บทที่ 233 จะไม่ยอมรามือจากผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนั้น
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
หานฉ่ายหลิงเพิ่งนึกถึงเจี่ยงเวินอี๋ เลขากำลังจะออกไปพอดี เจี่ยงเวินอี๋ก็มา
นำซุปตุ๋นบำรุงร่างกายของพี่เลี้ยง พร้อมทั้งดอกไม้ช่อใหญ่และผลไม้จำนวนมากมาด้วย กระตือรือร้นราวกับแม่ที่รักลูกสาวปานแก้วตาดวงใจ เมตตาและอัธยาศัยดีทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลผ่านมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
หานฉ่ายหลิงรีบลุกขึ้นนั่งทันที “คุณป้า นี่มันอะไรกันคะ? เกรงใจจังเลยค่ะ! แถมหอบของมาเยอะแยะ ถ้าหากเหนื่อยขึ้นมา จะทำอย่างไร?”
“ไอหยา ดูฉ่ายหลิงพูดเข้าสิ!” เจี่ยงเวินอี๋ยิ้มพลางนั่งลง จับมือเธอ ก่อนจะลูบแก้มเธออย่างรักใคร่ “ดูสิ ผอมหมดแล้ว ต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากแน่ๆ! ลูกเอ๋ย”
เกี่ยวกับหานฉ่ายหลิงที่ถูกลักพาตัว เรื่องที่ร้ายแรง นอกเหนือจากลี่เฉินซีและตำรวจ นอกเหนือจากคนวงในไม่กี่คนที่รู้ คนอื่นก็ไม่มีใครรู้
แม้แต่ตัวเจี่ยงเวินอี๋เองก็ไม่รู้
หานฉ่ายหลิงกระพริบตาโต ทำท่าทางหน้าตาน่าสงสาร “มีแต่คุณแม่ที่รักหนูที่สุด”
จากนั้น เธอก็ถือโอกาสจับมือของเจี่ยงเวินอี๋ “คุณป้าก็รู้ คุณแม่ของหนูเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก มีเพียงหนูกับคุณพ่อสองคนเท่านั้นที่ต้องพึ่งพากันและกัน คุณป้าปฏิบัติกับหนูอย่างดีมาโดยตลอด หนูคิดว่าคุณป้าเป็นแม่ของหนู”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน? ถ้าหากเป็นไปได้ มันจะดีมากถ้าหนูมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน” นี่คือความปรารถนาของเจียงเวินอี๋! ให้ลูกชายกำจัดนางใบ้ซูย้าวนั้นออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอจะได้หมดทุกข์โศกเสียที
พูดถึงเรื่องนี้ เจี่ยงเวินอี๋เลิกคิ้วระหว่างหน้าผากขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะรีบพูด “รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ คิดว่าเด็กใบ้ในวันนั้น ถึงแม้จะทำให้คนไม่ชอบ แต่คงไม่ทำเรื่องเลวร้ายอะไร แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าจะจ้างวานคนให้มาลักพาตัว มันจะเกินไปแล้ว! ”
“คุณป้า อย่าพูดถึงซูย้าวแบบนั้นเลยค่ะ” หานฉ่ายหลิงหลุบตาลงเล็กน้อย ทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ
ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ ความโกรธในใจของเจี่ยงเวินอี๋ก็ยิ่งกระพือมากขึ้น “กระทั่งแบบนี้แล้ว หนูยังพูดแทนมันอีกหรือ? นางนั้นมันใจโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่คิดว่าจะหาคนไปลักพาตัวหนู ถ้าหากช่วยไม่ทันเวลา หนูก็อาจตายได้!”
“เธออาจจะถูกคนหลอกมาก็เป็นไปได้? หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น! ปกติซูย้าวเป็นคนดี หนูไม่เชื่อว่าเธอจะทำเรื่องพรรค์นี้”
เจี่ยงเวินอี๋ถอนหายใจ “หยา เด็กคนนี้ ใจดีเหลือเกิน! ถ้าหนูเป็นแบบนี้ต่อไป ถูกเอาเปรียบจะทำอย่างไร?”
หานฉ่ายหลิงจับมือเจี่ยงเวินอี๋ เธอยิ้มพลางพูด “มีคุณป้าที่รักหนูขนาดนี้ มีเฉินซีที่ดูแลหนูขนาดนี้ หนูจะถูกเอาเปรียบได้อย่างไรกันคะ!”
“ใช่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้ยินมาว่าหนูถูกลักพาตัว เฉินซีไม่ได้นอนมาสองสามวันแล้ว ไม่กินไม่นอนเพื่อหนู เพียงพอต่อการพิสูจน์แล้ว ว่าเขามีความรู้สึกกับหนูจริง แต่น่าเสียดาย เขากับนางใบ้คนนั้นยังไม่หย่าขาดกัน… …”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เจี่ยงเวินอี๋ปวดหัว เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ พูดรับปากว่า “เชื่อป้านะ เรื่องในครั้งนี้ ป้าจะไม่ยอมปล่อยนางใบ้คนนั้น ต้องทวงความเป็นธรรมมาให้หนู! และทำให้มันกับเฉินซีหย่ากัน!”
หานฉ่ายหลิงมองไปยังเธอด้วยความตกใจ “แต่ว่า… …แบบนี้จะไม่ทำร้ายซูย้าวหรือคะ? คุณป้า รับปากกับหนู ว่าต้องรอให้คดีนี้ปรากฏความจริงมาก่อนค่อยพูด อย่าทึกทักไปเองเชียวนะคะ”
“โถ่ ลูก ช่างใจดีเสียจริง เฉินซีได้มีเมียเช่นหนู เจิ้งเอ๋อได้มีแม่เช่นหนู ป้าก็วางใจแล้ว!”
เจี่ยงเวินอี๋พอใจกับหานฉ่ายหลิงอย่างมาก ดูเหมือนคงจะสามารถจินตนาการไปถึงวันที่ลี่เฉินซีใช้ชีวิตร่วมกันหานฉ่ายหลิงออก ครอบครัวสามคน
ทั้งสองคุยกันในห้องผู้ป่วยเป็นเวลานาน ในที่สุดเจี่ยงเวินอี๋ถูกเร่งจากโทรศัพท์ จึงจำต้องออกมา
ก่อนจากไป เธอยังบอกให้หานฉ่ายหลิงดูแลร่างกายของเธอเองให้ดี อย่าทำตามอำเภอใจเด็ดขาด
หลังจากส่งเจี่ยงเวินอี๋กลับไป หานฉ่ายหลิงรู้สึกว่าแก้มของเธอยิ้มจนแข็งไปเสียแล้ว เธอล้มลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “หญิงแก่นี้ ไม่ไตร่ตรองตัวเองสักนิด คิดว่าฉันจะเอาแกมาเป็นแม่จริงๆนะเหรอ? ไม่คู่ควร!”
ถ้าไม่ใช่เพื่อลี่เฉินซี เธอขี้เกียจจะรับมือกับเจี่ยงเวินอี๋!
ในตอนนี้พ่อหานกลับผลักประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วย มองไปยังลูกสาวที่นอนเกียจอยู่บนเตียงพลางล็อคประตู เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างวางมาดเคร่งขรึม “ฉ่ายหลิง ตอนนี้ในห้องก็มีเพียงเราสองคนพ่อลูกแล้ว ลูกพูดความจริงกับพ่อ ดีไหม?”
ฉับพลันใบหน้าของหานฉ่ายหลิงพลันแข็งค้าง
“อยากให้หนูพูดความจริงอะไรกับพ่อ?”
เธอวางแผนเรื่องลักพาตัวด้วยตัวคนเดียว เพื่อที่จะแสดงได้อย่างแนบเนียน ดังนั้นจึงไม่เคยปริปากให้พ่อหานรู้สักคำ จนกระทั่งตอนนี้พ่อหานก็ยังไม่รู้
“อย่าปิดบังมันจากพ่อ พ่อเลี้ยงลูกมากับมือจนโต ทุกการกระทำของลูกอย่าปิดบังมัน!”
พ่อแม่รู้จักลูกดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือว่าไม่ดี แม้ว่าคนอื่นจะสงสัยก็ไม่มีประโยชน์
ไม่มีใครรู้จักลูกตัวเองดีพอเท่ากับแม่
พ่อก็เช่นเดียวกัน
หานฉ่ายหลิงลุกขึ้นนั่งทันที เธอมองไปยังพ่ออย่างสงบ พลางสูดหายใจเข้าลึก “หนูไม่มีทางอื่น! พ่อ พ่อต้องเชื่อหนู ไม่ว่าหนูจะทำอะไร ก็เพื่อตัวหนูเอง เพื่อบริษัทHS”
เพียงแค่กำจัดซูย้าวออกไป เธอถึงจะเข้าหาลี่เฉินซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงจะมีหวังให้เขาแต่งงานกับตัวเอง
เพียงแค่เธอกลายเป็นภรรยาของตระกูลลี่ ในอนาคตการขยายอุตสาหกรรมของบริษัทHSจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย
พ่อหานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ตอนแรกเขาแค่คาดเดา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง
“หนูรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ พ่อ ไม่ต้องตักเตือนหนูแล้ว เรื่องมันถึงขั้นนี้ พ่อทำได้แค่ช่วยลูกสาวคนนี้ พวกเราไม่ใช่พ่อลูกกันหรือ? ถ้าหากขนาดพ่อยังไม่อยู่ข้างหนู หนูจะทำอย่างไรคะ?” เธอพูดเสียงนุ่มนวล พลางมองไปทางบิดาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ
พ่อหานรู้สึกสะเทือนใจ เขานั่งลงพลางมองเธอ “ลูกเป็นลูกสาวพ่อ จะไม่ให้พ่อช่วยลูก และเลือกไปช่วยคนอื่นได้อย่างไรกัน? แต่ลูกต้องแน่ใจ ความรักที่ใช้การพิจารณา มันไม่ยั่งยืน ลี่เฉินซีไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนฉลาด กลอุบายของลูกแค่นี้ พ่อสามารถมองออก ถึงแม้จะเป็นเพราะพ่อเป็นพ่อของลูก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะดูไม่ออกไปตลอด!”
หานฉ่ายหลิงเองก็มีความกังวลนี้เช่นเดียวกัน กลัวจริงๆว่าวันหนึ่งถ้าลี่เฉินซีรู้เรื่องทุกอย่าง เมื่อถึงตอนนั้น แม้ว่าเธอจะยอมรับหรือสำนึกผิด คงสายไปแล้ว
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือ ภาวนาว่าวันนั้นจะไม่มีวันมาถึง แล้วยังต้องรับประกันได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่มีจุดบกพร่อง ไม่สามารถเผยสิ่งมีพิรุธใดออกมาให้เขาเห็น
“สิ่งที่ลูกทำทั้งหมด พ่อไม่สน แต่ลูกต้องมั่นใจว่ามันจะแน่นอนและปลอดภัย ถ้าคิดว่ามันถูก ก็ตามใจลูกเถอะ!”
พ่อหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
ต่อหน้าลูกสาวแท้ๆของตัวเอง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด แต่ในฐานะที่เป็นพ่อ จะให้ทำอย่างไร?
ต้องใช้ความกล้าเพียงใด ถึงจะจัดการกับญาติพี่น้องที่กระทำความผิดได้ เพื่อความเป็นธรรม? สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องขบขัน เอาเข้าจริง ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะทนได้
คดีลักพาตัวที่กำกับโดยตัวเอง โทษทางกฎหมายของผู้มีส่วนร่วม หานฉ่ายหลิงเพิ่งอายุได้ยี่สิบต้นๆ พ่อคนไหนอยากให้ลูกสาวใช้ชีวิตที่เหลือภายในคุก?
ดังนั้น เขาเหมือนน้ำท่วมปาก ทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน!
น่าเสียดายซูย้าวที่ไม่สามารถพูดได้คนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นใบ้ เจอเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ทางด้านบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
ช่วงเวลาที่ซูย้าวถูกจับ หวางอี้แจ้งลี่เฉินซีทันทีที่ทราบข่าว แต่หลังจากผ่านไปค่อนวัน ดูเจ้านายก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดสักนิด ยังคงทำงานปกติ จัดการปัญหาปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันทำให้เขาเกิดสับสนเล็กน้อย
หวางอี้ทบทวนเกี่ยวกับสถานการณ์ของคดีลักพาตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็ดูเอกสารสองสามอย่าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเคาะประตูและเข้าไปในห้องทำงาน
“ประธานลี่ เรื่องคดีลักพาตัว ด้วยภาพหน้าจอเพียงไม่กี่ภาพและคำสารภาพบางส่วนจากหลงเบียว ตัดสินคุณผู้หญิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ มันก็ฟังความข้างเดียวไป ผมรู้สึกว่า… ….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกขัดด้วยคำพูดของลี่เฉินซี
“ออกไป!”
“แต่ว่า… …”
หวางอี้ยังอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่ดวงตาเย็นชาของลี่เฉินซีที่กวาดมาทางเขา พร้อมกับความเป็นปรปักษ์ที่ออกมาทางกาย ทำให้เขาไม่กล้าเอ่ยปากต่อ รีบหมุนตัวออกไปจากห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก