บทที่ 54 พวกคุณหย่ากันเถอะ
คำพูดง่ายๆคำเดียวของเขาทำให้ความคิดของซูย้าวจำต้องแตกตื่น
แต่หลังจากที่ประหลาดใจอยู่สักพัก เธอก็ไม่มีเวลาไปสนใจอีกว่าเขาได้ข่าวนี้มาจากไหน และในเวลานี้สมองเธอคิดถึงแต่บ้านใหญ่ตระกูลซู เพราะสถานที่นี้เป็นบ้านที่พ่อแม่และปู่ย่าของเธอเคยพักอาศัยอยู่ และเป็นสถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็กของเธอด้วย ซึ่งเธอจะเสียมันไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ซู่เหยาพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วคิ้วขมวดด้วยความกังวล
เมื่อเห็นความตื่นตระหนกนัยน์ตาเธอ ริมฝีปากของเขาก็เริ่มขยับ และเขาได้พูดคำพูดที่เย็นเหยือกเหมือนลมหนาวกลางหิมะที่เย็นเข้าไปถึงกระดูก
“บ้านใหญ่ตระกูลซูถูกนำไปประมูล แล้วคุณต้องใช้เงินเพื่อไถ่กลับมาใช่ไหม?”
ซูย้าวสะดุ้งเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างไม่หยุด
เธอต้องการใช้เงินจริงๆ แต่ที่ผ่านมาเธอไม่มีโอกาสที่เหมาะสมเพื่อจะคุยกับลี่เฉินซีเรื่องนี้
วินาทีต่อมา คางแหลมคมของเธอถูกเขาบีบไว้เพื่อบังคับให้เธอสบสายตาที่เย็นชาของเขา “คุณบอกผมได้ทุกเมื่อถ้าคุณต้องการใช้เงิน ข่าวการประมูลของบ้านใหญ่ตระกูลซูคุณก็ไม่ได้เพิ่งรู้ใช่ไหม?”
เธอรู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของเขาได้ และสีหน้าของเธอก็เริ่มเคร่งเครียด
ลี่เฉินซีหนีบกรามของซูย้าวไว้ และเธอก็ตกอยู่ในดวงตาสีแดงที่กำลังโกรธเกรี้ยวของเขา ที่ผ่านมาเขาเป็นใจเย็นมาก และไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้มาก่อนเลย
แต่วันนี้ ซูย้าวไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเห็นความแตกตื่นนัยน์ตาเธอ เขาก็หัวเราะขึ้นมา และรอยหยักเชิงหน้าผากที่หล่อเหลาของเขาก็ชัดเจนขึ้น “คุณบอกผมได้ ถ้าคุณต้องการใช้เงินและต้องการบ้านใหญ่ตระกูลซู แต่ทำไมคุณต้องไปกดดันฉ่ายหลิงด้วย!”
เพียงแค่ประโยคเดียวก็ได้อธิบายเหตุผลทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แต่ซูย้าวยังคงสับสนและแปลกใจอยู่ ทำไมถึงพูดว่าเธอไปกดดันหานฉ่ายหลิงด้วย? สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
ซูย้าวพยายามดิ้นรนแล้วพูดด้วยภาษามือ “ฉันไปกดดันเธอยังไง? สรุปเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? คุณยังกล้าถามอีก!” เสียงของเขาดังทุ้มและเย็นเยือกลงอีกครั้ง เขาใช้แรงบีบคางเธอไว้ราวกับว่ากระดูกเธอกำลังจะแหลก
ลี่เฉินซีมองเธอด้วยความโกรธ “ซูย้าว คุณสามารถใช้วิธีอื่นๆเพื่อที่จะครอบครองบ้านใหญ่ตระกูลซูได้ แต่ทำไมคุณกลับต้องใช้วิธีที่ไปบีบบังคับฉ่ายหลิงด้วย! คุณรู้ไหม เธอยอมสละทั้งบริษัทของเธอทิ้งเพื่อช่วยปกป้องบ้านใหญ่ตระกูลซูของคุณไว้!”
เนื่องจากทั้งสองยืนใกล้กัน เธอจึงได้ยินคำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากของเขาได้อย่างชัดเจน และสามารถสัมผัสถึงความเย็นชาทุกถ้อยคำของเขาได้
ซูย้าวรู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกายของเธอหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะ ได้แต่ยืนมองเขาอย่างเงียบๆ
หานฉ่ายหลิงปกป้องบ้านใหญ่ตระกูลซูไว้ แต่ต้องแลกด้วยบริษัทของเธอ?
มันเป็นแบบนี้จริงหรือ?
วินาทีต่อมา เขารู้สึกเหลือทนต่อความเฉยเมยของเธอแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มรำคาญกับสายตาที่เธอมองเขา ไม่มีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากกว่านี้อีกแล้ว เขาจึงสะบัดตัวเธอออกไปด้วยความแรง
แต่ซูย้าวพยายามพิงกับกำแพงไว้และได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากชายคนนี้ข้างหูอีกครั้ง……
“เพราะเธอคนเดียว ฉ่ายหลิงต้องชดใช้เงินเป็นพันล้าน ต่อให้เธอขายทั้งบริษัทก็ยังไม่พอ! เธอจะรู้บ้างไหม!”
ทุกคำพูดของเขาราวกับเข็มพิษที่ทิ่มแทงหัวใจซูย้าวอย่างเจ็บปวด
ซูย้าวได้แต่มองเขาอยู่เงียบๆ และไม่มีปัญญาที่จะโต้ตอบเขา
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับบ้านใหญ่ตระกูลซูที่ถูกประมูลไปและหานฉ่ายหลิงที่ได้สูญเสียบริษัทเพราะปกป้องบ้านใหญ่ตระกูลซูของเธอไว้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เธอไม่รู้อะไรเลย
ลี่เฉินซีที่กำลังหันไปก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง เขาจึงหันกลับมามองหน้าเธอด้วยสายตาที่ดุร้ายและพูดกับเธอด้วยความโกรธอีกครั้ง “คุณเกลียดฉ่ายหลิงขนาดนั้นเลยเหรอ? เกลียดจนต้องเอาเปรียบความดีของคนอื่นมาใช้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง! ซูย้าว คุณจำเป็นต้องทำร้ายคนบริสุทธิ์ที่หวังดีต่อคุณด้วยวิธีการแบบนี้จริงๆเหรอ?”
“.…..”
อีกครั้งที่เธอไร้คำบรรยาย
ทำร้ายคนบริสุทธิ์?
ซูย้าวยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วเธอจะไปทำร้ายใครได้อย่างไร!
นัยน์ตาอันเย็นชาของลี่เฉินซีได้ลุกเป็นเพลิงไฟด้วยความโกรธ และแสงไฟแห่งความโกรธก็เหมือนเลเซอร์ที่ยิงทะลุเธออย่างสมบูรณ์แบบ
“สภาพคุณตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจมาก!”
ซูย้าวตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยอารมณ์ของเธอตอนนี้ไม่รู้จะตอบสนองเขายังไงแล้ว
คำพูดทั้งหมดของเขายังสะท้อนอยู่ในจิตใจของเธอทีละคำ และเธอยังคงสงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองก็ได้แต่เห็นลี่เฉินซีหันหลังเดินจากไปด้วยความเย็นชา
ซูย้าวแทบจะหมดแรงที่จะยืนต่อ สุดท้ายเธอพิงที่กำแพงแล้วค่อยๆทรุดตัวลงไป
เธอต้องกลายเป็นคนประเภทที่เขารังเกียจที่สุดโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย! แม้กระทั่งเธอไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น……
ทันใดนั้น ข้างนอกก็มีเสียงของแม่บ้านดังเข้ามา “คุณหญิงคะ คุณอยู่ข้างในใช่ไหม? คุณผู้หญิงหญิงมา ท่านให้คุณลงไปพบที่ชั้นล่างค่ะ!”
จู่ๆเจี่ยงเวินอี๋มาเวลานี้ได้อย่างไร?
ซูย้าวพยายามระงับอารมณ์ตัวเองแล้วรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบลงไปชั้นล่าง
ทันทีที่เธอเดินไปถึงโซฟาในห้องรับแขก เธอยังไม่ทันได้ทักกล่าวทายแม่สามี แต่เจี่ยงเวินอี๋มองหน้าเธอและได้เข้ามาตบหน้าเธออย่างรุนแรง!
เสียงตบหน้าดังสนั่นกึกก้องในบ้านหลังใหญ่นั้น ทำให้พี่เลี้ยงและแม่บ้านต่างต้องพากันตกตะลึง
ซูย้าวโดนตบจนหันไปอีกข้าง แก้มขาวเนียนของเธอกลับกลายเป็นสีแดงช้ำด้วยรอยฝ่ามืออย่างเห็นได้ชัด
“เธอรู้ไหม เพราะเธอคนเดียว ทั้งบริษัทของฉ่ายหลิงต้องเจ๊งไป! ซูย้าว ถ้าเธอต้องการใช้เงินเธอมาบอกฉันหรือว่าเฉินซีก็ได้! เธอคิดว่าตระกูลลี่ของเราขาดแคลนเรื่องเงินเหรอ? ก็เพราะเงินพันล้านนั่น เธอต้องทำให้ฉ่ายหลิงต้องเสียบริษัทไป อยากถามจริงจิตใจเธอทำด้วยอะไร!”
เจี่ยงเวินอี๋ใช้คำพูดและการแสดงออกอย่างรุนแรง บางทีเธออาจจะอยากฆ่าซูย้าวให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ เธอกัดฟันพูดต่อ “บริษัทของฉ่ายหลิงนั้น เธอค่อยๆสร้างเองกับมือขึ้นมา เธอเป็นผู้หญิงตัวน้อยๆคนหนึ่ง ที่ไม่มีภูมิหลังครอบครัวที่ใหญ่โตคอยสนับสนุนเธออยู่ ทุกอย่างที่เห็นนั้นเธอทำเองกับมือ แล้วเธอคิดว่ามันง่ายเหรอ? ก็เพราะเธอคนเดียว เธอทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ!”
สมองของซูย้าวดังกึกก้องเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทบอย่างแรง ภาพในตาของเธอก็มัวไปชั่วขณะ
เธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แล้วเจี่ยงเวินอี๋จะเชื่อได้อย่างไร จ้องมองไปที่เธอและโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ด่าว่าเธอต่อ “ถ้าขาดแคลนเรื่องเงินเธอมาบอกพวกเราได้ ทำไมต้องไปเอาเปรียบฉ่ายหลิงด้วย! เธอเห็นว่าคนอื่นใจดีก็เลยทำแบบนี้ใช่ไหม!”
“ซูย้าว ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ร้ายเหมือนงูพิษแบบนี้! ไม่รู้ล่ะ ครั้งนี้ฉันจะไม่สนใจคำสั่งเสียของคุณย่าอีกต่อไป สำหรับตระกูลลี่ของเรา จะไม่ขอยอมรับผู้หญิงอย่างเธออีก เธอไปหย่ากันเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำว่า‘หย่ากัน’สองคำ ซูย้าวรู้สึกใจไม่ดี และมองไปที่เจี่ยงเวินอี๋ด้วยความประหลาดใจ
เธอพูดอีกครั้ง “ฉันจะให้เฉินซีหย่ากับเธอ! ซูย้าว สำหรับผู้หญิงอย่างเธอไม่คู่ควรกับตระกูลลี่ของเราหรอก!”
หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดเจี่ยงเวินอี๋ก็ได้พูดความจริงออกมา “อีกอย่าง เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วฉ่ายหลิงยอมสละทุกอย่างเพื่อเธอ ตระกูลลี่ของเราก็จำเป็นต้องชดใช้ฉ่ายหลิง ดังนั้นเธอต้องหย่ากับเฉินซี เขาสองคนจะได้แต่งงานกันสักที!”
“ถ้าตอนนั้นคุณย่าไม่ได้สั่งเสียไว้เฉินซีก็คงไม่แต่งงานกับเธอหรอก ฉ่ายหลิงต่างหากที่ต้องเป็นลูกสะใภ้ของฉัน ซูย้าว ขอร้องเธอออกไปจากตระกูลลี่เถอะ!”
เจี่ยงเวินอี๋ยื่นคำขาด ด้วยท่าทีที่ดูสูงส่งราวกับว่ากษัตริย์กำลังออกกฤษฎีกาและพิพากษาประหารชีวิตการแต่งานของซูย้าวอย่างเด็ดขาด