บทที่ 224 ห้ามดู
“ไม่อย่างนั้น พวกเราเปลี่ยนร้านกันมั้ย!” หานฉ่ายหลิงคล้องแขนเขา เงยหน้ามองเขาใบหน้าอ่อนหวาน
ลี่เฉินซีสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา ยิ้มเย็นชาเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนที่หรือ ทำไมต้องเปลี่ยน!
ปล่อยหานฉ่ายหลิงนิ่งเฉยไม่พูดจา เขาเดินตรงเข้าไปข้างใน
เห็นเขาดื้อดึงเข้าไป หานฉ่ายหลิงยักไหล่อย่างไม่เต็มใจ ได้แต่เดิมตามหลังเขาไป
เพ้ยส้าวหลี่หั่นสเต็กในจานตรงหน้าเป็นชิ้นเล็กๆ ส้อมกับมีดกระทบกัน เกิดเสียงเย็นวาบ
ขณะลี่เฉินซีเดินเข้าไปใกล้ เขาก็สังเกตเห็นแล้ว นึกไม่ถึงโอกาสดีที่หาได้ยากจะถูกขัดขวาง หยิบจานที่หั่นเรียบร้อยแล้ว สลับกับจานที่อยู่ตรงหน้าซูย้าว พูดว่า “คุณกินจานนี้เถอะ!”
ซูย้าวมองสเต็กที่หั่นเป็นชิ้นเล็กในจาน แต่ละชิ้น หั่นเรียบร้อย แต่เธอกลับไม่รู้สึกอยากอาหาร
เพียงแต่สายตาจ้องมองเขา ยังไม่ทันใช้ภาษามือแสดงความรู้สึกอะไร ก็มีเสียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู
——
“บังเอิญจัง! ประธานเพ้ยก็อยู่ที่นี่”
เสียงผู้ชายทุ้มต่ำราวกับเสียงธรรมชาติ ซูย้าวไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร เพียงแต่ไม่กล้าคิด เจอกับเพ้ยส้าวหลี่ที่นี่ถือว่าบังเอิญ อย่างนั้น ลี่เฉินซีล่ะ
วันนี้เธอออกจากบ้านทำไมดวงซวยขนาดนี้ เจอกับผู้ชายสองคนนี้…
เพ้ยส้าวหลี่ก็ไม่แปลกใจ เพียงแต่เงยหน้ามอง กวาดตามองเขาเย็นชา ขณะที่วางมีดและส้อมในมือ “ครับ บังเอิญจริง! ประธานลี่กับคุณหานก็มากินข้าวที่นี่!”
เขาตั้งใจพูดเน้น “คุณหาน” คล้ายกับจะเตือนให้ซูย้าวสนใจ
หานฉ่ายหลิงก็ให้ความร่วมมือ เดินเข้าไปใกล้ลี่เฉินซี คล้องแขนเขา ท่าทางสนิทสนม แต่ไม่พูดอะไร
ซูย้าวเหลือบตามอง เสี้ยววินาทีนั้น รู้สึกว่าหัวใจบีบตัว เจ็บเหลือเกิน
ลี่เฉินซีคิดจะสลัดผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ นึกไม่ถึงเพ้ยส้าวหลี่จะพูดขึ้น “ในเมื่อทุกคนมากินข้าว ไม่รบกวนแล้ว! ประธานลี่กับคุณหานเชิญรับประทานให้อร่อย!”
หลังจากนั้น เขาก็หันไปมองซูย้าว “ดูแล้ว ที่นี่อาหารไม่อร่อย พวกเราไปกินที่อื่นกันเถอะ!”
เพ้ยส้าวหลี่ลุกขึ้น จูงมือซูย้าวออกไปข้างนอก
เธออยากจะปฏิเสธ แต่เพ้ยส้าวหลี่แรงเยอะ ประกอบกับซูย้าวตอนนี้ ก็ไม่อยากอยู่ใกล้กับพวกเขา จึงตามเขาออกไปจากร้านอาหาร
เมื่อเห็นพวกเขาไปแล้ว ลี่เฉินซีก็ไม่มีอารมณ์กินอาหารต่อ พูดกับหานฉ่ายหลิง “คุณกลับไปก่อนเถอะ! พรุ่งนี้ผมค่อยเป็นเพื่อนคุณกินข้าว”
หานฉ่ายหลิงอึ้ง “เฉินซี ฉัน…”
ที่เหลือไว้ให้เธอ มีเพียงเงาด้านหลังของชายหนุ่มที่เย็นชาราวน้ำแข็ง หานฉ่ายหลิงจิกเล็บแน่น ยัยบ้าซูย้าว ไปที่ไหนทำไมต้องเจอเธอตลอด!
เพ้ยส้าวหลี่ขับรถไปส่งซูย้าวที่อพาร์ทเมนท์ ที่หน้าประตู เธอทำท่าขอบคุณ เปิดประตูรถลงไป
“ซูย้าว——“
เหมือนกับที่เธอเดาไว้ เพ้ยส้าวหลี่ยังคงตามมา
กลางดึกสงัด ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางสบายๆ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง สายตานิ่งสงบมองเธอ เสียงแหบต่ำ “คุณน่าจะรู้ดี คุณกับคนนั้น ไม่มีทางไปต่อได้แล้ว”
บางทีพรหมลิขิตก็เป็นอย่างนี้ มาอย่างกะทันหัน เวลาที่จบลง ก็ทำให้คาดไม่ถึง
หลายคนไม่เต็มใจ พยายามดึงไว้ทุกทาง ร้องไห้ตีโพยตีพายสารพัด
แต่ปลายทางถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ซูย้าวเข้าใจดี แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากเพ้ยส้าวหลี่ ความรู้สึกไม่เหมือนกัน เธอเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ทำภาษามือ “อย่างนั้น คุณอยากพูดอะไรหรือคะ”
“ผมอยากพูด เป็นเรื่องที่คุณไม่อยากฟัง ต่อให้ผมพูดแล้ว คุณจะทำตามมั้ย หรือคุณจะพิจารณามั้ย”
บางครั้ง เพ้ยส้าวหลี่ก็รู้ตัวเองดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ ริมฝีปากซูย้าวขยับนิดหนึ่ง หัวเราะ
“ในเมื่ออย่างนี้ ประธานเพ้ย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ซูย้าวทำภาษามือ แล้วเดินเข้าอพาร์ทเมนท์ไป
เพ้ยส้าวหลี่ยังคงยืนที่เดิม สายตามองตามเธอไป นิ่งงันอยู่นาน กระทั่งเธอเดินเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ หายลับตาไปแล้ว จากนั้น สายตาลึกซึ้งของเขา ก็มีประกายซับซ้อน
วันรุ่งขึ้น เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ โม่หว่านหว่านไม่ต้องไปทำงาน จึงมาหาซูย้าวแต่เช้า ช่วยเธอดูแลลูกชาย และยังคุยกันว่าตอนเย็นจะทำเนื้อย่างกิน ที่ศาลาในสวนด้านล่าง น่าจะสนุกทีเดียว
ซูย้าวไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ทั้งหมดให้โม่หว่านหว่านจัดการ สุดสัปดาห์นี้เธอไปบ้านพักคนชราเยี่ยมแม่ เธอออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงสายแล้ว
โม่หว่านหว่านอยู่คนเดียวที่บ้าน เป็นเพื่อนลี่เจิ้งนอนเล่นบนโซฟาดูหนัง แอ็คชั่นดุเดือด รุนแรงและเร่าร้อน เมื่อเห็นบางฉากของผู้ใหญ่ เธอก็ไม่ลืมปิดตา หัวเราะ “ห้ามดู ห้ามดู!”
ลี่เจิ้งกลับจ้องมองเธอ เห็นโม่หว่านหว่านดูหนังเพลิดเพลิน สนุกสนาน
ดูหนังเรื่องแล้วเรื่องเล่า ลี่เจิ้งดูเบื่อแล้ว ก็อาศัยตอนที่โม่หว่านหว่านตั้งใจดูหนัง แอบวิ่งออกไปทางประตูหลัง
กระทั่งโม่หว่านหว่านดูหนังเรื่องสุดท้ายจบ ถึงเห็นว่าเด็กข้างตัวหายไปแล้ว!
เธอหาจนทั่วทุกซอกมุม แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของลี่เจิ้ง ซูย้าวกำชับเธอหนักหนาให้ดูแลเด็กให้ดี ถ้าหากเด็กหายไปล่ะก็ ซวยแน่!
ขณะที่โม่หว่านหว่านกำลังร้อนใจ ก็เห็นประตูหลังเปิดอยู่ เดินเข้าไปอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันออกจากอพาร์ทเมนท์ ก็ได้ยินเสียงคุยกัน——
“ชอบเล่นมั้ย งั้นอาทำให้อีกหลายอันดีมั้ย”
“ดีครับ!”
โม่หว่านหว่านเดินออกไป เห็นที่ศาลาในสวนด้านหลัง ชายแก่ผอมกะหร่องกำลังอุ้มลี่เจิ้งเล่นอะไรบางอย่าง ท่าทางจริงจังมาก
พอเธอเดินเข้าไป ชายแก่ก็รีบเงยหน้า ลี่เจิ้งก็กอดขาโม่หว่านหว่าน ร้องเรียก “อาอี่ อาอี่!”
ชายแก่ลุกลี้ลุกลน รีบอธิบาย “ผมผ่านมาพอดี เห็นลี่เจิ้งเล่นในสวน อากาศร้อนอย่างนี้ ถ้าให้เด็กตากแดดจะไม่สบาย เลยเป็นเพื่อนเขาเล่นที่นี่ครู่หนึ่ง”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่หว่านหว่านรีบกล่าวขอบคุณ และยังเชิญชายแก่มาที่อพาร์ทเมนท์ หยิบน้ำเย็นให้เขา
การทักทายเรียบง่าย เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป
โม่หว่านหว่านถึงรู้ว่า ชายแก่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนี้ เคยเจอกับซูย้าวสองสามครั้ง ถึงได้รู้จักกัน
คุยกันอยู่ ชายแก่ถึงเวลาที่ควรกลับแล้ว ลุกขึ้นทำหน้าลำบากใจ
“คุณโม่ครับ ไม่รู้ว่ามีเรื่องหนึ่ง จะช่วยผมหน่อยได้มั้ยครับ”
โม่หว่านหว่านเป็นคนมีน้ำใจ เห็นแก่ที่ชายแก่ช่วยดูแลเด็ก จึงพยักหน้าตอบรับ “พูดมาเถอะค่ะ! มีเรื่องอะไรคะ”
“คืออย่างนี้ผมจะไปบ้านลูกสาว ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาเยอะแยะ หนักมาก ยกไม่ค่อยไหว จะขอวางที่นี่ช่วยคราวได้มั้ยครับ ตอนเย็นผมค่อยมาเอา” ชายแก่พูดขอร้องอย่างเกรงใจ
ที่แท้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ โม่หว่านหว่านได้ยินแล้ว ก็รีบตกลง
เวลานี้ ชายแก่วางกระเป๋าเป้สีดำลง เป้หนักมาก เหมือนของหนักสิบกว่าโล เดินไปส่งชายแก่แล้ว โม่หว่านหว่านก็อุ้มลี่เจิ้ง “ แอบวิ่งออกไปข้างนอก ถ้าเจอคนร้ายจะทำยังไง”
ลี่เจิ้งเพียงแต่หัวเราะฮิๆ และยังกอดคอโม่หว่านหว่านเอาใจ จุ๊บที่แก้ม
เช่นนี้ โม่หว่านหว่านหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง เข้าไปห้องครัวเตรียมเนื้อย่างมื้อค่ำ
ใครจะไปรู้ ชายแก่ออกจากอพาร์ทเมนท์ ก็ขึ้นรถตู้สีเทาคันหนึ่ง สั่งพวกคนที่อยู่บนรถ “ทำงานเสร็จแล้ว รอตอนกลางคืน อย่าลืมล่ะ รีบหน่อย! อย่าทำเสียเรื่อง!”
“ครับ!”