บทที่ 159 ปีศาจชัดๆ
ซูย้าวรู้มาตั้งนานแล้วว่าไม่ควรขัดใจลี่เฉินซี
ไม่ว่าจะตอนอยู่บนเตียง หรือตอนลงจากเตียง
ตั้งแต่ตีสองจนถึงแปดโมงเช้า รวมๆแล้วก็หกชั่วโมง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือความอึดของร่างกายเขา เธอถึงได้ถูกรังแกจนหมดแรงราวกับจะตายให้ได้
ไม่รู้ว่ามันจบลงตอนไหน เธอจำได้แค่ว่าตัวเองรับมันไม่ไหว สุดท้ายก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนในอ้อมกอดของเขา
ขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ยังรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บแสบอยู่เรื่อยๆ เธอจึงดิ้นหนี ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นมาว่า “อยู่นิ่งๆ กำลังทายาให้!”
ทายา?!
เธอหยุดนิ่งไปอย่างแปลกใจ จากนั้น ก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
เธอลืมตาขึ้นมาจึงพบว่าข้างนอกสว่างแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา จนทำให้ทั้งห้องสว่างไสว
เธอมองชายหนุ่มที่นั่งยองๆอยู่ข้างเตียง บนนิ้วมือเรียวยาวราวกับหยกชุ่มไปด้วยเนื้อยาสีขาว จากนั้นก็ทาลงบนตัวของเธอเบาๆ……..
ซูย้าวลุกพรวดขึ้นมา แล้วรีบดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่ลี่เฉินซีกลับลุกขึ้นกอบกุมข้อเท้าขาวๆของเธอเอาไว้ แล้วกระชากเข้าหาตัวเบาๆ จนเธอกลับมาอยู่ที่เดิม
และอยู่ในท่าเดิม
ดูเหมือนว่า ลี่เฉินซีจะดีขึ้นแล้ว สติพร่าเลือนที่เคยมีเมื่อวานหดหายไป เขาในตอนนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับตอนปกติ
เพียงแต่ว่าการกระทำแบบนี้ มันทำให้ซูย้าว….รับไม่ไหวจริงๆ!
เธอเบี่ยงตัวหลบอย่างเขินอาย หยิบผ้าห่มมาคลุมกายด้วยความเร็ว ยังดีที่ลี่เฉินซีทายาไว ไม่ทันไรก็ทาเสร็จแล้ว ต่อให้เธอจะปกปิดต่อไปยังไง เขาก็ไม่สนใจแล้ว
เขาเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ ในตอนที่ออกมา ก็มาหยุดอยู่ข้างเตียง ไม่ลืมหยิบสูทตัวนอกขึ้นมาใส่ สายตาเรียบนิ่งเหลือบมองคนบนเตียง แล้วพูดออกมาว่า “บวมหมดแล้ว ตอนเย็นเดี๋ยวจะทายาให้อีกรอบแล้วกัน พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว!”
“……..”
“ผมไปทำงานก่อน คุณนอนต่อก็ได้นะ!” ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบของเขาหันกลับมา กวาดสายตามองตามร่างกายของเธออย่างสื่อความหมายบางอย่าง
มันทำให้ซูย้าวแอบรู้สึกว่า คืนนี้เขาจะ….ทำมันอีก……
ปีศาจชัดๆ!
เมื่อเขาออกจากห้องไป ซูย้าวก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับยาปลุกเซ็กซ์ แต่เพราะถูกรังแกมาอย่างทรหด เธอจึงเหนื่อยจนทนไม่ไหว ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็หลับไปอีกครั้ง
ในตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กดังขึ้นมาอยู่ข้างหู “แมะ! แมะ……”
เมื่อซูย้าวค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าเจิ้งเอ๋อนั่งอยู่บนตัวของเธอ มือเล็กๆตบไปตามร่างกายของเธออย่างสะเปะสะปะ พร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา จนเห็นฟันน้ำนมเล็กๆสองซี่ๆ
“แมะ! หิว!”
เจิ้งเอ๋อพูดพร้อมกับมุดอกของเธอคลำหาน้ำนมดื่มกิน
ซูย้าวอุ้มลูกชายขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ป้อนนมเขาได้สักพัก เจิ้งเอ๋อก็หยุดดื่ม แล้วนั่งเล่นอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ทั้งยังดึงมือของเธอ เพื่อบอกให้เธอพาออกไปเล่นข้างนอก
เธอรู้สึกเหมือนร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เดินลงจากเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เหนื่อยแล้ว ทุกๆก้าวเดิน ล้วนแล้วแต่มีเสียงอุทานออกมาอย่างเจ็บปวดเป็นพักๆ ถึงจะไม่ได้เจ็บรุนแรงขนาดนั้น แต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี
ซูย้าวย่อตัวลงกอดเจิ้งเอ๋อเอาไว้ แล้วส่ายหน้าให้เขา
เจิ้งเอ๋อเบะปากอย่างไม่พอใจในตอนที่ซูย้าวกำลังหนักใจว่าควรอธิบายกับลูกยังไง แม่บ้านก็เดินเข้ามาพาคุณชายน้อยลงไปเล่นข้างล่างพอดีจึงช่วยให้ซูย้าวโล่งใจได้บ้าง
เมื่อกลับขึ้นมาบนเตียง เธอก็หดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างเกียจคร้าน เธอลูบจี้ที่ใส่อยู่บนคอ แล้วใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นมาในหัว หลังจากนั้นเธอก็หลับไปอีกครั้ง
วันนี้ทั้งวัน หวางอี้อยู่ที่โรงแรมหัวซีตลอดเวลา ตรวจสอบพนักงานและบริกรทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อวาน เพื่อสืบหาว่าใครเป็นคนวางยา
ลู่ส้าวหลิงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถึงขั้นประกาศหยุดงานเพื่อสืบหาคนทำ
แต่หามาทั้งวัน ก็ยังไม่ได้อะไรเลย
เพียงแต่ตรวจสอบเจอว่าวันนี้มีบริกรคนหนึ่งไม่มาทำงาน ไม่ว่าจะโทรหรือไปหาที่บ้าน ก็ไม่เจอตัว
เหมือนกับกำลังกลัวอะไรอยู่ ถึงได้หนีไปแบบนี้
ช่วงบ่ายหวางอี้กลับมาที่บริษัทลี่ซื่อ นำผลที่ได้กลับมารายงานให้ลี่เฉินซีฟังด้วยท่าทางท้อแท้ เพราะคิดว่าเจ้านายต้องด่าแน่ๆ แต่ไม่คิดเลยว่า ผู้เป็นนายจะทำแค่พยักหน้ารับรู้ และพูดแค่ว่า ‘รู้แล้ว!’
เขามองมาที่เจ้านายอย่างอึ้งๆ “ประธานลี่ครับ แบบนี้ยังต้องสืบต่อไหม?”
ลี่เฉินซีที่กำลังยุ่งอยู่กับงานนิ่งคิดอยู่สักพัก จากนั้นถึงได้พูดออกมาว่า “ช่างมัน แค่อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีกก็พอ!”
“ครับ!”
แต่หวางอี้ก็ยังคงข้องใจ เพราะจากนิสัยของลี่เฉินซีแล้ว ถ้ามีใครบังอาจมาเล่นแง่กับเขา ยังไงก็ต้องสืบหาให้เจอ! แต่ครั้งนี้นี่มันยังไง? ทำไมถึงปล่อยคนร้ายไปง่ายๆอย่างนี้ไม่ค่อยจะเข้ากับสไตล์ของเขาเลยจริงๆ
ก่อนจะออกไปจากห้องทำงาน หวางอี้ก็พูดออกมาว่า “ประธานลี่ พยากรณ์อากาศรายงานว่าช่วงสองสามวันนี้จะมีพายุฝน ไหนจะมีไต้ฝุ่นเข้าอีก ทางบ้านใหญ่ตระกูลลี่ มีอะไรต้องให้ผมเตรียมการไหมครับ?”
ลี่เฉินซีครุ่นคิด เขาเองก็รู้ เรื่องที่พยากรณ์อากาศรายงานล่วงหน้าว่าช่วงนี้สภาพอากาศค่อนข้างร้ายแรง
เมื่อเช้าพ่อบ้านกับแม่บ้านก็ขอลาเพราะเหตุผลนี้ พวกเขาอยากลับไปดูแลคนในครอบครัว เขาจึงอนุญาต และพอจะคาดเดาได้ว่าอีกสองวันที่บ้านก็จะเหลือแค่ซูย้าวกับเจิ้งเอ๋อแล้ว
“ไปหาซื้อวัตถุดิบอาหารกับอาหารว่าง และพวกของใช้ในชีวิตประจำวันมา แล้วก็ส่งไปที่บ้านแล้วกัน” เขาเอ่ยสั่ง
หวางอี้พยักหน้า “แล้วทางบริษัท ต้องหยุดล่วงหน้าไหมครับ?”
“รอดูสถานการณ์แล้วกัน!” เขาพูด
“รับทราบครับ!”
ตกเย็น ลี่เฉินซีสะสางงานเสร็จ เพิ่งจะลุกขึ้นได้ไม่ทันไร ก็รู้สึกเวียนหัวไปชั่วขณะหัวเริ่มหนักขาเริ่มหมดแรง เขานิ่งไปอย่างแปลกใจ อาการแบบนี้มันมาแค่ชั่วแวบ ไม่นานหลังจากนั้นก็หายไป
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อาจมีสาเหตุมาจากทำงานมากเกินไป จนไม่ได้กินข้าวเที่ยง เขาจึงไม่ได้คิดมากอะไร
เขาเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ จากนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบๆที่แผลตรงหน้าอก
เมื่อแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกดู ก็พบว่าแผลบวมแดงไปหมด ความคิดแรกที่คิดได้ก็คือ แผลติดเชื้อเอาซะแล้ว
ว่าแต่ไปติดเชื้อได้ยังไง?
เขาค่อนข้างไม่เข้าใจ
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ลี่เฉินซีก็ยกเลิกงานเลี้ยงในคืนนี้ไปให้หมด จากนั้นก็เก็บของ ขณะที่เดินลงไปข้างล่างก็โทรบอกคุณหมอหลินให้มาดูอาการให้ที่บ้านตระกูลใหญ่ตระกูลลี่
เพิ่งวางสาย ก็ได้รับข้อความจากหานฉ่ายหลิง
“เฉินซี เรื่องเมื่อวาน ขอโทษจริงๆนะ ฉันเองก็เมาเหมือนกัน ทุกสิ่งที่ฉันพูดหรือทำลงไป ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ!”
เมื่อเห็นข้อความในโทรศัพท์ ในหัวของเขาก็ฉายภาพเหตุการณ์เมื่อวาน คิ้วเข้มขมวดฉับ จากนั้นก็ปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง ไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว
แต่โทรศัพท์กลับสั่นครืดขึ้นมาอีกครั้ง
หานฉ่ายหลิงส่งข้อความมาอีกข้อความว่า “เพื่อเป็นการขอโทษ คืนนี้เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเองโอเคไหม?”
หลังจากส่งข้อความออกไป หานฉ่ายหลิงก็ถือโทรศัพท์รอการตอบกลับอย่างใจจดใจจ่อ นิ้วมือบอบบางเคาะลงบนพวงมาลัยขณะที่นั่งรออยู่ในรถ
แต่ก็รอจนผ่านไปหนึ่งวิ สองวิ สิบวิ จนกระทั่งหนึ่งนาที……เวลาค่อยๆเดินผ่านไปช้าๆ โทรศัพท์กลับยังไร้การตอบกลับ
ข้อความที่ส่งไปเหมือนหายจ๋อมไปกับทะเล ไม่มีวี่แววจะตอบกลับมาเลยสักนิด
เธอนิ่งไป จากนั้นก็จัดการพิมพ์ไปใหม่อีกข้อความ “เฉินซี ถือซะว่าไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันสักมื้อก็ได้! ที่บ้านฉันไม่มีคนอยู่ พ่อฉันก็ไปต่างประเทศ………”
ยังไม่ทันจะได้พิมพ์จบ โทรศัพท์ก็ส่งเสียง ในที่สุดเขาก็ตอบกลับมา
“คงไม่ได้ คืนนี้มีงานเลี้ยง”
คำพูดเรียบง่าย เหมือนตอบกลับมาพอเป็นพิธี
เธอค่อยๆลบข้อความที่ตัวเองพิมพ์ลงไป แล้วพิมพ์คำใหม่ว่า “งั้นก็ไม่เป็นไร! วันหลังก็ได้”
ทว่าหลังจากที่ส่งข้อความออกไป ก็มองเห็นรถมายบัคคันสีดำแล่นออกมาจากลานจอดรถ ขับมุ่งตรงไปยังบ้านใหญ่ตระกูลลี่
รถของหานฉ่ายหลิงจอดอยู่ข้างทาง เธอมองตามรถคันนั้นไปเงียบๆ เขาเริ่มมีนิสัยเลิกงานแล้วตรงกับบ้านทันทีแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หัวใจของเธอ พลันรู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาแปลกๆ