บทที่ 223 ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขนาดนี้หรือ
ห้าโมงเย็นกว่าๆ ช่วงฤดูร้อน กลางวันยาวกลางคืนสั้น ท้องฟ้าจึงมืดช้า
ช่วงเวลานี้ เวลาเลิกงานพอดี แสงอาทิตย์กำลังลับฟ้า อุณหภูมิลดลงหน่อย ท้องถนนมองเห็นผู้คนเดินเล่น และซื้อกับข้าวกลับบ้าน ซูย้าวอุ้มลี่เจิ้ง กำลังเดินสบายๆ บนท้องถนน
เห็นร้านฟาสต์ฟู้ดร้านหนึ่ง ลี่เจิ้งรีบชี้ไปที่ป้ายร้าน “แฮมเบอร์เกอร์ แฮมเบอร์เกอร์…”
ซูย้าวขมวดคิ้ว แฮมเบอร์เกอร์ ของอย่างนี้ เด็กเล็กกินมากไม่ดีมั้ง!
แต่ลี่เจิ้งร้องกระจองอแง อยากจะกินให้ได้
เธอจึงต้องตามใจลูกชาย เลือกเข้าร้านฟาสท์ฟู้ด
พนักงานไม่รู้ภาษามือ ทำให้ซูย้าวสั่งอาหารลำบาก ต้องหยิบปากกาขึ้นมาเขียนในสมุด เธอสั่งหลายอย่าง จะกินอาหารที่นี่กับลูก กินเสร็จแล้วค่อยพาลี่เจิ้งเดินเล่นสักพักแล้วกลับบ้าน
แผนการดี แต่นึกไม่ถึงยังไม่ทันนั่งลง จู่ๆ ก็มีความรู้สึกซับซ้อนผุดขึ้นในใจ และหนังตาขวาก็กระตุกไม่หยุด มีลางสังหรณ์จะเกิดเรื่องไม่ดี
รู้สึกไม่สบายใจ มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าซูย้าวจะเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และไม่เชื่อเรื่องลางสังหรณ์ แต่ตอนนี้ที่บ้านมีแค่เธอกับเด็กสองคน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่อมไม่ดีแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอเรียกพนักงาน ห่ออาหารที่สั่งทั้งหมด แล้วอุ้มลูกกลับบ้าน
ลี่เจิ้งสีหน้าไม่เต็มใจ ซูย้าวก็ทำภาษามืออธิบายให้เขาฟังไม่ได้ แต่ลูบหัวเด็กน้อยปลอบใจ บอกความหมายอย่าโยเย กลับบ้านแล้วค่อยกินข้าวกัน
รีบเดินตลอดทางกลับบ้าน เสี้ยววินาทีที่เปิดประตู เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เดินเข้าไปวางลูกลง เธอกวาดตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็แน่ใจ มีคนเข้ามาในบ้านแน่ๆ
เธอแน่ใจมาก
เธอตรวจรหัสล็อกประตูซ้ำๆ เพราะเป็นสมาร์ทล็อค ถ้าหากมีการปลดล็อกจะมีบันทึกไว้ เธอหยิบโน๊ตบุ๊คมาเชื่อมต่อกับล็อกประตู ลองตรวจสอบดู
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ หลังจากเธอออกไปไม่ถึงสิบนาที ก็มีคนปลดล็อกเข้ามาในอพาร์ทเมนท์
คือใครกันแน่นะ
ในบ้านไม่มีของอะไรหาย ถึงกับยังวางเหมือนเดิม เพียงแต่มองข้ามรายละเอียดเล็กๆ ทำให้ซูย้าวเห็นเบาะแส
ลี่เจิ้งหิวแล้ว นั่งที่โซฟาร้องโยเย เรียกไม่หยุด “ หม่าม้า หิวๆ หิวๆ!”
ซูย้าวได้แต่หยุดความคิดของตัวเอง รีบหยิบอาหารออกมาป้อนลูกชาย กระทั่งลี่เจิ้งกินอิ่มแล้ว เธอไม่มีกะจิตกะใจกินอาหาร นั่งลงเริ่มคิดเรื่อยเปื่อย
โม่หว่านหว่านเลิกงานแล้วถึงจะมาหา ซื้อผลไม้และของว่างมาให้เธอมากมาย เป็นอาหารที่คนท้องกินได้ และยังซื้อของเล่นเล็กๆ ให้ลี่เจิ้งสองชิ้น เอาใจเด็กชายเล่นไม่หยุด
เพราะซูย้าวพูดไม่ได้ และยังย้ายออกจากบ้านตระกูลลี่ ที่บ้านมีแค่สองแม่ลูก แม้แต่คนคุยเป็นเพื่อนลี่เจิ้งก็ไม่มี ถ้าโม่หว่านหว่านมาบ่อยๆ ถือเป็นเรื่องดีมาก
โม่หว่านหว่านก็ชอบลี่เจิ้ง ให้เขาเรียกแม่บุญธรรมตลอด แต่เด็กยังเล็ก ไม่เข้าใจอะไรคือแม่บุญธรรม
ซูย้าวใช้ภาษามือบอกกับเธอเรื่องที่มีคนบุกเข้ามาในห้อง โม่หว่านหว่านฟังแล้ว สรุปง่ายๆ “นอกจากคนของลี่เฉินซี ยังจะเป็นใครได้อีก”
ลี่เฉินซี?!
ใช่เขาหรือเปล่า
“อย่าลืมสิ พวกเธอยังไม่ได้ทำเรื่องหย่านะ เขายังเป็นสามีเธอ ต่อให้ทำเรื่องแล้ว เขาก็เป็นอดีตสามี พวกเธอสองคนยังมีลูก เธอคิดว่าชาตินี้จะตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยกับผู้ชายคนนี้ได้หรือ”
“…”
คำพูดแค่สองสามคำ ทำให้ซูย้าวไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
“เขาไม่ได้คิดร้ายอะไร อาจจะแค่ส่งคนมาดูชีวิตความเป็นอยู่พวกเธอสองคนแม่ลูก! ถึงอย่างไร เธอบอกว่าหย่าแล้วลูกอยู่กับเธอใช่มั้ย เขาเป็นพ่อ ก็คงไม่วางใจหรอก!” โม่หว่านหว่านอธิบายไปเรื่อย ช่วยเธอเลิกสงสัย
จากนั้น เธอสังเกตเห็นอาหารที่เหลือบนโต๊ะ ยื่นมือไปจับ เย็นหมดแล้ว
“เธอยังไม่ได้กินข้างหรือ” โม่หว่านหว่านถาม
ซูย้าวพยักหน้า
โม่หว่านหว่านอุ้มลี่เจิ้งขึ้นทันที ลุกขึ้นพูด “ไปกัน พวกเราออกไปกินอะไรกันเถอะ! ฉันก็หิวแล้ว!”
ขณะที่โม่หว่านหว่านสั่ง ซูย้าวได้แต่หยิบกระเป๋าขึ้นมา ตามเธอและลูกชายออกไปกินข้าว
ร้านอาหารฝรั่งหรูหราแห่งหนึ่ง โม่หว่านหว่านสั่งอาหารสองชุดกับสลัดผลไม้ เครื่องดื่มมาเสิร์ฟก่อน เธอดื่มน้ำมะนาวหลายคำ เหลือบตามองซูย้าว “เธอรู้มั้ยฉันได้งานที่เพ้ยซื่อกรุ๊ป ทั้งหมดก็เพราะเธอเป็นสาเหตุ”
พูดตรงๆ อย่างนี้ ซูย้าวเกือบจะตกใจ สายตามองเธอ ทำภาษามือถาม “เพราะฉันหรือ ทำไมล่ะ”
“ฉันทำงานกับเขา นอกจากหาเงินยังชีพแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังช่วยเธอจับตาเพ้ยส้าวหลี่ ฉันดูออกนะ เขาสนใจเธอ” โม่หว่านหว่านกัดหลอดเครื่องดื่ม นิ้วเขี่ยร่มเล็กๆ ที่ประดับบนแก้ว
ซูย้าวย่นคิ้ว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิก ทำภาษามือ “เธอช่วยฉันจับตา จับตายังไง”
“เธอทายสิ” โม่หว่านหว่านแกล้งทำเป็นลึกลับ อุบไว้ สายชำเลืองมองมือถือตัวเอง “ไม่ถึงสองนาที จะมีมือถือโทรเข้ามา เรียกฉันออกไป จากนั้น…”
ลากเสียงยาว โม่หว่านหว่านแกล้งทำเป็นปริศนาไม่พูดต่อ
ซูย้าวถูกทำให้อยากรู้ สายตามองเธอ ยิงคำถาม “หมายความว่าไง เธอยังมีงานอะไร หรือนัดใคร”
“ไม่ใช่ซะหน่อย! ไม่เกี่ยวกับฉัน มีบางคนรักเธอแต่แรกเห็น จู่โจมอย่างบ้าคลั่ง อยากจะเด็ดดอกไม้ที่มองได้อย่างเดียว!” โม่หว่านหว่านยิ้มเจ้าเล่ห์
“…”
ซูย้าวไม่รู้จะพูดอย่างไร จับต้นชนปลายไม่ถูก เธอพล่ามเรื่องอะไรนะ
ยังไม่ทันที่โม่หว่านหว่านจะอธิบายอะไร มือถือก็ดังขึ้นจริงๆ
“อึม ตอนนี้หรือคะ…อ้อ ได้ค่ะ! รอสักครู่นะคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้…” วางสายแล้ว โม่หว่านหว่านมองเธอ หรี่ตา ท่าทางเหมือนทั้งหมดถูกเธอเดาได้ถูกต้อง
ซูย้าวกลับรู้สึกอึดอัด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
โม่หว่านหว่านหยิบกระเป๋าลุกขึ้น ก่อนไปตั้งใจก้มลงกระซิบข้างหูเธอ พูดประโยคหนึ่ง “ถ้าฉันไปแล้ว เธอคนเดียวรับมือได้มั้ย”
ไม่รอซูย้าวถาม เธอก็พูดขึ้นอีก “ไม่นานหรอก ฉันเชื่อเธอ ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ฉันกลับมาแน่!”
จากนั้น ก่อนเธอออกไป ยังอุ้มลี่เจิ้งที่กินอิ่มนานแล้วไปด้วย มีเด็กคนนี้ ต่อให้ต้องไปบริษัท ก็ไม่ต้องทำโอที
โม่หว่านหว่านเพิ่งจะเดินออกไป ไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงผู้ชายทุ้มต่ำอบอุ่น ดังขึ้นจากด้านบน
“กินข้าวคนเดียวหรือครับ”
ซูย้าวเงยหน้ามองแปลกใจ ก็เห็นเพ้ยส้าวหลี่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ทันที เธอก็เข้าใจความหมายของโม่หว่านหว่านที่พูดก่อนหน้านี้ ที่แท้เพ้ยส้าวหลี่จ้างโม่หว่านหว่าน มีประโยชน์อย่างนี้!
ทุกที่ทุกเวลา “ใช้ “งาน” เป็นข้ออ้าง กำจัดก้างขวางคอ
ไม่รอให้ซูย้าวอนุญาต เพ้ยส้าวหลี่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอก ลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้างหน้าเธอ นั่งลง “หมู่นี้สีหน้าคุณไม่ค่อยดี เป็นเพราะแพ้ท้องหนักหรือเปล่าครับ”
เขาเรียกพนักงานให้มาเปลี่ยนเครื่องดื่มให้เธอเป็นเครื่องดื่มร้อน และยังพูด “ดื่มน้ำเย็นเกินไปไม่ได้ ไม่ดีกับร่างกายแล้วก็เด็ก ผมเพิ่งเชิญคุณหมอสูติ มีชื่อเสียงที่เมืองนอก ผมให้เขามาตรวจร่างกายคุณพรุ่งนี้นะครับ!”
“…”
ความใส่ใจที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้ซูย้าวกลับรู้สึกอึดอัด
สีหน้าอึดอัด มองผู้ชายที่อยู่ใกล้ เธอยังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร พนักงานก็ยกเครื่องดื่มร้อนมาก่อน
เพ้ยส้าวหลี่รับมา หยิบน้ำมะนาวที่อยู่ข้างมือเธอออกไป วางเครื่องดื่มร้อนใกล้ๆ แล้วดึงมือเธอมาจับที่ถ้วย “มือคุณเย็นตลอด จับไว้จะได้อุ่นๆ”
เป็นช่วงฤดูร้อนอบอ้าว ไม่รู้เพราะอากาศ หรือเพราะแอร์ในร้านอาหารเสีย ซูย้าวรู้สึกในทันใดนั้น ร้อนกว่าเดิม!
ที่หน้าประตูร้านอาหาร สายตาลี่เฉินซีประหลาดใจ จากนั้นความโกรธก็เข้ามาครอบงำ
“ว้าว ดูไม่ออกเลย ความสัมพันธ์ของซูย้าวกับประธานเพ้ย…ดีขนาดนี้เชียว” หานฉ่ายหลิงที่ควงแขนเขา ก็เห็นซูย้าวกับเพ้ยส้าวหลี่ที่กำลังกินอาหาร รอยยิ้มที่ริมฝีปากเย็นชา