บทที่ 189 ก่อนวันแต่งงาน
เมื่อเซียวฉีเทียนแวะมาเยี่ยมเยือน ทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้ข่าวเรื่องเซียวจื่อเซวียนโดนลดตำแหน่ง
หญิงสาวไม่สะทกสะท้านอะไรกับข่าวดังกล่าว นางคิดเพียงว่าหากเซียวจื่อเซวียนเลิกเข้ามาวุ่นวายก็คงจะดีกว่านี้
“ข้าจัดการเรื่องนี้ดีหรือไม่เล่า” เซียวฉีเทียนเอ่ยถามเพื่อขอคำชมจากหญิงสาว
หนิงเมิ่งเหยาอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนจะตอบว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเรื่องอัปยศอดสูนั้น จะไม่ทำให้นางโกรธแค้นน่ะ”
“ยิ่งดีไปอีกน่ะสิ เจ้าจะได้มีเหตุผลอันสมควรที่จะใช้จัดการกับนางอย่างไรเล่า” เซียวฉีเทียนรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็ให้โอกาสเขาสะสางบัญชีกับจวนตระกูลเซียวด้วย แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันอีก เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นและผงกศีรษะ หากเซียวจื่อเซวียนยังไม่เข็ดหลาบกับบทเรียนในครั้งนี้ นางก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะสอนบทเรียนอีกหนึ่งบทให้กับนาง โดยไม่อาจการันตีเรื่องจำนวนคนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลย
“เจ้าไม่ขุ่นเคืองแล้วใช่หรือไม่” เซียวฉีเทียนเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
หนิงเมิ่งเหยายิ้มให้อย่างเข้าใจในความกังวลของเขา “อย่าห่วงเลย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าและพี่ชายของเจ้าต้องเดือดร้อนหรอก พวกเจ้าคือพี่น้องของเทียนช่างนี่” นางเต็มใจยอมช่วยให้เฉียวเทียนช่างปกป้องเมืองที่เขารัก
เมื่อเซียวฉีเทียนได้ยินคำพูดจากหญิงสาว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก และเชื่อในคำพูดของนาง “ข้าค่อยสบายใจหน่อย”
ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวข้องกับเมืองเซียว เขาก็จะไม่เป็นกังวลเลย แน่นอนว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคนอื่นนั้นไม่เกี่ยวกับเขาเสียหน่อย
หลินจือโยวและคนอื่นๆ ต่างงุนงงกับบทสนทนาของพวกเขา ‘พวกเขาพูดเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย’
“แล้วเตรียมการเรื่องงานแต่งงานถึงไหนกันแล้วเล่า” เซียวฉีเทียนสัมผัสได้ถึงแววตาสงสัยของพวกเขา จึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“เอ่อ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอผองเพื่อนอีกไม่กี่คนมาร่วมงานเท่านั้น” เมื่อคิดถึงคนจำนวนไม่กี่คนนั้น หญิงสาวก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางครุ่นคิดว่าหากพวกเขาเหล่านั้นมาถึงแล้ว จะมีท่าทีเช่นไรบ้าง
เซียวฉีเทียนมองดูรอยยิ้มของหนิงเมิ่งเหยา โดยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่างภายใต้รอยยิ้มนั่น
ทว่า ชายหนุ่มก็เฉลียวฉลาดพอที่จะเก็บคำถามไว้ในใจ มิเช่นนั้นเขาคงจะโดนหญิงสาวเตะเข้าให้
เมื่องานแต่งงานใกล้เข้ามา หนิงเมิ่งเหยาก็เริ่มกังวล ‘แขกเหรื่อทั้งหลายต่างกำลังเดินทางมากันแล้วใช่ไหม’
“เป็นอะไรไป” เฉียวเทียนช่างสงสัยขณะมองดูท่าทางห่วงหน้าพะวงหลังของหญิงสาว นางดูผิดปกติไปตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน ทั้งยังเหลือบมองตรงประตูอยู่บ่อยครั้ง ราวกับว่าตนเองกำลังอยู่ในสมรภูมิรบที่อาจจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างอย่างคร่ำครวญ “ทักษะการต่อสู้ของเจ้าอยู่ระดับใดหรือ เทียนช่าง”
“ระดับดีเลยแหละ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมั่นใจในความสามารถของตนเอง
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็หมดห่วง” หนิงเมิ่งเหยาลูบอกตนเองก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โอ้โห ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้ากลัวเป็นด้วย เสี่ยวเหยาเอ๋อร์” ก่อนที่เฉียวเทียนช่างจะเอ่ยอะไรต่อ จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างโผงผาง
เสียงนั้นทำให้หญิงสาวตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะหันไปหาอย่างกระอักกระอ่วน
เมื่อนางเห็นกลุ่มคนดูดีกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู นางก็หันมองเฉียวเทียนช่าง “ทำไมเราถึงไม่วิ่งหนีไปตอนนี้เสียเลยเล่า เทียนช่าง” ‘คนกลุ่มนี้ช่างน่ากลัวเสียจริงเชียว’
“หากเจ้ากล้าวิ่งหนีไปกับผู้ชายของเจ้า เชื่อเถอะว่าพวกเราจะประท้วงและหยุดทำงานทันที” ผู้หญิงในกลุ่มนั้นเลิกคิ้วขึ้นพลางเอ่ยออกมา
เฉียวเทียนช่างหันมองทางประตูที่มีคนยืนอยู่สี่คน สามคนเป็นผู้หญิง ส่วนอีกคนเป็นผู้ชาย หญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ดูเป็นคนเปิดเผยและแต่งตัวยั่วยวนนัก
“ไม่ต้องห่วงหรอกเหยาเหยา ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” เขาเดาว่าคนเหล่านี้คือนายหญิงและนายท่านแห่งทงเป่าไจ
“สามีของนางคงจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้วล่ะ” หญิงสาวทรงเสน่ห์เดินนำคนอื่นๆ เข้ามาในบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
สายตาทั้งสี่คู่จับจ้องมาที่หนิงเมิ่งเหยา จนหญิงสาวรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง “พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่หรือ”
“ทำไมพวกเราจะมาร่วมงานแต่งงานของเจ้าไม่ได้ หรือจะต้องรอจนกว่าเจ้าคลอดลูกก่อน พวกเราถึงจะมาเยี่ยมหาได้น่ะ” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยถามอย่างประชดประชัน
หนิงเมิ่งเหยาอยากร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา หญิงสาวรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของตนเอง นางควรจะซื่อตรงกับพวกเขาตั้งแต่แรก ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
บทที่ 190 เอาชีวิตของนางมาใช้เพื่อลองใจข้า
หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาอย่างใจดีสู้เสือ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นสักหน่อย”
“ถ้าเช่นนั้นก็บอกมาสิว่าเจ้าหมายความว่าอะไร เจ้าไม่บอกอะไรกับพวกเราเลย แล้วจู่ๆ ก็หายตัวมา! หากไม่ใช่เพราะลุงเจี่ยงและคนอื่นๆ ออกตามหาเจ้า พวกเราก็คงไม่รู้ว่าเจ้าถูกไอ้เศษสวะนั่นรังแก ว่าแต่เจ้าไม่ตอบโต้อะไรเลยหรือ” หญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์มองหนิงเมิ่งเหยา ‘ช่างไม่ได้ดั่งใจเสียจริง’
‘นางช่างซื่อบื้อยิ่งนัก ทั้งๆ ที่มีพวกเขาคอยสนับสนุน แต่นางยังถูกกลั่นแกล้งได้ ช่างน่าขายหน้าเสียจริงเชียว’
“พี่เหมยอย่าโกรธไปเลย ข้ามิได้รู้สึกแย่อะไรเลย จริงๆ แล้วข้าได้พบเทียนช่างก็เพราะเขา เทียนช่างเป็นคนดีจริงๆ นะ” หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างเอาแต่ใจเล็กน้อย
หญิงสาวรู้ดีว่าพวกเขาไม่อาจคัดค้านนางได้
เมื่อหญิงสาวในกลุ่มนั้นได้ยินหนิงเมิ่งเหยาเรียก ‘พี่เหมย’ ตามคาด นางก็ทำอะไรไม่ได้ “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดจะแนะนำเขาให้พวกเรารู้จักหน่อยหรือ” ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็นคนดีหรือไม่ พวกเขาก็จะต้องทดสอบให้รู้กัน
“เทียนช่าง นี่คือพี่เหมย มีนามว่าเหมยรั่วหลิน ส่วนคนในชุดคลุมสีน้ำเงินด้านหลังนั้นคือมู่เสวี่ย ข้างๆ นางคือมู่เฉิน ส่วนคนสุดท้ายที่ดูคล้ายกับตุ๊กตานั้นชื่อว่าซือถูเซวียนนะ และพี่เหมย นี่คือเทียนช่าง” หนิงเมิ่งเหยาแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน
มู่เสวี่ยและมู่เฉินเดินไปหาเฉียวเทียนช่าง “เจ้ามีอะไรดีเช่นนั้นหรือ ถึงคู่ควรจะอยู่เคียงข้างกับเสี่ยวเหยาเอ๋อร์”
“ไม่ว่าข้าจะคู่ควรหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้านี่” แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะเป็นคนที่เหยาเหยารัก แต่พวกเขาก็ไม่ควรคลางแคลงใจในความรักของเขาที่มีต่อเหยาเหยา
มู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเขาร้อนราวกับแผ่นหยก จากนั้นในพริบตา สีหน้าของเขาก็โหดเหี้ยมขึ้น “ถ้าเช่นนั้นข้าก็อยากจะเห็นแล้วสิ ว่าเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาอยู่กับนาง” เมื่อพูดจบ เขาก็จู่โจมตรงไปยังจุดสำคัญของเฉียวเทียนช่างทันที
ชายหนุ่มผลักหนิงเมิ่งเหยาออกไปอยู่ด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการต่อสู้
“ไม่เลวเลยนะ” มู่เฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น
ในตอนแรกนั้น พวกเขาโกรธมากที่ได้ยินว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังจะแต่งงาน และคิดว่านางจะแต่งงานกับหลิงหลัว แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก พวกเขาจึงรู้ว่าหญิงสาวย้ายออกจากเมืองหลวงมาแล้ว ในขณะที่หลิงหลัวนั้นแต่งงานกับหญิงอื่น และกำลังจะเป็นพ่อคนในเร็ววันนี้
มันช่างเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับพวกเขา พวกเขาต่างเป็นห่วงหนิงเมิ่งเหยาเพราะกังวลอยู่ลึกๆ ว่านางจะถูกคนอื่นรังแก
หลังจากนั้น มู่เฉินก็จู่โจมอีกหนึ่งกระบวนท่า เฉียวเทียนช่างตกใจและมัวแต่เป็นห่วงหนิงเมิ่งเหยาจนต้องดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มหมุนตัวและใช้ร่างกายของตนเองรับแรงปะทะจากมู่เฉิน
“หึ” มู่เฉินจู่โจมโดยใช้พละกำลังไม่ต่ำกว่าร้อยละเจ็ดสิบของเรี่ยวแรงทั้งหมดของตนเอง เฉียวเทียนช่างปกป้องหนิงเมิ่งเหยาโดยไม่หลบหลีกมัน ทำให้ได้รับบาดแผลอย่างหนัก
เหมยรั่วหลินคอยสังเกตการณ์อยู่ด้วยความรู้สึกพึงพอใจ
จริงๆ แล้วเฉียวเทียนช่างอาจจะหลบได้ แต่เขากลับไม่ทำ และยอมเจ็บตัวเพื่อปกป้องหนิงเมิ่งเหยา
“เทียนช่าง เจ้าเป็นอะไรไหม” หญิงสาวตื่นตกใจเมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างเลือดออก
ชายหนุ่มเช็ดเลือดตรงปากของตนเอง ก่อนจะกอดหญิงสาวแน่นตรงกลางอก “อย่าห่วงเลย ข้าไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”
“ชิงซวง ดูแลเขาด้วย” หนิงเมิ่งเหยาไม่เชื่อ ก่อนจะเรียกหาชิงซวง จากนั้นหญิงสาวจึงโล่งใจขึ้น เมื่อชิงซวงเห็นว่าเฉียวเทียนช่างเป็นแผลช้ำใน ซึ่งหากได้รับการดูแลอย่างดี ก็จะหายได้เอง
“พวกเจ้าทำเกินไปแล้วนะ” หนิงเมิ่งเหยามั่นใจว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ พวกเขาต้องคิดวางแผนกันไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาโกรธ เหมยรั่วหลินจึงรีบอธิบาย “เหยาเอ๋อร์ เจ้าเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของพวกเรา พูดได้ว่าพวกเราดูแลเจ้าจนเติบใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ เดิมทีนั้น พวกเราไม่ชอบหลิงหลัวเลย แต่เพราะเจ้าชอบเขา เราเลยไม่พูดอะไร จนสุดท้ายเขาก็ทิ้งเจ้าไปเพื่ออำนาจ พอมาตอนนี้ เจ้าก็บอกว่าเฉียวเทียนช่างเป็นคนดี พวกเราก็อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าจะเชื่อได้หรือไม่”
“รั่วหลินพูดถูก หากเป็นเพียงแค่คำพูด พวกเราไม่เชื่อถือหรอก เราจึงต้องสร้างสถานการณ์ให้พวกเจ้าทั้งสองตกอยู่ในอันตราย และดูว่าเขาจะปกป้องใครมากกว่ากัน แต่การกระทำของเขานั้นน่าประทับใจทีเดียว” ซือถูเซวียนผงกศีรษะขณะพูดในสิ่งที่ตนคิด
หากเฉียวเทียนช่างหลบหนีออกมา หนิงเมิ่งเหยาก็จะต้องได้รับบาดเจ็บหนักเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วหญิงสาวยังอยากจะแต่งงานกับเขาอีก พวกเขาก็จะไม่เห็นด้วยและจะรีบพาตัวนางจากไปทันที
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก “ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่เอาชีวิตของนางมาใช้เพื่อลองใจข้าอีกนะ”