บทที่ 192 ฉันอยากพาเธอไป
ชั้นสองของบ้านใหญ่ตระกูลลี่ แสงแดดยามเช้าทะลุผ่านม่านบางๆสาดเข้ามา บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยหนังสือและเอกสาร
“อย่าเพิ่งเก็บเลย ตอนนี้เธอเก็บพวกมันทำอะไรล่ะ?” โม่หว่านหว่านนั่งอยู่ที่ด้านข้างด้วยความโมโห จ้องมองซูย้าวที่เก็บของอยู่บนพื้นบ่นขึ้นมา
เห็นว่าตนเองพูดแล้วไม่มีประโยชน์ จึงเดินเข้าไปทันที ดึงซูย้าวให้ลุกขึ้น แล้วออกแรงกดให้เธอนั่งลงไปบนเก้าอี้ พูดด้วยความโมโห “เธอโง่หรือเปล่า? น้ำเข้าสมองเหรอ? หรือโดนประตูหนีบ? มีเหตุผลอะไรที่เขาบอกว่าจะหย่าก็ต้องหย่า? แล้วยังลบวีแชทออกไปอีก!”
ตั้งแต่หลังจากที่เธอได้รับวีแชทของ ‘ลี่เฉินซี’ ที่บอกว่าจะหย่า ซูย้าวก็ทำแค่สองอย่างเท่านั้น
ลบเขา กับเก็บของ
ในตัวเมืองเธอยังมีคอนโดอีกห้องหนึ่ง เมื่อก่อนซื้อเอาไว้ ช่วงนี้ไม่มีคนอยู่ ถ้าถึงขั้นต้องหย่า เธอยังคิดว่าตนเองต้องมีสติสักหน่อย เก็บของให้ดีแล้วย้ายไปก่อน รอเขากลับมา แค่เซ็นเอกสาร เธอก็จะพาลูกชายออกไปทันที
ไม่อย่างนั้น คงไม่ต้องรอให้เขาไล่ตนเองออกไปหรอก!
เป็นคนต้องรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร ไม่ใช่เหรอ?
หลังจากโม่หว่านหว่านได้ยินข่าวนี้ ก็โกรธจนตัวสั่น เดือดปุดๆ ไม่หยุดเลย
“มีเหตุผลอะไร? เธอบอกฉันสิ! ซูย้าว เธอติดค้างอะไรเขากันแน่ มีเหตุผลอะไรที่เขาพูดแล้วก็ต้องทำตาม เธอเป็นท่อนไม้เหรอ?”
หยุดพูด แล้วโม่หว่านหว่านก็แก้พูดใหม่ “ไม่ใช่สิ ท่อนไม้แข็งแกร่งกว่าเธอ! เธอเป็นฟองน้ำ สำลี! ก็เป็นแค่ซาลาเปาลูกเล็กๆที่ถูกรังแกเท่านั้นแหละ!”
ซูย้าวเงียบไม่โต้แย้ง แค่มองเอกสารหนังสือมากมายที่อยู่บนพื้น เธอรีบเก็บของเท่านั้น
ของเธอไม่เยอะ เสื้อผ้าของใช้น้อยมาก มีแต่ของลูกชาย แล้วก็หนังสือเอกสารที่มากมาย
จัดการเก็บของพวกนี้ แล้วค่อยหารถสักคัน ให้ขนของไปที่คอนโดในตัวเมือง
ในใจของเธอวางแผนอยู่เงียบๆ แต่โม่หว่านหว่านกลับโมโหจนทนไม่ไหว “เธอไม่ต้องทำแล้ว! ถ้ายังไม่สนใจฉันอีก ฉันจะเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเลย!”
เห็นเธอจะทำจริงๆ ซูย้าวจึงวางกองหนังสือในมือลงไป เหลือบตามองเธอ
“บอกฉันมา เพราะอะไร? แล้วมีสิทธิอะไร?” โม่หว่านหว่านรู้สึกไม่มีค่าแทนเธอ เอาแต่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม!
แต่เห็นเธอโมโหมาครึ่งวันอย่างนี้ ก็เหมือนกับได้ระบายอารมณ์ออกมาพอประมาณแล้ว ซูย้าวจึงใช้ภาษามืออธิบาย “ไม่เพราะอะไร แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรด้วย ตอนแรกที่แต่งงานกัน ก็ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว เขาโดนบังคับให้แต่งงานกับฉัน ไม่ใช่เหรอ?”
ฟังแล้ว โม่หว่านหว่านยิ่งโมโหมากขึ้น “โดนบังคับอะไร? เขาทำเพื่อทรัพย์สินของบริษัทลี่ซื่อ! ถ้าไม่มีพินัยกรรมฉบับนั้นของคุณท่านลี่ เขาจะแต่งงานกับเธอเหรอ? เพื่อทรัพย์สมบัติถึงแต่งงานกับเธอ แล้วนั่นก็ไม่ใช่การบังคับด้วย!”
“สรุปแล้ว ตอนแรกที่แต่งงาน เขาก็ไม่ได้ยินยอม การแต่งงานนี้ ถ้าเขาอยากจะให้มันจบ งั้นก็ทำให้เขาสมหวังเถอะ” ซูย้าวใช้ภาษามือพูด
แต่โม่หว่านหว่านกลับถาม “เธอทำให้เขาสมหวัง แล้วใครทำให้เธอสมหวังล่ะ? อีกอย่างมีสิทธิอะไร! มีสิทธิอะไรที่เธอต้องเสียสละเพื่อเขามากขนาดนี้!”
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้หญิงคนหนึ่ง เพิ่งจะยี่สิบปีบริบูรณ์ก็ต้องแต่งงานกับเขา ให้กำเนิดลูก ตอนนี้ยังท้องลูกคนที่สองอีก แล้ว หย่า คำนี้ โจมตีผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดไหน!
ซูย้าวกำลังมองเธอ ถอนใจเบาๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใช้ภาษามือพูด “แค่เพราะตอนแรกฉัน ยินยอมแต่งงานกับเขา”
ประโยคนี้ ทำให้โม่หว่านหว่านพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เธอยินยอม เธอรักเขา
นี่เป็นเหตุผลกับคำอธิบายทั้งหมด
ซูย้าวยกกองหนังสือพวกนั้นขึ้นอีกครั้ง เก็บของต่อไป
วางของลงไปในกล่องกระดาษ แล้วปิดผนึกเอาไว้ ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำงานเพียงครู่เดียว ก็ร้อนจนเหงื่อท่วม
พี่เลี้ยงอุ้มเจิ้งเอ๋อเข้ามาพอดี เห็นฉากที่กำลังยุ่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกลุ้มใจ “คุณผู้หญิง คุณเก็บของพวกนี้ทำอะไรเหรอคะ? ต้องการหาอะไรหรือเปล่า?”
ซูย้าวส่ายหน้า ยังไม่อยากอธิบาย แต่ก็ได้ยินเสียงโม่หว่านหว่านที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น “รอคุณผู้ชายของบ้านเธอกลับมาแล้ว ค่อยถาม ก็ได้รู้แล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะถามทำไม?”
“……”
พี่เลี้ยงโดนตอกกลับจนพูดไม่ออก
“อุ้มเด็กออกไปข้างนอกเถอะ! ในนี้ฝุ่นเยอะ อย่าให้เด็กอยู่ในนี้เลย!” โม่หว่านหว่านพูดขึ้นอีก
พี่เลี้ยงตกใจเล็กน้อย จนกระทั่งเห็นท่าทีของซูย้าว จึงอุ้มเด็กออกไป
โม่หว่านหว่านอดไม่ได้ที่จะให้เธอยุ่งอยู่คนเดียว ตนเองจึงเข้ามาช่วยด้วย แล้วพูดขึ้น “เธอคิดถึงตัวเองในอนาคตหรือยัง?”
ซูย้าวส่ายหน้า
“เฮ้อ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้คิดมาก่อน! เธอก็รู้ ถ้าหย่ากัน ลี่เฉินซีต้องเอาเจิ้งเอ๋อไปแน่ๆ นั่นเป็นลูกชายของเขา ตระกูลลี่ของพวกเขาจนถึงตอนนี้มีลูกชายเพียงคนเดียวนะ ต่อไปทายาทของบริษัทลี่ซื่อ เธอคิดว่า……”
ยังไม่ทันพูดจบ ซูย้าวก็ใช้ภาษามือพูดขึ้นมาทันที “ลูกชายไม่ให้เขาเด็ดขาด!”
“เธอไม่ให้ เขาก็ต้องแย่งกับเธอ คิดดีหรือยังว่าจะรับมือยังไง?” โม่หว่านหว่านถาม
ซูย้าวใช้ภาษามือ “ฉันยังมีเงินอยู่อีก จ้างทนายได้ ฟ้องร้องได้ ไม่ว่ายังไง ก็ไม่ให้ลูกชายเขาเด็ดขาด!”
ฟ้องร้อง?
โม่หว่านหว่านรู้ว่าในมือของซูย้าวยังมีเงินอีกเท่าไหร่ นั่นก็คือเงินสดที่มีไม่ถึงหนึ่งร้อยล้าน ฟ้องร้องน่ะพออยู่แล้ว แต่ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับลี่เฉินซีน่ะสิ
ซูย้าวก็รู้ว่าเธอกังวลอะไรอยู่ จึงใช้ภาษามืออธิบาย “สบายใจได้ ฉันจะเซ็นชื่อหย่า แล้วก็ไม่เอาเงินของตระกูลลี่แม้แต่นิดเดียว แต่เงื่อนไขคือ ลูกของฉันต้องอยู่กับฉัน! ไม่งั้น……”
เธอไม่ได้พูดต่อไป ถ้าไม่งั้น ก็จะทำให้บริษัทลี่ซื่อของวันนี้ เปลี่ยนเป็นเหมือนบริษัทซูซื่อในวันพรุ่งนี้
เพียงแค่ลี่เฉินซียอมเสียสละบริษัททั้งหมดของครอบครัว งั้นเธอก็จะตามใจ อย่างไรเสียอนาคตอีกยาวไกล เธอมีความสามารถที่จะทำลายล้างบริษัทลี่ซื่อให้หมดสิ้นได้
โม่หว่านหว่านกำลังมองเธอ “เธอโง่นะ ทำไมไม่เอาเงินของเขาเลยล่ะ? ในท้องของเธอยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอีกนะ! เธอต้องเอาจากเขาหน่อยสิ ให้เขาให้เธอสักกี่พันล้าน ทำให้บริษัทลี่ซื่อเป็นหนี้เป็นสินไปเลย! ดูสิว่าจะเอาอะไรมาฟ้องร้องเธอได้!”
“……”
ซูย้าวมองเธออย่างจนปัญญา นี่เป็นวิธีอะไรน่ะ
ไม่อยากสนใจเธอ จึงเก็บของต่อไป แต่โม่หว่านหว่านกลับได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง หลังจากวางสาย ก็พูดกับเธอ “พอแล้ว อย่าเพิ่งเก็บ ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่งเพื่อเจอใครบางคนก่อน!”
“……”
ซูย้าวขมวดคิ้ว ตอนนี้เธออยากจะเก็บของเท่านั้น
“ไปกันเถอะ เจอแล้วเธอก็รู้เอง!” โม่หว่านหว่านไม่สนใจอะไรมาก ดึงเธอลงไปข้างล่างทันที
ขับรถมาส่งเธอที่สวนสาธารณะใจกลางเมือง โม่หว่านหว่านจอดรถ ให้เธอลงจากรถไปคนเดียว ส่วนตนเองรออยู่ที่ด้านนี้
ซูย้าวลงจากรถด้วยความกลุ้มใจ เพิ่งเข้าสวนสาธารณะ ก็เห็นหลินโม่ป่ายแล้ว
เธอตกใจ เดินเข้าไปใช้ภาษามือพูดขึ้น “นายกำลังรอฉันอยู่เหรอ?”
เขาพยักหน้า “โทรหาเธอแล้ว แต่มือถือเธอปิดเครื่อง จึงให้หว่านหว่านพาเธอออกมา”
“หาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” ซูย้าวใช้ภาษามือถาม
หลินโม่ป่ายก้าวเข้าไปใกล้ๆ จับมือของเธอเอาไว้ ดวงตาดำขลับ เปล่งประกายความจริงใจ จับจ้องตาไม่กะพริบ
ทำให้เธอค่อนข้างตกตะลึง นี่เป็นอะไรไป?
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง คิดๆแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น “ซูย้าว ฉันได้ยินหว่านหว่านบอกว่า คนคนนั้นอยากหย่ากับเธอ”
ซูย้าวก้มหน้า แน่นอนสิ ลี่เฉินซีเป็นคนส่งวีแชทมา การพิมพ์เหมือนกันมาก แล้วยังเป็นมือถือของเขาด้วย หวางอี้คงไม่แตะต้องมั่วซั่ว ถ้าไม่ใช่ความสมัครใจของเขาเอง จะเป็นใครที่พิมพ์ข้อความเหลวไหลนั้นออกมาเพื่อล้อเล่นกัน
“ฉันอยากพาเธอ แล้วก็แม่ของเธอ รวมไปถึงลูกของเธอ ออกไปจากที่นี่ ซูย้าว ไปกับฉัน ได้ไหม?” หลินโม่ป่ายขมวดคิ้วแน่น สีหน้าท่าทางไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน “ฉันอยากอยู่กับเธอ พวกเรามาสร้างครอบครัวด้วยกัน ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้ความสุขแก่เธอและลูกๆ”
หลินโม่ป่ายพูดแล้วทำได้เสมอ
ซูย้าวเชื่อ
เพียงแต่คำพูดออกมาจากปากเขาอย่างกะทันหัน ในตอนนี้ ทำให้ซูย้าวค่อนข้างรับมือไม่ถูก ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย
เธอตกตะลึงไปชั่วครู่ สักพักจึงแสดงรอยยิ้มบางๆที่งดงามออกมา หลบสายตาจากเขา มองไปที่ไกลๆ ใช้ภาษามือพูดขึ้น “โม่ป่าย ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องของอนาคต ก็เลย……”
“ไม่เป็นไร ฉันรอเธอได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันยินยอมรอเธอ เพียงแต่ตอนนี้ หลังจากเธอหย่ากับเขา ฉันอยากจะพาเธอไป เราไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศด้วยกัน เป็นไง?”
หลินโม่ป่ายพูดอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าท่าทางจริงใจ ทั้งยังมีการวางแผนที่ละเอียดรอบคอบ คิดถึงผลลัพธ์อย่างลึกซึ้งและถี่ถ้วนแล้ว