บทที่ 90 ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว
“เพราะเธอคือซูย้าวไง!”
คำตอบหลุดออกจากปากลี่เฉินซีโดยไม่ทันคิดด้วยซ้ำ!
เสียงทุ้มต่ำที่มีเสน่ห์ทำให้คนต้องหวั่นไหว สารฟีโรโมนที่ดึงดูดไม่อาจต้านทานได้
หานฉ่ายหลิงตกใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “มันหมายถึงอะไร? เฉินซี ฉันว่าคุณติดต่อหาเธอเถอะนะ หรือว่าบินไปรับเธอกลับมาก็ได้!”
เธอพูดด้วยความหวังดีแต่กลับทำให้เขาอารมณ์เสีย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นในตอนที่ผมอยู่กับคุณได้ไหม?” เพียงคำพูดคำเดียวทำให้ความตั้งใจของหานฉ่ายหลิงหยุดลง
เธอขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “แต่เธอเป็นภรรยาของคุณนะ! เฉินซี ความจริงแล้วสถานะของฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับมือที่สามที่คอยทำลายครอบครัวของคนอื่นเลยนะ ฉันต่างหากที่เป็นส่วนเกิน ฉันไม่ควรติดต่อคุณด้วยซ้ำ……”
หานฉ่ายหลิงโทษตัวเอง เธอรู้สึกเสมอว่าข่าวลือจากโลกภายนอกและสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองเธอนั้นมีแต่ความรังเกียจ การดูหมิ่นและดูถูกเท่านั้น
เพราะไม่ว่าจะยังไงเธอก็สามารถหนีพ้นจากคำว่า‘มือที่สาม’อยู่ดี
“คุณไม่ควรปฏิบัติต่อเธอแบบนี้เลย คุณควรเป็นห่วงเธอและรักเธอให้มากกว่านี้ แทนที่จะเย็นชากับเธอ ที่คุณทำกับเธอในตอนนี้……มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจมากเลยนะ!”
หานฉ่ายหลิงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยกมือกุมหน้าผากตัวเองไว้ เธอไม่รู้ว่าเธอเหนื่อยเกินไปหรือนอนมากเกินไป ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุขเลย
สีหน้าเคร่งขรึมของลี่เฉินซีค่อย ๆ คลายลง หานฉ่ายหลิงเป็นเหมือนยาพิษจริง ๆ เป็นยาพิษที่ร้ายแรงสำหรับเขา ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน
“สรุปคุณจะให้ผมทำยังไง?” เขาถามอย่างเย็นชา
หานฉ่ายหลิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ แล้ว “ฉัน……ฉันไม่รู้!”
เธอหันกลับไปนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล จากนั้นเธอพูดต่อด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่ทำอะไรไม่ถูก “ฉันก็ลำบากใจมาก เฉินซี มันปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าฉันยังรักคุณอยู่ ฉันไม่สามารถควบคุมความรักที่มีต่อคุณได้จริง ๆ นอกจากคุณแล้วฉันไม่มีใครอีกเลย เวลาที่ต้องการใครสักคนคอยช่วยเหลือฉันก็นึกถึงคุณเป็นคนแรก……”
“อื้ม นี่คือสิทธิ์ที่ผมให้คุณอยู่แล้ว ต่อให้คุณไม่ติดต่อหาผม ผมกลับมาก็ต้องมาหาคุณอยู่ดี” เขาพูดไปด้วยแล้วเดินเข้าไปหาเธอ
มือใหญ่ที่นุ่มนวลจับแขนบาง ๆ ของเธอแล้วดึงเธอมากอดไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
เขามองเธอจากที่สูงอย่างใกล้ชิด
เธอหลับตาลงแล้วสูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยนั้น ความรู้สึกของเธอย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง
“แต่ว่า ตอนที่คุณทิ้งซูย้าวกลับมาฉันรู้สึกผิดมาก ฉันรู้สึกผิดต่อซูย้าวมาก!”
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าหานฉ่ายหลิงนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้เขาทิ้งทุกอย่างมาเพื่อเธอ
ยิ่งเธอเข้าใกล้เขามากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งถูกคนดูถูกมากเท่านั้น
คำว่ามือที่สามนั้นติดตรากับเธอไปตลอดอย่างลบไม่ออก
และมันก็เป็นสิ่งที่หานฉ่ายหลิงไม่สามารถยอมรับได้ที่สุด
เธอโอบเอวของชายคนนั้นไว้แน่น ๆ สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมแขนของเขา สำหรับความอบอุ่นนี้เธอหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“อย่าไปสนใจเธอ คุณก็คือคุณ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณสำคัญต่อผมมากแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบา ๆ อยู่เหนือศีรษะของเธอ
แต่เสียงนั้นทำให้หานฉ่ายหลิงต้องหวั่นไหว เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาที่สดใสงดงามของเธอเต็มไปด้วยเสน่หา ริมฝีปากสีแดงนั้นบอบบางและเย้ายวนใจเหลือเกิน
เขาเม้มปากเล็กน้อย ด้วยความเย้ายวนนั้นก่อให้เกิดความคิดอันชั่วร้ายขึ้น เขาอยากก้มลงไปสัมผัสกับริมฝีปากอันบอบบางของเธออีกครั้ง
ทุกอย่างกำลังจะไหลไปตามน้ำ แต่โทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นก่อน
สายเรียกเข้าที่น่ารำคาญได้ขัดจังหวะความงามทั้งหมดนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
ลี่เฉินซีตื่นจากความหลงไหล ในขณะที่ปล่อยเธอไปเขายังกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า “ขอโทษนะ”
จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินออกไปรับสายข้างนอก
“ท่านประธานลี่ครับ คุณนายหญิงกลับมาแล้วนะครับ! ได้ยินท่านประธานไซม่อนบอกว่าคุณนายหญิงไม่ค่อยสบายต้องกลับมาพักฟื้นที่บ้าน จะให้ผมติดต่อคุณหมอหลินไหมครับ?”
คุณหมอหลินเป็นแพทย์ประจำบ้านตระกูลลี่ หน้าที่หลักก็คือดูแลสุขภาพร่างกายของเจี่ยงเวินอี๋
ลี่เฉินซีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวของเขาจับโทรศัพท์ไว้แน่น ๆ จนเห็นเส้นเดือดสีเขียว
“เรื่องแบบนี้คุณตัดสินใจเองเลย!”
หวางอี้ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกตัดสายทิ้งแล้ว
เขามองโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นกดเบอร์หมอหลินแล้วโทรออกอีกครั้ง……
ในบ้านตระกูลลี่ ซูย้าวอยู่บ้านคนเดียว เธอเพิ่งทำความสะอาดห้องนอนลูกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและจัดวางของเล่นทีละชิ้นจนเสร็จ จากนั้นนั่งอยู่ข้างเตียงและใบหน้าของลูกยังคงปรากฏขึ้นในความคิดของเธออย่างไม่หยุด
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง……
เสียงกริ่งประตูชั้นล่างดังขึ้น เธอจึงรีบลงไปทันที
ดึกดื่นป่านนี้ไม่คิดเลยว่าซัวฉ่ายลี่จะปรากฏตัวที่นี่
ทันทีที่เข้ามาเธอก็มีท่าทีที่กระตือรือร้นมาก เธอจับมือซูย้าวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หนูจ๋า น้าได้ยินหยวนหยวนบอกว่าหนูกลับมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง ไปฝรั่งเศสกับเฉินซีครั้งนี้สนุกไหม?”
เธอเดินจุงมือซูย้าวไปด้วยแล้วพูดไปด้วย “น้าได้ยินมาว่ากรุ๊ป Kเป็นผู้ให้เกียรติเชิญทางนี้ไปเลยเหรอ? บริษัทใหญ่อย่างบริษัทลี่ซื่อก็แบบนี้นั่นแหละนะ ขนาดกรุ๊ป Kยังต้องให้เกียรติกันเลย!”
“โครงการ CCU ก็เซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้วสินะ เยี่ยมมากเลย! น้ารู้อยู่แล้วว่าโครงการยักษ์ใหญ่แบบนี้ต้องเป็นของบริษัทลี่ซื่อเท่านั้นล่ะ บริษัทอื่น ๆ คงทำไม่ได้หรอก!”
ซัวฉ่ายลี่นั่งลงที่โซฟา รอยยิ้มของเธอนั้นดูมีความหวังดีมาก แต่ซูย้าวไม่เคยลืมความฉลาดแกมโกงรวมถึงความเจ้าเล่ห์ที่เป็นฉายยาของเธอเลย
“แหม่ น้าเองก็รู้มาตั้งนานแล้วลาะ โปรเจ็กต์โครงการใหญ่ ๆ แบบนี้ต้องเป็นของบริษัทตระกูลลี่อยู่แล้ว!” ซัวฉ่ายลี่ยิ้มพูด
ซูย้าวได้แต่ขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ซัวฉ่ายลี่ยังหวังให้บริษัทซูซื่อเป็นผู้ถือครองโครงการ CCU นี้อยู่เลย?
ช่างเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีจริง ๆ……
หลังจากดีใจอยู่สักพักซัวฉ่ายลี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดอยู่คนเดียวแล้ว เธอสังเกตเห็นซูย้าวไม่มีความร่วมรู้สึกด้วยเลย เธอจึงเปลี่ยนบทสนทนาทันที
“ต้องพูดยังไงดีนะ? ย้าวย้าว น้ารู้ว่าหนูเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม หนูไม่อยากยุ่งกับการงานของสามี แต่ตระกูลซูก็เป็นบ้านของหนูไม่ใช่หรือ?”
ซูย้าวเหลือบมองอย่างมีเลศนัย
อะไรคือผู้หญิงที่มีความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม?
ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วย?!
“หนูคงไม่อยากให้บริษัทซูซื่อต้องล้มละลายหรอกว่าไหม? ถึงยังไงโครงการ CCU ก็เป็นของบริษัทลี่ซื่ออยู่แล้ว น้าคงไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของบริษัทลี่ซื่อหรอกนะ แต่ถ้าพวกหนูได้ดิบได้ดีแล้วก็อย่าลืมบริษัทซูซื่อของเราได้ไหม!”
“จะเป็นไปได้ไหมที่บริษัทซูซื่อของเราจะมีโอกาสได้ร่วมโครงการเล็ก ๆ กับทางบริษัทลี่ซื่อบ้าง?”
ในที่สุดซัวฉ่ายลี่ก็ได้พูดจุดประสงค์และความตั้งใจของการมาเยือนครั้งนี้จนได้
เธออยากได้ผลประโยชน์จากบริษัทลี่ซื่อเพื่อบรรเทาวิกฤตของบริษัทซูซื่อในปัจจบัน
ซูย้าวรู้ดี เธอก้มหน้าแล้วพูดด้วยภาษามือ “หนูเข้าใจน้าซัวค่ะ”
“หนูเข้าใจก็ดีแล้ว ย้าวย้าวของน้าเป็นคนฉลาดที่สุดเลย น้าซัวไม่เสียใจเลยที่สั่งสอนหนูมาตั้งแต่เด็ก! ไม่ว่าจะยังไงการตีสอนก็คือความรักใช่ไหม? ดูสิน้าไม่เคยด่าว่าตีสอนหยวนหยวน จนโตป่านนี้แล้วยังไม่เอาไหนเลย!”
ซัวฉ่ายลี่ยิ้มอย่างสดใส แต่ในสายตามันเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่
“ย้าวย้าวของเราเก่งที่สุดแล้ว! เข้าใจน้าทุกอย่างเลย งั้นก็ฝากหนูด้วยนะ อย่าลืมล่ะ หนูต้องช่วยขอโปรเจ็กต์จากเฉินซีให้กับทางบริษัทซูซื่อบ้างนะ!”
ซัวฉ่ายลี่พูดจบก็ลุกขึ้นและเตรียมตัวออกไป
แต่ซูย้าวที่มองเธออย่างเงียบ ๆ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดซัวฉ่ายลี่ไว้และพูดกับเธอด้วยภาษามือว่า “น้าซัว น้าได้บอกความต้องการของน้าแล้ว แต่หนูยังไม่ได้บอกความต้องการของหนูเลยนะคะ? แล้วน้าซัวจะรีบไปไหนล่ะ?”