บทที่ 211 เกิดอะไรขึ้น
ในตอนแรก เฉียวเทียนช่างไม่ยินยอม แต่เขาก็จำต้องยื่นแขนออกไปหานางหลังจากเห็นว่านางยืนกรานหนักแน่นเพียงใด
หลังจากชิงซวงตรวจชีพจรเฉียวเทียนช่างแล้ว นางพบว่าโทสะในตัวเล่นงานเข้าที่หัวใจ เขาจึงกระอักเลือดออกมา ปอดของเขาเองก็บาดเจ็บ นางนำเอาขวดยาออกมาให้ชายหนุ่ม “นายน้อย ท่านต้องดูแลร่างกายตัวเองก่อน ถึงจะล้างแค้นให้คุณหนูและเจ้าตัวน้อยได้นะเจ้าคะ”
“ข้ารู้ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเหยาเหยานะ” เฉียวเทียนช่างเอื้อมไปลูบใบหน้าซีดขาวของหนิงเมิ่งเหยา เขาไม่อยากให้นางรู้สึกโกรธเพราะเรื่องนี้ นางต้องฟื้นตัวก่อน
“เจ้าค่ะ นายน้อย” ชิงซวงจะไม่เข้าใจความหมายที่เฉียวเทียนช่างพูดได้อย่างไร นางเองก็เห็นด้วยกับวิธีรับมือเรื่องนี้ของเขา ถ้าเขาบอกหนิงเมิ่งเหยา นางอาจทุกข์ใจจนส่งผลถึงการพักรักษาตัวได้
เมื่อชิงซวงออกไป เฉียวเทียนช่างถอดเสื้อคลุมนอกออกแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง เขาเหยียดแขนออกไปโอบกอดหนิงเมิ่งเหยาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะลดศีรษะลงจูบบนหน้าผากนาง หลับเสีย ข้าจะล้างแค้นให้ลูกของเราเอง
หนิงเมิ่งเหยาหลับไปสองวันเต็ม ในเช้าวันที่สาม นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ถ้าไม่ได้ชิงซวงคอยย้ำกับเฉียวเทียนช่างว่าหนิงเมิ่งเหยาสบายดีมาตลอดสองวัน เฉียวเทียนช่างคงเสียสติไปแล้ว
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาลืมตาขึ้น นางเห็นเฉียวเทียนช่างสภาพย่ำแย่อยู่ข้างๆ เฉียวเทียนช่างประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นนางตื่น
“เทียนช่าง เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน” นางรู้สึกเหมือนหลับใหลมานาน ทั้งตัวและท้องนางปวดไปหมด
นางจำได้ว่าตนโดนเฉียวเทียนอวี๋และชายหลายคนจับตัวไป จากนั้นพวกนางก็เจอกลุ่มนักฆ่า แล้วนางก็เหมือนจะกระแทกกับต้นไม้แล้วหมดสติไป ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน
“เพราะฉีเทียนเข้าไปช่วยเจ้าไว้ทัน ไม่เช่นนั้น…” เฉียวเทียนช่างไม่อาจกล่าวจนจบประโยคไหว เขาเอื้อมไปดึงหนิงเมิ่งเหยามากอดแนบแน่น
“ข้าเจ็บ” แรงที่เขาออกมากไปทำให้แผลตรงหลังนางปวดระบม นางร้องอย่างเจ็บปวด
เฉียวเทียนช่างรีบปล่อยหนิงเมิ่งเหยา “เป็นอย่างไรบ้าง ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือ”
“ข้าไม่เป็นไร อย่าห่วงไปเลย” เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างตื่นตกใจเพราะความกังวลต่อนาง หนิงเมิ่งเหยาก็เผยยิ้มเล็กๆ
เฉียวเทียนช่างรู้สึกโล่งใจพอได้ยินเช่นนั้น แต่เขาไม่อาจห้ามตัวเองมิให้เอื้อมไปลูบหัวนางได้
“เจ้าหลับไปตั้งสองวัน หิวหรือเปล่า ข้าจะไปเตรียมอาหารมาให้เจ้า” เฉียวเทียนช่างพึมพำถาม
“ข้าหิวแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ
หลังจากสั่งให้ชิงซวงเข้ามาดูบาดแผลของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างก็ไปเข้าห้องครัวในบ้านหลังเล็กนี้
เขาทำข้าวต้มเปล่าชามหนึ่งมาให้หนิงเมิ่งเหยา ขณะที่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้อง เขาได้ยินชิงซวงกำลังบอกหนิงเมิ่งเหยาว่านางต้องระมัดระวัง
“เหยาเหยา มาดื่มข้าวต้มก่อน ข้าจะทำอย่างอื่นให้เจ้าทีหลัง” ชิงซวงบอกไว้ว่าการแท้งลูกทำให้ร่างกายนางได้รับบาดเจ็บ นางจำเป็นต้องกินเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
เฉียวเทียนช่างศึกษาเรื่องนี้ไว้พร้อม
“อร่อย” หนิงเมิ่งเหยาดื่มข้าวต้มหมดชามอย่างรวดเร็วแล้วล้มตัวลงนอนเมื่อกินต่อไปไม่ไหว
ไม่นาน หนิงเมิ่งเหยาก็ผล็อยหลับไป
หลังจากที่นางหลับไปแล้ว เขาก็ออกไปข้างนอก หลินจือโยวและเหลยอันรอเขาอยู่
“นายท่าน พี่สะใภ้เป็นเช่นไรบ้าง”
“นางได้สติแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าระวังปากให้ดี อย่าให้เหยาเหยารู้ว่าเด็กไม่อยู่แล้ว” เฉียวเทียนช่างมองทั้งสองแล้วเอ่ยเตือนพวกเขาไว้
ถึงหลินจือโยวและเหลยอันจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พวกเขาก็ผงกศีรษะ “เข้าใจแล้วขอรับ”
“เรื่องที่ข้าขอให้พวกเจ้าไปสืบ คืบหน้าเช่นไรแล้วบ้าง” สีหน้าเฉียวเทียนช่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา เดิมเขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ บัดนี้มีคนทำร้ายภรรยาและลูกของเขา เขาจะต้องล้างแค้น
“ตระกูลเฉียวพยายามลักพาตัวพี่สะใภ้ แต่องครักษ์ลับจากจวนตระกูลเซียวเป็นคนที่ขวางทางพวกเขาไว้ ที่จวนตระกูลเซียวปองร้ายพี่สะใภ้เป็นเพราะเซียวจื่อเซวียนเกลียดนาง ต้องการให้นางตาย” หลินจือโยวรายงานข้อมูลที่ได้มาจากการสืบ
“ข้าได้ยินว่าเซียวจือเซวียนเพิ่งคลอดลูกชายใช่หรือไม่” เฉียวเทียนช่างถามดั่งกำลังเปรยว่าอากาศวันนี้ดีเพียงใด
มือหลินจือโยวชะงักค้าง ชายหนุ่มพูดถูกแล้ว
“ให้คนไปสืบเรื่องตระกูลเฉียว จวนตระกูลเซียว และจวนตระกูลหลิง” เฉียวเทียนช่างไม่ได้พูดเรื่องบุตรของเซียวจื่อเซวียนต่อ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่นแทน
หลินจือโยวถอนหายใจโล่งอก เขานึกกลัวขึ้นมาจับใจ เพราะสีหน้าเจ้านายของเขาตอนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
บทที่ 212 ปกปิดความจริง
แวบแรกเขาคิดว่าเจ้านายของเขาอยากให้เขาไปเอาตัวบุตรของเซียวจื่อเซวียนมา…ดูแล้วเขาคงคิดมากไป
“นายท่าน ข้าจะจัดการให้เอง แต่เรื่องสภาพร่างกายของพี่สะใภ้…” หลินจือโยวมองเฉียวเทียนช่างอย่างหวาดวิตก เขาจะปิดบังความจริงจากนางจริงหรือ หากนางรู้ความจริงเมื่อไร จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่อาจรู้ได้
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ “ตอนนี้เหยาเหยายังไม่แข็งแรง เฉียวเทียนอวี๋ใช้ผงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงปริมาณมาก ทำให้นางหนีไม่ได้ ร่างกายนางได้รับผลกระทบ ตอนนี้นางต้องพักฟื้นร่างกาย ไว้ข้าจะบอกเมื่อนางแข็งแรงขึ้นแล้ว”
“นายท่าน ท่านอย่าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้นานจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้น นางรู้เมื่อไร ท่านอาจจะดูไม่ดีได้”
“ข้ารู้ เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเสีย”
หลังจากหลินจือโยวไป เซียวฉีเทียนก็มาถึงโดยมีเซียวชวี่เฟิงเดินตามหลังมา
“เทียนช่าง เจ้ากลับมาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฉียวเทียนช่างไม่มีอะไรอื่นจะเอ่ย เซียวชวี่เฟิงไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่มองเขาอย่างกังวล “เทียนช่าง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“กระหม่อมไม่เป็นอะไร แต่กระหม่อมปล่อยสามตระกูลนั้นไปไม่ได้” เฉียวเทียนช่างมองเซียวชวี่เฟิงราวกับกำลังสื่อสิ่งที่ตนคิดอยู่
เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ “ข้ารู้ ท่านลุงของเราและจวนตระกูลหลิงทำตัวทะเยอทะยานมานานหลายปี ใช้โอกาสตอนนี้สยบพวกเขาเสียบ้างก็ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฉียวเทียนช่างไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ ในใจเขามีแต่เรื่องล้างแค้น
“เทียนช่าง ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยเกลี้ยกล่อมเมิ่งเหยาได้บ้าง ไม่ว่าพวกเจ้าคิดจัดการสามตระกูลนั้นเช่นไร ข้าไม่คัดค้านเลย” เซียวชวี่เฟิงเป็นฮ่องเต้ของเมืองนี้ แม้เขาจะเข้าใจความเจ็บปวดของทั้งสอง แต่เขาไม่อาจละเลยเมืองเซียวได้
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบดี นางยังไม่แข็งแรงและต้องพักฟื้น ดังนั้นกระหม่อมจึงยังไม่ได้บอกให้นางทราบ” เฉียวเทียนช่างมองเซียวชวี่เฟิงโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
เซียวชวี่เฟิงอึ้งไป เขาลดสายตาลง “ข้าเสียใจด้วย”
“หากฝ่าบาทไม่มีกิจอื่นใด กระหม่อมขอตัวกลับห้องก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ในตอนนี้เฉียวเทียนช่างไม่อยากพบใครทั้งนั้น เขาอยากจะอยู่คนเดียว
เซียวชวี่เฟิงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้เพียงกลับออกมาพร้อมเซียวฉีเทียน เมื่อทั้งสองไปถึงหน้าบ้านหลังเล็ก เขาหันกลับไปหาเฉียวเทียนช่าง “จวนของเจ้าในฐานะแม่ทัพพร้อมแล้ว เจ้ากับเมิ่งเหยาไปอยู่ที่นั่นได้ทุกเมื่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฉียวเทียนช่างทำตัวห่างเหิน แต่เซียวชวี่เฟิงหาได้โกรธไม่ เขาเพียงส่ายศีรษะแล้วเดินจากไป
เขาไม่เคยเห็นเฉียวเทียนช่างหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้มาก่อน
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชายหนุ่มเป็นเช่นนี้ เขากังวลใจยิ่งนัก
เซียวฉีเทียนตามหลังเซียวชวี่เฟิง “ท่านพี่ ท่านต้องไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้นะขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว” จะต้องมีคนชดใช้ในครั้งนี้ เขาต้องปล่อยให้ทุกอย่างราบรื่นมีแต่ต้องบรรเทาโทสะของสามีภรรยาคู่นี้ให้ได้
เซียวชวี่เฟิงออกจากจวนของน้องชายแล้วตรงกลับไปยังวังหลวง
ในตอนนี้ ที่จวนตระกูลเซียว เซียวอี้หลินขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ พวกคนที่เขาส่งไปควรจะกลับมารายงานข่าวได้แล้ว ไฉนยังไม่มีใครกลับมาอีกเล่า เกิดอะไรขึ้นกัน
เซียวอี้หลินนวดหว่างคิ้วแล้วเรียกให้ใครสักคนไปดูความเคลื่อนไหว
เมื่อเซียวอี้หลินได้รู้ว่าเฉียวเทียนช่างกลับมายังราชสำนักแล้ว และภรรยาของเขาแท้งลูก บัดนี้พักอยู่ที่จวนขององค์ชายฉี หัวใจเขาแทบหยุดเต้น
นางยังมีชีวิตอยู่ แต่สูญเสียลูกไป เขานึกเสียใจในทันที เขาไม่น่าฟังคำเซียวจื่อเซวียนแล้วไปหาเรื่องคนพวกนั้นแต่แรกเลย
ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่าเฉียวเทียนช่างไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ เขาเป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางใจมากที่สุด และฮ่องเต้เองย่อมไม่แสดงความเห็นใดๆ ต่อเรื่องที่เขาต้องการจะทำอย่างแน่นอน
เฉียวเจิ้งหงเองก็ได้รับข่าวเช่นเดียวกัน แต่เขารู้สึกตื่นเต้นแทนที่จะเป็นกังวล เพราะขอเพียงเฉียวเทียนช่างกลับมา อย่างไรเขาก็มีโอกาสจะพลิกกระดาน
ส่วนพวกคนที่ถูกส่งออกไป รวมถึงบุตรชายของเขาเอง เขาไม่สนใจว่าทั้งหมดนั้นจะเป็นหรือตาย ในใจเฉียวเจิ้งหง เขามั่นใจว่าเฉียวเทียนช่างไม่มีทางทำอะไรตนได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดาของเฉียวเทียนช่าง
จะกล้าลงไม้ลงมือกับบิดาเชียวหรือ
ทว่า ความคิดนี้เองที่ทำให้เฉียวเจิ้งหงต้องเสียใจในภายหลัง