บทที่ 265 ลูกสาวผมล่ะ
ลี่เฉินซีนั่งบนเก้าอี้หนังสีดำ และมืออีกข้างหนึ่งก็จับมวลบุหรี่อยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยควันบุหรี่ลอยคละคลุ้ง ควันพวกนั้นก็ลอยขึ้นปิดบังใบหน้าเขา จนแทบมองไม่เห็น และเดาไม่ถูก
เขามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ทั้งดูเปลี่ยนไปแต่ยังคุ้นเคย
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอคือภรรยาของเขา เคยร่วมหมอนนอนเคียงกัน ซ้ำยังมีลูกด้วยกัน
แต่ในตอนนี้ เป็นเพียงอดีตภรรยาเท่านั้น เรื่องที่ผ่านมานั้นก็เป็นเพียงฝุ่น ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนก่อนแล้ว
“คุณอยากให้ผมอธิบายยังไงกับคุณ?” เขาพูดหน้านิ่ง และสายตาเย็นชา ไม่มีความตลกใดๆ
ซูย้าวที่นั่งอยู่ด้านหน้า ก็มีสีหน้านิ่งๆ อย่างไร้เยื่อใย แล้วก็พูดออกมาเพียงว่า “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
พอพูดจบ เธอก็ส่งสายตาไปที่เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ลี่เฉินซีเองก็หลี่ตา แล้วมองไปที่เอกสารเหมือนกัน ก่อนหน้านี้หวางอี้ก็เอามาให้เขาดูแล้ว เกี่ยวกับสารพิษที่อยู่ในตัวของลี่เจิ้ง เป็นปัญหาจริงๆ และอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วย
แต่ตอนที่ยังหาตัวคนร้ายไม่เจอนั้น ก็ไม่ควรเอะอะโวยวายไป และยิ่งไม่ควรบอกให้ใครรู้
“ลี่เจิ้งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ และก็เป็นลูกของฉันด้วย พวกเราหย่ากันแล้ว แต่สิทธิ์การเลี้ยงดูลูกเป็นของคุณ ฉันคิดว่าวันนี้ถ้าฉันไม่มา ประธานลี่เองก็คงสืบได้เรื่องแล้วเหมือนกัน ถ้าดูจากความสามารถของคุณ คงสามารถหาตัวคนทำได้แน่นอน และทวงความเป็นธรรมให้ลูกได้ ถูกไหม?”
ซูย้าวพูดจาอ้อมค้อม แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเหมือนเป็นมีดที่บีบเค้นอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ ความหมายที่เธอพูดคือ ถ้าหากลี่เฉินซีไม่มีความสามารถหาตัวคนทำเพื่อทวงความเป็นธรรมให้ลูกได้ เขาก็จะผิดต่อลูก และเธอก็จะไม่ยอมวางมือ!
และยังจะส่งผลถึงชื่อเสียงของลี่เฉินซีอีกด้วย!
อยู่ดีๆ ก็โดนบีบบังคับและข่มขู่แบบนี้ ทำให้เขารู้สึกปรับตัวไม่ได้เลย
และถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขายิ่งไม่ชอบ
สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือการข่มขู่ และคนที่ข่มขู่ยังเป็นอดีตภรรยาตัวเองด้วย มันก็ยิ่งทำให้ไม่พอใจไปกันใหญ่!
เขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า อยู่ดีๆ ก็ยิ้มมุมปาก และรอยยิ้มนั้นก็ดูเป็นการยิ้มเยาะเย้ย “ในเมื่อตอนนี้เธอก็กลับมาแล้ว ดูจากความสามารถของเธอตอนนี้ ก็คงจะหาตัวคนร้ายได้เหมือนกันสินะ!”
เขาคิดอยากจะเอาคืนเธอสักครั้ง
ซูย้าวไม่ตกหลุมพรางเขา พลันแสยะยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูไร้เยื่อใยและนิ่งมาก
“ถ้าอย่างนั้น——–” เขาลากเสียงเพื่อจะสวนกลับ แล้วก็ดับมวลบุหรี่ที่อยู่ในมือ “เธอมาสืบหาเป็นไง!”
ซูย้าวหัวเราะ แต่ครั้งนี้เป็นการยิ้มที่สวยมาก ราวกับเห็นวิวภูเขาไกลๆ จนทำให้ไม่อยากกะพริบตา
เธอโน้มตัวมาข้างหน้า และเสื้อคอจีนก็เว้ามาข้างหน้า พอมองดูแล้ว ทำให้คิดไปไกลมาก ทั้งเสียงที่นุ่มนวลและไพเราะ เธอจึงพูดขึ้น “ในเมื่อประธานลี่จะโยนเรื่องนี้ แล้วเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงลูก ประธานลี่ก็จะโยนมาด้วยไหม?”
ทันใดนั้น ลี่เฉินซีก็เงียบไป
ไม่นึกเลยว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เธอทั้งสามารถกลับมาพูดได้ อีกทั้งยังปากเก่งขึ้นมากด้วย
“นี่เป็นสิ่งที่เธอกลับมาครั้งนี้เหรอ?อยากจะทวงสิทธิ์การเลี้ยงลูกสินะ” ลี่เฉินซีถามกลับ ซูย้าวเม้มปากแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงธรรมดา “ถ้าประธานลี่คิดแบบนี้ งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ได้”
ถ้าลองคิดดู หากว่าเขายอมยกลูกให้ เธอก็จะยอมรับ
แต่น่าเสียดาย ลี่เฉินซีไม่มีทางยอมตามน้ำ
“ฉันแค่อยากหาตัวคนร้าย ส่วนเรื่องในอนาคต จะเป็นยังไง ฉันไม่สน ประธานลี่คิดหาวิธีให้ได้ก็พอ เพราะทุกอย่างนั้นทำเพื่อลูก”
ซูย้าวลูกขึ้น พลางหยิบกระเป๋า แล้วก็ลูบผมตัวเอง เรือนร่างของเธอนั้นเซ็กซี่และน่าดึงดูดมาก ก่อนจะไปเธอยังพูดว่า “ในเมื่อฉันกลับมาแล้ว ถ้าเรื่องของลี่เจิ้งยังจัดการไม่ได้ ฉันไม่มีทางไปไหนแน่ ดังนั้นประธานลี่ ยังไงพวกเราคงต้องเจอกันอีกแน่”
เขามองเธอที่เดินออกไป พลันถามขึ้น “ลูกสาวผมล่ะ?”
“…………”
ซูย้าวชะงัก
เขาจึงเดินมาข้างหน้า แล้วจ้องมองเธอ พลางถามขึ้น “ห้าปีก่อน เด็กสาวที่เธอคลอดล่ะ?ยัง……..ยังสบายดีไหม?”
ลี่เฉินซีเคยส่งคนไปสืบข่าว ตอนที่เธอคลอดลูกที่เมืองM และก็รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง
“สบายดี” ซูย้าวยิ้มอ่อน “ถ้าพอมีเวลาว่าง ฉันก็จะพาลูกไปเยี่ยมพี่ชาย”
ซูย้าวไม่หยุด พลันเดินออกไปข้างนอกทันที
ลี่เฉินซีมองตามหลังของเธอ เพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้ไปรั้งเธอไว้ ผู้หญิงคนนี้ บอกแค่ว่าจะพาไปหาพี่ชาย หรือว่าคนผู้เป็นพ่ออย่างเขาเจอไม่ได้งั้นเหรอ?
ยากมากที่เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้วยัง……
อารมณ์โมโหของเขานั้นก็ค่อยๆ คลายลงมา และก็ค่อยๆ ครุ่นคิด พลางหยิบเอกสารสองฉบับที่วางบนโต๊ะมาดู ในเวลาสำคัญแบบนี้คือต้องหาตัวคนร้ายให้เจอ ไม่ควรจะให้เจิ้งเอ๋อต้องเจ็บตัวฟรีแบบนี้!
เพียงแต่ คนที่สามารถวางยาเจิ้งเอ๋อครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ ต้องเป็นคนใกล้ชิด ……….
ตั้งแต่ออกมาจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ตลอดทางนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางเดิน ระเบียง รวมถึงด้านหน้าเคาน์เตอร์และในเขตของบริษัท คงจะเกิดความโกลาหลไม่น้อยกับเสียงคนนินทาที่ได้ยิน
แต่นี่ก็ไม่แปลก เพราะภรรยาที่หายไปห้าปีของประธานลี่นั้นกลับมาปรากฏตัวแล้ว แถมยังมาที่บริษัทโดยตรง จะไม่ทำให้คนนำมาพูดถึงกันได้ไง?
เพราะไม่กี่ปีมานี้บริษัทลี่ซื่อถือว่าพัฒนาขึ้นมาก เดิมทีก็เป็นบริษัทใหญ่อยู่แล้ว แถมยังเป็นบริษัทที่ครองอันดับหนึ่งทางการค้าในประเทศด้วย ทั้งมีขอบเขตการค้าขนาดใหญ่ และยังครอบครองตลาดการค้าของทั้งเอเชีย ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีอำนาจมหาศาลเลยก็ว่าได้
และคนที่เป็นคนดูแลทั้งหมดอย่างลี่เฉินซี พอหลังจากที่หย่ากันมาห้าปี ก็เป็นโสดมาตลอด และหานฉ่ายหลิงที่ถูกคนรอบข้างมองว่าจะมาเป็นภรรยาคนต่อไปอย่างแน่นอน เพราะชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ และคิดว่าทั้งสองคนจะต้องลงเอยกันแน่นอน พอซูย้าวกลับมา จึงทำให้ทุกคนยากที่จะพากันเดากันไปต่างๆ นานา
ซูย้าวไม่ได้สนใจ มีรถจอดรอรับเธออยู่ด้านนอก แต่เธอกลับไม่ขึ้น เพียงแต่บอกให้คนขับรถกลับโรงแรมไปก่อน
พึ่งกลับมาที่เมืองA เธออยากออกมาเดินคนเดียว เดินเที่ยวคนเดียว เธอเกิดและเติบโตที่นี่ มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เธอนึกถึง…….
เธอเดินเล่นบนถนนคนเดียว แล้วสัมผัสถึงความรู้สึกที่ผ่านมาที่เธอรู้สึกกดดัน แล้วมองไปรอบๆ มีตึกสูงใหญ่มากมาย เป็นถนนที่เจริญมาก ลานกว้างที่คึกคัก ผู้คนมากมายที่กำลังตะโกนขายของ…….ช่างเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ !
ไม่รู้ว่าเธอเดินมานานแค่ไหน ถึงขนาดไปๆ มาๆ เดินมาถึงห้างสรรพสินค้า เลยนึกได้ว่าซีซีใกล้มาถึงแล้ว ควรจะซื้อของเล่นและเสื้อผ้าให้ลูกหน่อย เธอเลยเดินเข้าไปด้านใน
เธอเดินซื้อของข้างในสองชั่วโมง ซื้อของให้ลูกตั้งมากมาย เลยเอาที่อยู่โรงแรมให้เขา เพื่อจะได้เอาของไปส่งให้
พอเดินซื้อของเสร็จ ซูย้าวก็เดินมาตามบันไดเลื่อน ด้านล่างมีเสียงเอะอะโวยวายอยู่ และก็สะดุดตาเธอพอดี
“เด็กคนนี้ อยากจะหนีอีกแล้วใช่ไหม?ทำไมเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้?ช่างเป็นเด็กไม่รู้ความจริงๆ !”
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโมโหและจับตัวเด็กน้อยคนนั้นไว้อยู่ แล้วก็กำลังจะตีที่ตัวเด็กคนนั้น
เสียงฝ่ามือดังมาก แต่เด็กคนนั้นกลับกัดปากแน่น อดทนไม่ร้องไห้ออกมา
มีคนมุงดูเยอะมาก และต่างก็พากันพูดให้ แต่ก็มีบางคนใจดีพยายามห้าม
เด็กดื้อซนที่ทำให้พ่อแม่ปวดหัวนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ซูย้าวเลยไม่สนใจ แต่พอตอนที่เธอจะเดินออกมา ก็พลันหันไปมองเด็กชายคนนั้นโดยไม่ตั้งใจ แล้วหยุดเดินทันที
ไม่นึกว่าจะเป็นเด็กชายที่เคยเจออยู่โรงแรม จำได้ว่าเขาน่าจะชื่อเตียวเตียว
ผู้หญิงคนนั้นโมโหมาก แล้วใช้แรงกระชากแขนเล็กๆ ของเด็กน้อยคนนั้น จากนั้นก็ผลักออกอย่างแรง “ไอ้เด็กเหลือขอ!วันๆ รู้จักแต่ออกไปเที่ยวเล่น ทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ได้!ถ้ารู้ว่าแกจะเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่เอาแกไว้”
“ที่ให้แกหนี วันนี้ฉันตีแกตายแน่!ตีให้ตายเลย!”
ผู้หญิงคนนั้นลงมือหนักมาก แต่เด็กคนนั้นก็พยายามไม่ร้อง แล้วก็ยืนนิ่งๆ แบบนั้น ให้หล่อนตี
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ไม่รู้ว่าหล่อนตีโดนตรงไหน อยู่ดีๆ เด็กคนนั้นก็เปลี่ยนไป แล้วพยายามดิ้น จากนั้นก็กัดลงไปที่มือหล่อนทันที
“โอ๊ย!แกไอ้เด็กเวร แกคิดจะกัดฉันเลยเหรอ!” หล่อนร้องออกมาดังมาก แล้วก็ตีลงไปอย่างหนัก
คนรอบข้างเริ่มทนไม่ไหว คิดจะเข้าไปห้าม แต่กลับโดนหล่อนพูดให้จนตกใจ
แล้วอยู่ดีๆ เด็กชายคนนั้นก็หันมาเห็นซูย้าวที่ยืนอยู่ในกลุ่ม จึงรีบวิ่งมาหาเธอทันที แล้วก็เอามือมากกอดที่ขาเธอเอาไว้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร “พี่สาว ช่วยด้วย!”