บทที่ 64 แกกล้าข่มขู่ฉัน
อานโล๋ยกมือขึ้นมารวบผมที่บังอยู่ตรงหน้า เผยหน้าตาที่เป็นมิตรออกมา ถึงแม้อายุเยอะแล้วก็ตาม แต่ดูออกว่า ตอนเป็นสาวๆต้องเป็นหญิงสาวที่สวยสดงดงามคนนึงเลยทีเดียว
เธอจับมือของซูย้าวและให้เธอนั่งอยู่ใกล้ๆตัวเอง ปฏิกิริยาของอานโล๋ในวินาทีนี้ เต็มไปด้วยเป็นกันเอง และรอยยิ้มที่ใจดี ยิ่งทำให้ซูย้าวไม่น่าเชื่อ
อานโล๋กลับจับมือของเธอไว้ ลูบจับแก้มของลูกสาว พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เด็กโง่ เมื่อสักครู่ทำให้ลูกตกใจกลัวสินะ!อย่ากลัวนะลูก แม่ต้องการไล่พวกเธอออกไป!”
ซูย้าวยังคงอึ้ง ท่าทางของแม่เมื่อสักครู่ แตกต่างจากตอนนี้อย่างกับคนละคน เธอจำเป็นต้องแยกแยะถึงจะเชื่อ
“แม่ไม่ได้บ้าจริงๆ!” อานโล๋อ้าแขนทั้งคู่ออกมา กอดเธอไว้ในอ้อมกอด” ทำไมแม่จะจำลูกสุดที่รักของแม่ไม่ได้หล่ะ?ย้าวย้าว ลูกเป็นหนึ่งเดียวของแม่นะ………”
พูดจาอยู่ กำแพงที่สร้างขึ้นมาจากใจของซูย้าว พังทลายลงไปทันทีทันใด น้ำตาก็ไหลตามลงมาด้วย เวลาเพียงแค่สั้นๆ แล้วก็ไหลลงมาถึงแก้ม
อานโล๋กลับปล่อยเธอ ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธอ” เด็กดี อย่าร้องสิลูก แม่ไม่เป็นไรนะคะ!”
ผู้เป็นแม่ ไม่ได้ดูแลลูกดีๆ และไม่ได้ให้เธอเติบโตอยู่ข้างๆตัวเองอย่างมีความสุข นี่เป็นสิ่งที่แม่ทุกคนเสียใจและเสียดาย
สำหรับอานโล๋แล้ว ตัวเองในตอนนี้ ยังกลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางชีวิตลูก ถูกคนควบคุมเอาไว้ในกำมือ และใช้ ตัวเองขมขู่ซูย้าวอีกด้วย เธอยิ่งรู้สึกผิด ช่วงนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่อยากฆ่าตัวตายเหลือเกิน แต่ว่าเคลื่อนไหวทุกครั้ง เธอก็ลังเลซะแล้ว……….”
เธอคิดถึงลูกสาว ต้องการเจอกับซูย้าวอีกครั้ง ต่อให้แค่ไกลๆก็ตาม ได้เห็นสักครั้งก็ยังดี
” วันหลังอย่ามาอีก!ที่แบบนี้ ลูกมาทำไม?แม่ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก วันหลังอย่าสนใจแม่อีก!”อานโล๋อดทนความเศร้าศอกเสียใจเอาไว้ และพูดออกมาอย่างใจร้ายใจดำ
ซูย้าวกลับส่ายหน้าติดต่อกัน เธอจะละเลยแม่แบบไม่สนใจใยดีได้ไง
เธอใช้ภาษามือพูดว่า “แม่คะ หนูขาดแม่ไม่ได้ค่ะ แม่วางใจนะคะ หนูจะหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยแม่ออกไป!”
แต่ว่าภาษามือยังพูดไม่ทันจบเลย ก็ถูกอานโล๋ห้ามเอาไว้แล้ว น้ำตาที่เสียใจปกปิดสายตาของเธอจนมิดชิด กอดลูกสาวพูดว่า “เด็กโง่ของแม่ ทำไมลูกยังพูดไม่ได้อีกหล่ะ? ตอนที่แม่คลอดลูก ลูกแข็งแรงสุดๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
หลังจากซูย้าวกลายเป็นไบ้ อานโล๋รับไม่ได้และไม่อาจเข้าใจที่สุด เธอคิดอยู่วินาทีว่าจะรักษากล่องเสียงของลูกสาวยังไง และต้องการจะฟื้นฟูสายเสียงของซูย้าว กลับมาให้ได้
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำไมซัวฉ่ายลี่ต้องบังคับและขังเธอเอาไว้แบบลับๆ ถ้าหากเสียงของซูย้าวฟื้นฟูกลับมา เรื่องราวตอนนั้น ก็ไม่ใช่ความลับอีกแล้ว!
ซูย้าวก็รู้จุดนี้ดี จึงไม่ได้เคลื่อนไหวในเร็วๆนี้ สรุป ฟังคำสั่งและทำตามคำสั่งของแม่ลูกซัวฉ่ายลี่ เหมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกคนควบคุมเอาไว้ ไม่มีอิสระ
ซูย้าวมองดูแม่ แค่ยิ้มแย้ม จากนั้นก็ใช้ภาษามือพูดว่า “หนูไม่เป็นไรค่ะ แม่คะ แม่รู้มั๊ยคะ? หนูคลอดลูกคนนึง เป็นเด็กผู้ชายคะ ชื่อว่าลี่เจิ้ง เขาน่ารักมาก ครั้งหน้าหนูจะพาเขามาเยี่ยมท่านนะคะ!”
อานโล๋อึ้งเล็กน้อย “ลูกคลอดลูกแล้ว? ลูกกับลี่เฉินซีมีลูกด้วยกันแล้ว!”
เธอพยักหน้า
เหมือนกับเป็นความฝัน ที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ชอบมาตั้งเเต่เด็ก ยังคลอดลูกให้กับเขาอีกด้วย สำหรับซูย้าว ไม่กล้าจินตนาการเลยสักนิด
หลังจากอานโล๋มีปฏิกิริยา จับมือของเธออย่างตื่นตระหนก “วันหลังลูกอย่ามาอีกนะ!ลูกกับลี่เฉินซีใช้ชีวิตด้วยกันดีๆนะ อบรมสั่งสอนลูกดีๆ หาเวลารักษากล่องเสียงนะลูก!ย้าวย้าว กล่องเสียงลูกต้องฟื้นกลับมานะคะลูกไม่ได้เป็นใบ้นะ!”
ซูย้าวกลับมองแม่แบบซื่อบื้อ ฟังเธอพูดอีกว่า “อย่ากังวลแม่อีกเลย และไม่ต้องยอมรับการข่มขู่ของซัวฉ่ายลี่อีก ซูย้าว ฟื้นกลับไปเป็นคนเดิมที่ลูกเป็นตั้งแต่แรกเถอะ ตั้งแต่เด็กลูกไม่ใช่คนขี้ขลาด ลูกช่วยเหลือตัวเอง และยืนหยัด ที่สำคัญฉลาดเฉลียวสุดๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเองเถอะ!มีแต่ลูกมีความสุขเท่านั้น แม่ถึงจะวางใจและสบายใจ!”
ฟังคำพูดของอานโล๋ รู้สึกว่ามีความหมายอื่นแฝงอยู่ ที่สำคัญยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า……….เหมือนกับคำสั่งเสีย!
ซูย้าวจับมือของแม่แน่นๆแบบทำตัวไม่ถูก ส่ายหัวอย่างไม่ขาดสาย และใช้ภาษามือพูดว่า” แม่คะ ถ้าหากไม่มีแม่ ถ้างั้นทุกอย่าง สำหรับหนูแล้ว ล้วนไม่มีความหมาย!”
“แม่คะ ถ้าหากแม่ไม่อยู่แล้วจริงๆ หนูก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!พ่อจากไปแล้ว แม่อย่าทิ้งหนูไปไหนอีกเลยนะคะ ได้ไหมค๊ะ?”
ได้ยินลูกพูดเช่นนี้ อานโล๋เจ็บเหมือนถูกมีดแทงใจ ขณะที่รับปากกับเธอ และยังกอดซูย้าวไว้อีกด้วย
แม่ลูกกอดกันร้องห่มร้องไห้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว อานโล๋ยังพูดอีกว่า” เราสองแม่ลูกทำไมถึงกลายเป็นน่าอนาถแบบนี้?เด็กโง่ แม่หวังให้ลูกมีความสุขนะ!”
ซูย้าวกลับรับรองกับแม่ ตัวเองต้องมีความสุขอย่างแน่นอน ต้องมีแน่นอน!
ก่อนอื่นลูกต้องให้ลี่เฉินซีเชื่อใจลูก ยังต้องให้เขาเชื่อฟังลูก มีแต่แบบนี้ ลูกถึงจะมีแรงไปต่อสู้กับสามีภรรยาซัวฉ่ายลี่เซียวควน!” อานโล๋กำชับ
เธอยิ้มแย้มอย่างนิ่งๆ เธอไม่ต้องการให้เขาเชื่อฟัง เธอต้องการเขารักเธอต่างหาก!
นี่เป็นความหวังตั้งแต่เด็กของซูย้าว ต้องมีสักวัน เธอต้องให้ความหวังนี้ปรากฏเป็นความจริง
ได้ยินเสียงเท้าเดินข้างนอก อานโล๋ส่งสายตาให้กับลูกสาวทันที ตัวเองขยี้ผมที่ยาวเหยียดแบบมั่วๆ และนอนแกล้งบ้าอยู่บนเตียงนอน
พยาบาลและซูหยวนที่เข้ามา มองเห็นอานโล๋เป็นหน้าตาแบบนี้ ก็พูดว่า “เอาหล่ะ คุณก็ได้เจอแล้ว!เธอได้บ้าไปแล้ว และจำคุณไม่ได้ด้วย ควรกลับได้แล้ว!”
ซูย้าวยังอยากอยู่กับแม่อีกสักพัก แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องแกล้งบ้าถูกเปิดเผย ได้แต่มองหน้าแม่ลึกๆ และจากไปกับซูหยวน
ระหว่างทางกลับบ้าน สีหน้าซูย้าวเข้มขรึม ชัดเจนมากเรื่องในใจหนักหน่วงเหลือเกิน
ซูหยวนเหลือบเห็นหน้าตาเธอแบบนี้ กลับอารมณ์ดี พูดแบบมีความสุขอยู่บนความทุกข์คนอื่นว่า “ความจริงนะ ก็ใช่ว่าไม่อยากให้คุณเจอเธอ ก็แค่กังวลว่าคุณเจอหน้าตาที่บ้าๆบอๆของเธอแล้วจะกลัว เราก็หวังดีกับคุณนะ!”
คำพูดที่ไม่มีหัวจิตหัวใจแบบนี้ก็พูดออกมาได้ ซูย้าวเลื่อมใสในความหน้าด้านของผู้หญิงคนนี้จริงๆ หน้าด้านแบบสุดๆ!
“เป็นไง? ตอนนี้เห็นหน้าตาที่บ้าๆบอๆของเธอแล้วสินะ รู้สึกยังไงหล่ะ? “ซูหยวนยังคงได้ใจ น้ำเสียงมีร่องรอยของการประชดประชัน
ซูย้าวหันแก้มข้างๆมามองเธอ สายตาที่เย็นชามองไปที่เธอ ใช้ภาษามือพูดไปหลายคำ “ทำไมแม่ฉันถึงกลายเป็นแบบนี้?”
รู้สึกได้ถึงคำถามที่สงสัยของเธอ ซูหยวนอึ้งเล็กน้อย ถัดมาก็พูดว่า” แกหมายความว่าไง? อานโล๋บ้าหรือไม่บ้า เกี่ยวอะไรกับฉัน!”