๆลำนี้ราวกับเรือท้องแบนขนาดจิ๋ว เมื่อสาดสายตามองรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เกาะหรือเรือผ่านมาแต่อย่างใด บนเรือไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม สถานการณ์แบบนี้ โอกาสรอดของทั้งคู่แทบจะ…..เป็นศูนย์!