บทที่ 243 มีครั้งที่หนึ่ง ครั้งอื่นๆ ก็ตามมา
เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หนึ่งครั้ง หนิงเมิ่งเหยาก็ดับเพลิงความโกรธภายในใจของตนลงก่อนหันไปมองชายข้างกายนาง และบอกพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “เทียนช่าง ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ดีที่ได้ยินเช่นนั้น” ในที่สุดเฉียวเทียนช่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หมิงฟางมองหลิงหลัวที่อยู่ด้านหน้าตนก่อนอ้าปากขึ้น ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็กลับไปเงียบเช่นเดิม
“ถ้าเจ้ามีอะไรที่อยากพูด ก็พูดออกมา” หมิงฟางติดตามเขามาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กจะไม่รู้ใจเขาได้อย่างไร
“นายน้อย เราจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือขอรับ” การพบกับหนิงเมิ่งเหยานั้นคือทางออกเดียวในเวลานี้
หนิงเมิ่งเหยาไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นต่อให้พวกเขาหาตัวอวี้เฟิงและคนอื่นๆ เจอ ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา
หลิงหลัวยิ้มอย่างขมขื่น สิ่งที่หมิงฟางคิดอยู่ในหัวนั้น มีหรือที่หลิงหลัวจะไม่ได้คิดเอาไว้ก่อนแล้ว เขาเข้าใจความหมายของหมิงฟางดี ทว่า… เขาทำให้นางโมโห ดังนั้นแม้ว่าเขาจะกลับไปอีก ไม่เพียงแต่จะเข้าพบนางไม่ได้ ซ้ำร้ายคงถูกไล่ออกมาด้วย
นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
“เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” หลิงหลัวบอกเบาๆ ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก
เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลหลิง เขาเห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังทะเลาะกับแม่ของตนอยู่
“ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะเป็นผู้ดูแลลูกข้าหรอกหรือ เจ้าจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าเขามีไข้” เซียวจื่อเซวียนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวพลางชี้นิ้วใส่แม่นมที่อุ้มเด็กชายอยู่
หลิงหลัวขมวดคิ้ว สาวเท้าตรงเข้าไปหาพวกเขา ก่อนตะโกนขึ้นด้วยความเดือดดาล “คราวนี้เจ้าก่อเรื่องอะไรอีก”
“ข้าก่อเรื่องหรือ หลิงหลัว หากไม่ใช่เพราะข้า ลูกของเราคงตายเพราะพิษไข้ไปแล้ว! เหตุใดนางในฐานะผู้เป็นย่าจึงไม่รู้ว่าหลานของตนกำลังไข้ขึ้นได้เล่า! ท่านเป็นคนไว้วางใจมอบลูกของเราให้นางดูแลเอง นี่คือวิธีการที่พวกเจ้าทุกคนใช้ดูแลเด็กหรือ” เซียวจื่อเซวียนโมโหจนแทบเสียสติ
แค่เด็กคนเดียวพวกเขาก็ยังไม่สามารถดูแลได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ควรห้ามนางไม่ให้ดูแลลูกของตน
หลิงหลัวนิ่วหน้า “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ”
“ใครจะไปรู้ เรื่องนี้อยู่ในการดูแลของข้ารับใช้ มันจะมาเกี่ยวอะไรกับข้า” เมื่อทราบว่าหลานชายของตนไข้ขึ้นสูง ตอนแรกนางเองก็โทษตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่กิริยาท่าทางอันหยิ่งยโสของเซียวจื่อเซวียนก็ทำให้นางรู้สึกโมโหขึ้นมาและเริ่มมีปากเสียงกับเซียวจื่อเซวียน
เซียวจื่อเซวียนกำมือแน่น นางกัดฟันกรอดขณะพูดขึ้นว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านหรือ ดี เช่นนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะดูแลลูกของข้าเอง ข้าขอบอกเอาไว้ก่อน ตราบใดที่ข้าไม่อนุญาต ท่านอย่าได้มาแตะต้องลูกของข้าแม้แต่ปลายเล็บ!”
เซียวจื่อเซวียนอุ้มลูกกลับไปที่ห้องของตนด้วยใบหน้าครึ้มหมอง หลังจากกลับมาถึงห้อง นางสั่งข้ารับใช้ให้ออกไปตามหมอ หัวใจของนางรวดร้าวขณะนั่งรอด้วยความกังวลอยู่ด้านข้าง
หลิงฮูหยินโกรธจนหน้าเขียว “เจ้าดูนางสิ เห็นท่าทางของนางหรือเปล่า เจ้าต้องสั่งสอนนางเสีย!”
หลิงหลัวเองก็อับจนวาจาเช่นกัน “ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นความผิดของท่านเต็มๆ ขอรับ ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเด็กไม่สบายอยู่”
ถึงเขาจะไม่ชอบเซียวจื่อซวียน แต่กับลูกชายที่มีส่วนคล้ายกับตนนั้น อย่างไรเสียเขาก็นึกเอ็นดูอยู่
หลิงฮูหยินแทบสำลัก นางจ้องหลิงหลัวเขม็ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ท่านแม่ เด็กคนนั้นเพิ่งอายุไม่กี่ขวบเดือน หากทำอะไรพลั้งผิดไปแม้เพียงครั้งเห็นทีว่าเขาคงจะไม่รอดขอรับ” เด็กคนนั้นยังเป็นเพียงทารกตัวเล็กๆ แม้แต่ในยุคที่เขาเคยอยู่ ทารกตัวเท่านี้ก็เสี่ยงที่จะตายได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงในยุคนี้ที่การแพทย์ยังไม่พัฒนาดีเท่าใดนักเลย
ฮูหยินไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่หลิงหลัวกล่าวออกมาได้ นางเพียงพึมพำสองสามคำก่อนจะเงียบไป หลิงหลัวถอนหายใจอย่างโล่งอก
จวนตระกูลหลิงวุ่นวายเพราะอาการป่วยของทารกคนหนึ่ง
ที่จวนตระกูลเซียว เซียวอี้หลินขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและอับจนหนทาง
หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ในไม่ช้าคงจะเกิดปัญหาบางประการขึ้นแน่ และตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าให้ความช่วยเหลือเขาสักคนด้วยเกรงว่าถ้าหากพวกเขาเข้ามาช่วยเหลือแล้วจะพลอยโดนกดดันไปด้วย
การยื่นมือมาช่วยเขานั้นจะเท่ากับการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อทงเป่าไจ ใครจะกล้าแข็งข้อต่อทงเป่าไจเพื่อเขากัน นอกเสียจากคนที่สมองมีปัญหา ก็คงจะไม่มีใครกล้าอีกแล้ว
เซียวอี้หลินเดินวนไปวนมาอย่างคิดไม่ตก สีหน้าอับจนหนทางอย่างถึงที่สุด
สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงพาข้ารับใช้และของกำนัลเดินทางไปยังจวนแม่ทัพ
เมื่อเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาได้ยินว่าเซียวอี้หลินมา ใบหน้าของทั้งสองก็บูดบึ้งจนไม่น่ามอง ตอนแรกก็เป็นหลิงหลัว พอเขากลับไป คราวนี้เซียวอี้หลินก็มา เจ้าพวกนี้มันวางแผนอะไรไว้กันแน่
หรือว่าปัญหาที่เขากับหนิงเมิ่งเหยาหาไปให้จะยังไม่มากพอ
เฉียวเทียนช่างออกคำสั่งด้วยใบหน้าไม่พอใจ “ให้เขาเข้ามา”
บทที่ 244 คืนลูกข้ามาสิ
เซียวอี้หลินเห็นชิงเสวี่ยมีสีหน้าดูไม่สบอารมณ์นัก เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร
ในสายตาของผู้อื่นนั้นเซียวอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ที่สูงส่ง เย็นชาเข้าถึงยาก แต่ในสายตาของทุกคนจากจวนแม่ทัพ เขานั้นเป็นคนผู้หนึ่งที่ทำร้ายเจ้านายของตน แล้วคนรับใช้เหล่านี้จะต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสได้อย่างไร
ต้องกล่าวว่าที่เซียวอี้หลินคาดการณ์นั้นถูกต้อง ชิงเสวี่ยและคนอื่นๆ ล้วนแต่ไม่ชอบเซียวอี้หลิน ซ้ำยังเรียกได้ว่าแทบจะเกลียดขี้หน้าเลยก็ว่าได้
พอข่มอารมณ์ร้อนภายในใจของตนลงได้ เซียวอี้หลินก็เดินตามชิงเสวี่ยมุ่งสู่ห้องด้านใน เมื่อพวกเขามาถึง สีหน้าของคู่สามีภรรยาล้วนดูไม่ดีเท่าใดนัก
“เซียวอ๋องมีเรื่องอันใดอยากปรึกษากับพวกเราเช่นนั้นหรือ”
“ถูกต้อง ข้ามีเรื่องจะปรึกษา”
“หากท่านมาเพื่อขอให้พวกเราช่วยโน้มน้าวทงเป่าไจให้หยุดการกดดัน ก็อย่าเสียเวลาเลย” เฉียวเทียนช่างไม่เปิดโอกาสให้เซียวอี้หลินพูดและพูดสิ่งที่อยู่ในใจตนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เซียวอี้หลินสีหน้าเปลี่ยน คิ้วของเขาขมวดมุ่น เขามองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ “เรื่องนี้… ทำไมกัน”
“ทำไมน่ะหรือ องครักษ์ลับพวกนั้นล้วนเป็นคนจากจวนตระกูลเซียวใช่ไหมเล่า ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นคนของท่าน เซียวอ๋อง ท่านเป็นคนส่งไปเองกับมือ แล้วจะมาถามถึงสาเหตุจากข้าเอาป่านนี้น่ะหรือ ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าอาการเช่นนี้มันเหมือนพวกปากว่าตาขยิบ” เฉียวเทียนช่างพูดออกไปตรงๆ โดยไม่ไว้หน้าเซียวอี้หลิน
เรื่องนี้เป็นความผิดของเซียวอี้หลินโดยแท้จริง เขาไม่อาจปฏิเสธได้ และทำได้เพียงขมวดคิ้วเท่านั้น “เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าจริง พวกข้าต้องทำเช่นใดจึงจะทำให้พวกเจ้าหายโกรธได้หรือ”
“คืนลูกของพวกข้ามาสิ” หนิงเมิ่งเหยาที่เงียบอยู่จนถึงเมื่อครู่โพล่งออกมา
หากพวกเขาสามารถนำลูกมาคืนนางได้ นางก็พร้อมจะหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้ แต่หากพวกเขาไม่สามารถทำตามที่นางขอได้ ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
เซียวอี้หลินหายใจติดขัดและถึงกับพูดอะไรไม่ออก พวกเขาอยากให้เขาคืนลูกให้แก่นางหรือ เขาจะเอาลูกไปคืนนางได้เช่นไรกัน เด็กคนนั้นจากไปนานแล้ว จะให้เขาเอาเด็กที่ไหนไปยัดไว้ในท้องนางได้เล่า
“แม่ทัพเฉียว เรื่องที่พวกท่านขอนี้ไม่ใช่ว่ามันออกจะ…เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรอกหรือ”
“ฮ่าฮ่า ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือ ข้ากลับรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ควรเป็นเสียอีก” เฉียวเทียนช่างไม่คิดว่าสิ่งที่พวกตนร้องขอนั้นผิดปกติ แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกที่ควรต่างหาก
เซียวอี้หลินขมวดคิ้วจนเป็นปม เมื่อเห็นคู่สามีภรรยาคู่นี้แล้ว เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
“นอกจากเรื่องนี้ ข้าทำให้เจ้าได้ทุกอย่าง” เซียวอี้หลินกัดฟัน
หนิงเมิ่งเหยากดสายตาลงมองเซียวอี้หลินอย่างดูถูก “ตอนนี้พวกเรามีทั้งอำนาจและเงินตรา เจ้าจะสามารถให้อะไรกับพวกเราได้อีกหรือ” ใครๆ ก็พูดจาใหญโตกันได้ทั้งนั้น แต่คำพูดนั้นมันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้นพวกเขาทั้งสิ้น
ทรัพย์สินเงินทองหรือ นางมีตั้งมากมาย นางจะอยากได้เงินเล็กน้อยพวกนั้นไปอีกทำไมกัน เขาไม่รู้สึกขายขี้หน้าตัวเองบ้างหรือ
เซียวอี้หลินแทบจะกระอักเลือด เขาไม่คิดเลยว่าทั้งหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างนั้นจะกัดเขาไม่ปล่อยเช่นนี้
“เซียวอ๋อง อย่ารู้สึกว่าพวกข้าทำเกินไปเลย เจ้าเป็นคนชักศึกเข้าสู่ตัวเอง” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ
ทั้งๆ ที่เขาและหนิงเมิ่งเหยาไม่เคยไปทำอะไรขัดหูขัดตาพวกเขาเลยสักครั้ง แต่เพราะเซียวจื่อเซวียน จวนตระกูลเซียวจึงส่งคนมาฆ่าพวกเขา แต่มาตอนนี้ เจ้าพวกนั้นกลับกำลังมาขอร้องอ้อนวอนเขาแทน จะมีสถานการณ์ใดน่าขันไปกว่านี้อีกเล่า
“เรื่องนี้…” เซียวอี้หลินอับจนวาจา
เรื่องนี้เป็นความผิดเขาจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“เซียวอ๋อง พวกข้าสามารถพูดในสิ่งที่ท่านอยากฟังได้เช่นกัน ท่านบอกว่าท่านให้พวกข้าได้ทุกอย่างหรือ พวกข้าต้องการแค่ลูกคืน ท่านจะสามารถนำมาให้พวกข้าได้หรือไม่” เฉียวเทียนช่างไม่สนใจใบหน้าอันบิดเบี้ยวไม่น่ามองของเซียวอี้หลินและเอ่ยถามเขา
“เรื่องนี้… แม่ทัพเฉียว เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า แต่การลงโทษหมิงเอ๋อร์ไปเช่นนั้นยังไม่พอจะชดใช้ให้อีกหรือ” เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เขาจึงต้องสูญเสียบุตรชายไป นี่ยังไม่เพียงพอสำหรับดับความแค้นภายในหัวใจของพวกเขาได้อีกหรือ
คำพูดของเขาทำเอาเฉียวเทียนช่างหัวเราะออกมาเสียงดัง “พองั้นหรือ เจ้าจะบอกว่าการตายของเซียวหมิงเหรินนั้นเป็นฝีมือของข้ารึ เขาเองมิใช่หรือที่เป็นคนยักยอกเงินสำหรับใช้ในการบรรเทาภัยพิบัติกว่าหลายล้านตำลึงเงินไป”
“เจ้า…”
หากมันไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แล้วเรื่องที่เซียวหมิงเหรินทำจะถูกนำมาแฉในที่แจ้งได้อย่างไร แม้การประหารจะเป็นฝีมือของเฉียวเทียนช่าง แต่เป็นเพราะการฉ้อโกงของบุตรชายในตระกูลของเซียวอี้หลินเอง ที่ทำให้เขาพบจุดจบนั้น
“อย่าพูดราวกับว่าเราทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยต่อพวกเจ้าลงไปเลย เซียวหมิงเหรินรนหาที่ตายเอง เจ้าจะมาโทษคนอื่นไม่ได้” เฉียวเทียนช่างยิ้มเย็นชาใส่เซียวอี้หลิน
อยากจะมาคิดบัญชีกับพวกเขาหรือ เซียวอี้หลินควรสะสางเรื่องราวในตระกูลของตนเสียก่อนแล้วค่อยมาพูด
แมลงวันมิไต่ตอมไข่ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ใครใช้ให้ไข่นามว่าเซียวหมิงเหรินนั้นมีรอยร้าวใหญ่ขนาดนั้นกันเล่า
หนิงเมิ่งเหยาชายตามองใบหน้าไร้ชีวิตชีวาของเซียวอี้หลิน ทว่าไม่ได้รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย “หากไม่มีเรื่องใดจะพูดอีก ก็ขอเชิญเซียวอ๋องกลับไปเสีย”
จวนของพวกนางไม่ต้อนรับคนเช่นนี้
เซียวอี้หลินมองทั้งสอง เมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ไม่มีเจตนาจะตอบรับคำขอของเขา เขาก็รู้สึกสิ้นหวัง
แต่การชำเลืองมองของตนเมื่อครู่ เซียวอี้หลินก็ถึงกับตัวแข็งไปทั้งร่าง เขาเหม่อมองไปยังด้านหลังใบหูของหนิงเมิ่งเหยาด้วยดวงตาเบิกโพลง